เจ้าสองตัวนี้ชื่อว่า
"หิมะ"
กับ
"ชาเขียว"
ลูกสาวคนเล็กเป็นคนตั้งซื่อให้
หิมะคือตัวสีขาว
และชาเขียวคือตัวสีน้ำตาล
(ทำไมไม่ชื่อชาเย็นก็ไม่รู้
ผมว่าสีขนมันเหมือนชานมมากกว่าชาเขียว)
ไปซื้อมาจากสนามหลวง
๒ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
ราคาตัวละ ๑๐๐ บาท
ตอนนั้นทั้งคู่อายุประมาณ
๑ เดือน
แต่ดูจากขนาดแล้วดูเหมือนว่าเจ้าชาเขียวมันจะแก่กว่าเจ้าหิมะอยู่หน่อย
เพราะมันตัวโตกว่า
คนขายบอกว่าเป็นตัวเมียทั้งคู่
ที่ซื้อติดมาด้วยตอนนั้นก็คือกรงแบบพับได้ที่มีชั้นเล่นระดับที่ดูแล้วเหมาะกับการเลี้ยงสัตว์พวกกระรอกหรือสัตว์ตัวเล็ก
ๆ มากกว่า เพราะกระต่ายนั้นมันโตเร็ว
เจ้าสองตัวนี้ก็เช่นกัน
เลี้ยงได้ประมาณ ๒
เดือนก็ต้องมาสร้างกรงใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมให้อยู่นอกบ้าน
กรงที่สร้างใหม่ก็เอากรงตาข่ายเลี้ยงสุนัขเดิมที่ปิดรอบด้านและเคยเอามาใช้เลี้ยงกระต่ายในครอกที่แล้วมาใช้
โดยนำมาต่อคอกกั้นเพิ่มเติมโดยใช้เหล็กฉากและไปซื้อแผงตาข่ายสีขาวมาปิดด้านข้างโดยใช้กำแพงตัวบ้านเป็นรั้งด้วนหนึ่งและเปิดด้านบนเอาไว้
กะว่าตอนกลางคืนจะให้มันอยู่ในกรงที่ปิดรอบด้านเพื่อป้องกันไม่ให้โดนจับกินแบบครอกที่แล้ว
ส่วนกลางวันก็จะปล่อยให้มันออกมาวิ่งเล่นในคอกที่กั้นเอาไว้ให้
ตอนแรกมันก็อยู่ในคอกนั้นได้
แต่ไปสักพักพอมันโตขึ้น
มันเล่นปีนข้ามแผงกั้นหรือไม่ก็กระโดดขึ้นมาบนหลังคากรงตาข่าย
ก็เลยต้องไปเอาแผ่นกระเบื้องมาปูกันมันหนี
แต่ขึ้นชื่อว่ากระต่ายซะอย่าง
ถ้าปิดไม่ให้ขึ้นฟ้า
ก็มุดลงดินก็ได้
และมันก็ทำอย่างนั้นจริง
ๆ
รูปที่ ๒ กรงของเจ้าหิมะกับชาเขียวก่อนการซ่อมแซม อันที่จริงระดับพื้นในกรงมันเสมอกับระดับนอกกรง แต่มันเล่นขุดดินจากใต้บ้านออกมากองเอาไว้จนกระทั่งระดับพื้นในกรงสูงกว่านอกกรงประมาณ ๑๐-๑๕ เซนติเมตร
รูปที่
๓ รูที่เจ้าสองตัวมันขุดลอดใต้กรงออกมา
รางเหล็กสำหรับวางพื้นไม้ของกรงนั้นผุหมดแล้ว
ต้องใช้ก้อนอิฐรองเอาไว้
แต่เจ้าสองตัวก็ขุดลอดซะพื้นกรงทรุดหมด
เลยต้องรื้อออกมาทำใหม่หมด
พื้นดินเดิมที่สร้างบ้านเมื่อ
๕ ปีที่แล้วเป็นท้องร่องสวน
ระดับคันดินต่ำกว่าระดับถนนประมาณครึ่งเมตร
ตรงที่เป็นคูน้ำก็ยิ่งต่ำลงไปอีก
ตอนสร้างบ้านก็ออกแบบให้พื้นล่างวางบนคาน
ยกสูงจากระดับถนน ๖๐ เซนติเมตร
(แต่ก็ยังไม่พ้นจมน้ำเมื่อน้ำท่วมใหญ่ในปี
๒๕๕๔ ที่ระดับน้ำที่ถนนหน้าบ้านสูงถึง
๑ เมตร)
ตอนเริ่มสร้างบ้านก็ถมที่เพียงแค่เพื่อให้คนงานสามารถทำงานได้
จากนั้นจึงค่อยถมที่รอบ ๆ
บ้านให้สูงจนถึงระดับถนน
วัสดุที่เอามาถมก็มีทั้งเศษหิน
กระเบื้อง ฯลฯ ที่เหลือจากงานก่อสร้าง
(ทั้งบ้านตัวเองและบ้านข้าง
ๆ ที่ซ่อมแซมในขณะนั้น)
โดยให้เป็นพื้นชั้นล่าง
ส่วนพื้นด้านบนก็ใช้ทรายและดิน
(ผสมเศษหิน)
ถมขึ้นมา
เพื่อเอาไว้ให้สามารถขุดเพื่อปลูกต้นไม้ได้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้นไม้เดิมอยู่ในระดับพื้นดินที่ลึกหรือเปล่า
ทำให้ตอนน้ำท่วมใหญ่ปี ๕๔
แม้ว่าน้ำจะท่วมขังอยู่ร่วมเดือน
แต่ต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิมก่อนถมดินไม่ตายสักต้น
แถมยังมีน้ำเก็บเอาไว้ใต้ดินให้ต้นไม้ใช้อีกตลอดฤดูร้อนถัดมา
