"...แก้มของน้อง
มือของน้อง
พี่หอมเจ้าทุกครั้งที่เจอตั้งแต่เล็กจนโต
บ่อยครั้งที่เจ้ารำคาญ
แต่พี่ไม่สนใจหรอก
เพราะน้องเป็นน้องรักของพี่
พี่รักเจ้ามากมากเหลือเกิน
ใจพี่จะขาด มาหาพี่นะคนดี
น้องรัก..."
ประโยคข้างบนผมไม่ได้เขียนเองหรอกครับ
แต่รู้สึกประทับใจมากทันทีเมื่อได้อ่าน
เพราะมันบอกเล่าถึงความรู้สึกผูกพันที่มีมาตลอดชีวิต
ของพี่สาวคนหนึ่งที่มีต่อน้องชายของเขาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจนที่สุดและสมบูรณ์แบบในตัว
ตอนที่เขายังเรียนหนังสืออยู่ที่ภาควิชานั้น
ผมก็เจอกับเขาบ่อยครั้ง
เพราะผมขึ้นไปชงกาแฟกินที่แลปเป็นประจำ
และแถวโต๊ะทำงานของเขาก็ใช้เป็นที่เก็บกาแฟที่ผมกับนิสิตปริญญาเอกที่อยู่บริเวณนั้น
สลับสับเปลี่ยนกันซื้อมาเติม
และเราก็ได้ใช้เวลาในการค่อย
ๆ จิบการแฟร้อนไปเรื่อย ๆ
จนกว่าจะหมดแก้วนั้น
สนทนากันในเรื่องต่าง ๆ
ในแต่ละเดือนจะมีอยู่อย่างน้อยหนึ่งครั้งที่เขาจะหายตัวไปจากแลป
ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาต้องไปเฝ้าดูแลน้องชายที่เดินทางจากต่างจังหวัดมารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพ
จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ทางครอบครัวของเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะลองเสี่ยงส่งน้องชายของเขาเดินทางไปรักษายังต่างประเทศ
การเดินทางไปรักษายังต่างประเทศครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะมีค่าใช้จ่ายสูง
แต่ยังต้องใช้เวลานานอีกด้วย
โดยอาจกินเวลานานหลายเดือน
และแม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูง
แต่ก็มองไม่เห็นทางเลือกอื่นที่จะดีกว่านี้
ได้ยินมาว่าเขาเองใช้วันหยุดทั้งหมดในรอบปีที่มีอยู่นั้น
ขอลาหยุดงานเพื่อการเดินทางไปดูแลน้องชายเขาในช่วงแรกของการรักษา
เหตุการณ์จากนั้นเป็นอย่างไรบ้างนั้น
เขาก็ได้บันทึกเอาไว้บนหน้า
facebook
ของเขา
ซึ่งผมได้ขออนุญาตเจ้าของ
facebook
และได้รับอนุญาตเพื่อนำมาลงเอาไว้ในที่นี้แล้ว
อังคาร
๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗
ครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ...เดินทางพาน้องชายไปรักษาตัวที่สหรัฐอเมริกา...ขอเรากลับมาปลอดภัยและหายดี _/\_ — กำลังเดินทางไปที่ San Francisco กับ ที 'เดียว จาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | Suvarnabhumi Airport BKK
อาทิตย์
๑ มิถุนายน ๒๕๕๗
ธี : ทำไมฟันล่างพี่กรีสห่างจัง
กรีส
:
พี่ไม่ได้เหลาฟันล่างอ่ะ
เหลาแต่ฟันข้างบนอ่ะ..
ธีเหลาป่ะ
ธี
:
ธีไม่ได้เหลาฟัน...แต่ธีหล่อเหลา
กรีส
:
0,o
#น่าจะเป็นผลมาจากอาหารแซบ^^
—
กำลังรับประทาน
dinner
กับ
ที 'เดียว
ที่ Public
Market Emeryville
อาทิตย์
๒๘ กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๕:๒๕
น.
บันทึกความทรงจำครอบครัวธาลัสซีเมีย
"ธาลัสซีเมีย" หรือโรคเลือดจางซึ่งเกิดจากพันธุกรรม โรคนี้เรารู้จักดีผ่านทางน้องชายจนถือได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันเลยทีเดียว
น้องธีรับการรักษาตามลักษณะอาการของโรคมาเป็นเวลาเกือบ
20
ปีแล้ว
ทั้งการผ่าตัดเอาม้ามออก
การรับเลือดทุกเดือนและการฉีดยาขับเหล็ก....
สิ่งที่ทรมานที่สุดเห็นจะเป็นการฉีดยาขับเหล็ก ซึ่งต้องเอาเข็มคาไว้ใต้ผิวหนังเป็นเวลา 7 ชม. โดยฉีดสัปดาห์ละ 5 วันโดยประมาณ....
ในที่สุด ครอบครัวเราตกลงกันว่าจะรักษาน้องให้ถึงที่สุดและวันนี้ก็มาถึง
การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวเรา....
การเปลี่ยนถ่าย
stem
cells จากแม่สู่น้องชาย....
ให้ชีวิตใหม่กับลูกอีกครั้งนึงของผู้เป็นแม่
สิ้นสุดการมีกรุ๊ปเลือด A
ของน้องธี
(04/05/2536-23/09/2557) เปลี่ยนกรุ๊ปเลือดเป็น
AB
นับจากนี้เป็นต้นไป....
ขอให้น้องธีปลอดภัยและหายดี _/\_
ท้ายนี้...
ขอบคุณเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
(จำได้ว่าการรักษาแบบนี้เมื่อสิบปีที่แล้วยังไม่มี)
ขอบคุณพ่อกับแม่ที่พยายามทุกทางเพื่อให้น้องหายดี
ขอบคุณน้องชายที่เข้มแข็งมาจนถึงวันนี้
ขอบคุณญาติพี่น้องทุกคนที่ช่วยทั้งกำลังทรัพย์และกำลังใจ
ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางผ่านเส้นทางการรักษาทั้งในและต่างประเทศ
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ_/\_
— รู้สึกมีความหวังกับ ที 'เดียว ที่ โรงพยาบาลสมิตติเวช ศรีนครินทร์
สัปดาห์ที่แล้วระหว่างเดินกลับมายังตึกทำงาน
"อาจารย์คะ อาจารย์" เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังมาจากทางข้างหลัง ผมเลยหันกลับไปดู ก็พบว่าเป็นเขานั่นเอง
เรามีเวลาสั้น ๆ บนทางเดินก่อนที่จะถึงทางแยกที่จะแยกจากกันนั้น ในการถามถึงสารทุกข์สุขดิบ และ
ผลการเดินทางไปยังต่างประเทศของเขา
ไม่กี่วันถัดมา ข้อความข้างล่างก็ปรากฏขึ้นบนหน้า facebook ของเขา
ศุกร์
๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๒๑.๑๑
น.
ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวที่ได้อุทิศเวลากว่า
๒๐ ปีที่ผ่านมาในการดูแลบุคคลอันเป็นที่รักของเขา
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวดังกล่าวที่ต้องสูญเสียบุคคลอันที่เป็นที่รักยิ่งของเขาไป
บางครั้ง
การหมดสิ้นภาระอันหนักอึ้งที่ต้องแบกรับนั้น
ก็ไม่ได้หมายความว่าจะนำมาซึ่งความสุขของผู้ที่ต้องแบกรับภาระดังกล่าวนั้นเสมอไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น