วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

โพรงกระต่าย (๒) MO Memoir : Monday 16 March 2558

เจ้าสองตัวนี้ชื่อว่า "หิมะ" กับ "ชาเขียว" ลูกสาวคนเล็กเป็นคนตั้งซื่อให้ หิมะคือตัวสีขาว และชาเขียวคือตัวสีน้ำตาล (ทำไมไม่ชื่อชาเย็นก็ไม่รู้ ผมว่าสีขนมันเหมือนชานมมากกว่าชาเขียว) ไปซื้อมาจากสนามหลวง ๒ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ราคาตัวละ ๑๐๐ บาท ตอนนั้นทั้งคู่อายุประมาณ ๑ เดือน แต่ดูจากขนาดแล้วดูเหมือนว่าเจ้าชาเขียวมันจะแก่กว่าเจ้าหิมะอยู่หน่อย เพราะมันตัวโตกว่า คนขายบอกว่าเป็นตัวเมียทั้งคู่ ที่ซื้อติดมาด้วยตอนนั้นก็คือกรงแบบพับได้ที่มีชั้นเล่นระดับที่ดูแล้วเหมาะกับการเลี้ยงสัตว์พวกกระรอกหรือสัตว์ตัวเล็ก ๆ มากกว่า เพราะกระต่ายนั้นมันโตเร็ว เจ้าสองตัวนี้ก็เช่นกัน เลี้ยงได้ประมาณ ๒ เดือนก็ต้องมาสร้างกรงใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมให้อยู่นอกบ้าน
  
กรงที่สร้างใหม่ก็เอากรงตาข่ายเลี้ยงสุนัขเดิมที่ปิดรอบด้านและเคยเอามาใช้เลี้ยงกระต่ายในครอกที่แล้วมาใช้ โดยนำมาต่อคอกกั้นเพิ่มเติมโดยใช้เหล็กฉากและไปซื้อแผงตาข่ายสีขาวมาปิดด้านข้างโดยใช้กำแพงตัวบ้านเป็นรั้งด้วนหนึ่งและเปิดด้านบนเอาไว้ กะว่าตอนกลางคืนจะให้มันอยู่ในกรงที่ปิดรอบด้านเพื่อป้องกันไม่ให้โดนจับกินแบบครอกที่แล้ว ส่วนกลางวันก็จะปล่อยให้มันออกมาวิ่งเล่นในคอกที่กั้นเอาไว้ให้ ตอนแรกมันก็อยู่ในคอกนั้นได้ แต่ไปสักพักพอมันโตขึ้น มันเล่นปีนข้ามแผงกั้นหรือไม่ก็กระโดดขึ้นมาบนหลังคากรงตาข่าย ก็เลยต้องไปเอาแผ่นกระเบื้องมาปูกันมันหนี

แต่ขึ้นชื่อว่ากระต่ายซะอย่าง ถ้าปิดไม่ให้ขึ้นฟ้า ก็มุดลงดินก็ได้ และมันก็ทำอย่างนั้นจริง ๆ
รูปที่ ๑ เจ้าหิมะกับชาเขียว ระหว่างออกมาวิ่งเล่นนอกกรง หาอะไรกินตามกระถางผักสวนครัวที่ปลูกไว้

รูปที่ ๒ กรงของเจ้าหิมะกับชาเขียวก่อนการซ่อมแซม อันที่จริงระดับพื้นในกรงมันเสมอกับระดับนอกกรง แต่มันเล่นขุดดินจากใต้บ้านออกมากองเอาไว้จนกระทั่งระดับพื้นในกรงสูงกว่านอกกรงประมาณ ๑๐-๑๕ เซนติเมตร
  
รูปที่ ๓ รูที่เจ้าสองตัวมันขุดลอดใต้กรงออกมา รางเหล็กสำหรับวางพื้นไม้ของกรงนั้นผุหมดแล้ว ต้องใช้ก้อนอิฐรองเอาไว้ แต่เจ้าสองตัวก็ขุดลอดซะพื้นกรงทรุดหมด เลยต้องรื้อออกมาทำใหม่หมด
  
พื้นดินเดิมที่สร้างบ้านเมื่อ ๕ ปีที่แล้วเป็นท้องร่องสวน ระดับคันดินต่ำกว่าระดับถนนประมาณครึ่งเมตร ตรงที่เป็นคูน้ำก็ยิ่งต่ำลงไปอีก ตอนสร้างบ้านก็ออกแบบให้พื้นล่างวางบนคาน ยกสูงจากระดับถนน ๖๐ เซนติเมตร (แต่ก็ยังไม่พ้นจมน้ำเมื่อน้ำท่วมใหญ่ในปี ๒๕๕๔ ที่ระดับน้ำที่ถนนหน้าบ้านสูงถึง ๑ เมตร) ตอนเริ่มสร้างบ้านก็ถมที่เพียงแค่เพื่อให้คนงานสามารถทำงานได้ จากนั้นจึงค่อยถมที่รอบ ๆ บ้านให้สูงจนถึงระดับถนน วัสดุที่เอามาถมก็มีทั้งเศษหิน กระเบื้อง ฯลฯ ที่เหลือจากงานก่อสร้าง (ทั้งบ้านตัวเองและบ้านข้าง ๆ ที่ซ่อมแซมในขณะนั้น) โดยให้เป็นพื้นชั้นล่าง ส่วนพื้นด้านบนก็ใช้ทรายและดิน (ผสมเศษหิน) ถมขึ้นมา เพื่อเอาไว้ให้สามารถขุดเพื่อปลูกต้นไม้ได้
  