รูปที่
๔ สภาพภายในกรงของเจ้าสองตัวก่อนทำการซ่อมแซม
ตรงใต้หลังคากระเบื้องสีเขียวเป็นตำแหน่งที่มันขุดดินลงไปลึกลอดใต้คานบ้านและเข้าไปนอนอยู่ข้างใน
พวกเศษหินที่อยู่ในนั้นมันก็เอาเท้าหน้าดันออกมา
รูปที่ ๕ โพรงกระต่ายอีกโพรงหนึ่งที่เจ้าชาเขียวขุดลอดขั้นบันไดหลังบ้านเข้าไปใต้ถุนบ้าน
รูปที่ ๕ โพรงกระต่ายอีกโพรงหนึ่งที่เจ้าชาเขียวขุดลอดขั้นบันไดหลังบ้านเข้าไปใต้ถุนบ้าน
สองปีที่แล้วเขียนเรื่องโพรงกระต่ายเอาไว้หลังจากออกจากโรงพยาบาล
ซึ่งตอนนั้นเป็นฝีมือของเจ้า
"ห่อหมก"
กับ
"แจงลอน"
และนั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นเจ้าสองตัวนั้น
ตอนนั้นก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันโดนตัวอะไรจับกิน
เพราะไม่มีร่องรอยอะไรหรือมีซากเหลือให้เห็น
บ้างก็บอกว่าตัวเหี้ย
บ้างก็บอกว่างูเหลือม
คือเจ้าตัวเหี้ยนี่ยังเห็นมันปีนต้นไม้อยู่ในสวนร้างหลังบ้านอยู่บ้าง
แต่เจ้างูเหลือมนี่ยังไม่เคยเห็นมันเข้าบ้านสักที
แต่บ้านข้าง ๆ เขาบอกว่ามี
จนกระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้วจึงได้เห็นงูเหลือมมาเลี้อยพันอยู่บนต้นมะม่วง
ทำนองว่ามันจะข้ามไปยังต้นมะตูมที่มีรังกระรอกอยู่
แต่ข้ามไปไม่ได้
สงสัยเป็นเพราะต้นมะตูมมันมีหนามแหลม
แต่ช่วง ๑-๒
ปีที่ผ่านมาแถวบ้านก็มีการจับงูเหลือมได้หลายตัว
(คนที่จับได้เขาไม่ได้บอกว่ามันยาวกี่เมตร
แต่บอกว่ามันหนักกี่กิโล
คือทำนองว่ามีคนรับซื้อไปโดยให้ราคาตามน้ำหนักงู)
แถมสวนร้างหลังบ้านก็มีเจ้าของเขาเริ่มเข้ามาถากถาง
เจ้าสัตว์พวกนี้ก็เลยหายหน้าหายตาไป
(แต่เชื่อว่าคงจะยังมีอยู่)
มาคราวนี้มาเขียนเรื่อง
"โพรงกระต่าย"
อีก
ก็หวังว่าประวัติศาสตร์คงจะไม่ซ้ำรอย
รูปที่ ๖ สภาพกรงหลังจากซ่อมเสร็จแล้ว มองไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงเท่าใดเพราะเป็นการเกลี่ยทรายเดิมภายในกรง และทำทางเข้าออกถาวรให้มันทั้งสองตัว (ตรงที่เอากระถางต้นไม้บังเอาไว้ที่เจ้าหิมะมันนั่งอยู่)
รูปที่ ๖ สภาพกรงหลังจากซ่อมเสร็จแล้ว มองไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงเท่าใดเพราะเป็นการเกลี่ยทรายเดิมภายในกรง และทำทางเข้าออกถาวรให้มันทั้งสองตัว (ตรงที่เอากระถางต้นไม้บังเอาไว้ที่เจ้าหิมะมันนั่งอยู่)
เลี้ยงกระต่ายนี่ก็ดีอยู่อย่าง
คือมันสามารถหากินเองจากใบไม้ใบหญ้าต่าง
ๆ ที่ขึ้นอยู่รอบบ้าน
ดอกอัญชันสีม่วงมันก็ชอบกิน
ลูกสาวคนเล็กชอบที่จะเก็บดอกอัญชันที่เลื้อยพันอยู่ตามต้นไม้รอบบ้านใส่กระชอนไปป้อนให้เจ้าสองตัวกินเป็นประจำ
เจ้าชาเขียวนี้
เวลาที่ตัดแต่งกิ่งไม้มันก็ชอบที่จะมาวิ่งวนเวียนอยู่รอบ
ๆ แต่ถ้าก้มลงจะจับตัวมัน
มันจะรีบวิ่งหนี
ถ้ามันไม่เห็นเราทำท่าจะสนใจมัน
มันก็ไม่คิดจะหนีไปไหน
บางทีจะล่อให้มันเข้ามาใกล้
ๆ ก็ใช้กิ่งกระถินที่มียอดอ่อนเป็นตัวล่อ
ตอนบ่าย ๆ
แดดร้อนทั้งสองตัวจะหลบหายไปใต้กรงไม่ก็ไปอยู่ในโพรง
ช่วงเช้า ๆ หรือตอนเย็น ๆ
จึงจะเห็นออกมาวิ่งเล่น
ตอนนี้ก็ได้แต่รอดูว่าสองตัวนี้จะอยู่คู่บ้านนี้ไปได้อีกนานเท่าไร
ตอนนี้ก็ได้แต่รอดูว่าสองตัวนี้จะอยู่คู่บ้านนี้ไปได้อีกนานเท่าไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น