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้นไม้เดิมอยู่ในระดับพื้นดินที่ลึกหรือเปล่า ทำให้ตอนน้ำท่วมใหญ่ปี ๕๔ แม้ว่าน้ำจะท่วมขังอยู่ร่วมเดือน แต่ต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิมก่อนถมดินไม่ตายสักต้น แถมยังมีน้ำเก็บเอาไว้ใต้ดินให้ต้นไม้ใช้อีกตลอดฤดูร้อนถัดมา
รูปที่ ๔ สภาพภายในกรงของเจ้าสองตัวก่อนทำการซ่อมแซม ตรงใต้หลังคากระเบื้องสีเขียวเป็นตำแหน่งที่มันขุดดินลงไปลึกลอดใต้คานบ้านและเข้าไปนอนอยู่ข้างใน พวกเศษหินที่อยู่ในนั้นมันก็เอาเท้าหน้าดันออกมา

รูปที่ ๕ โพรงกระต่ายอีกโพรงหนึ่งที่เจ้าชาเขียวขุดลอดขั้นบันไดหลังบ้านเข้าไปใต้ถุนบ้าน

สองปีที่แล้วเขียนเรื่องโพรงกระต่ายเอาไว้หลังจากออกจากโรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นเป็นฝีมือของเจ้า "ห่อหมก" กับ "แจงลอน" และนั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นเจ้าสองตัวนั้น ตอนนั้นก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันโดนตัวอะไรจับกิน เพราะไม่มีร่องรอยอะไรหรือมีซากเหลือให้เห็น บ้างก็บอกว่าตัวเหี้ย บ้างก็บอกว่างูเหลือม คือเจ้าตัวเหี้ยนี่ยังเห็นมันปีนต้นไม้อยู่ในสวนร้างหลังบ้านอยู่บ้าง แต่เจ้างูเหลือมนี่ยังไม่เคยเห็นมันเข้าบ้านสักที แต่บ้านข้าง ๆ เขาบอกว่ามี จนกระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้วจึงได้เห็นงูเหลือมมาเลี้อยพันอยู่บนต้นมะม่วง ทำนองว่ามันจะข้ามไปยังต้นมะตูมที่มีรังกระรอกอยู่ แต่ข้ามไปไม่ได้ สงสัยเป็นเพราะต้นมะตูมมันมีหนามแหลม แต่ช่วง ๑-๒ ปีที่ผ่านมาแถวบ้านก็มีการจับงูเหลือมได้หลายตัว (คนที่จับได้เขาไม่ได้บอกว่ามันยาวกี่เมตร แต่บอกว่ามันหนักกี่กิโล คือทำนองว่ามีคนรับซื้อไปโดยให้ราคาตามน้ำหนักงู) แถมสวนร้างหลังบ้านก็มีเจ้าของเขาเริ่มเข้ามาถากถาง เจ้าสัตว์พวกนี้ก็เลยหายหน้าหายตาไป (แต่เชื่อว่าคงจะยังมีอยู่) มาคราวนี้มาเขียนเรื่อง "โพรงกระต่าย" อีก ก็หวังว่าประวัติศาสตร์คงจะไม่ซ้ำรอย

รูปที่ ๖ สภาพกรงหลังจากซ่อมเสร็จแล้ว มองไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงเท่าใดเพราะเป็นการเกลี่ยทรายเดิมภายในกรง และทำทางเข้าออกถาวรให้มันทั้งสองตัว (ตรงที่เอากระถางต้นไม้บังเอาไว้ที่เจ้าหิมะมันนั่งอยู่)

เลี้ยงกระต่ายนี่ก็ดีอยู่อย่าง คือมันสามารถหากินเองจากใบไม้ใบหญ้าต่าง ๆ ที่ขึ้นอยู่รอบบ้าน ดอกอัญชันสีม่วงมันก็ชอบกิน ลูกสาวคนเล็กชอบที่จะเก็บดอกอัญชันที่เลื้อยพันอยู่ตามต้นไม้รอบบ้านใส่กระชอนไปป้อนให้เจ้าสองตัวกินเป็นประจำ เจ้าชาเขียวนี้ เวลาที่ตัดแต่งกิ่งไม้มันก็ชอบที่จะมาวิ่งวนเวียนอยู่รอบ ๆ แต่ถ้าก้มลงจะจับตัวมัน มันจะรีบวิ่งหนี ถ้ามันไม่เห็นเราทำท่าจะสนใจมัน มันก็ไม่คิดจะหนีไปไหน บางทีจะล่อให้มันเข้ามาใกล้ ๆ ก็ใช้กิ่งกระถินที่มียอดอ่อนเป็นตัวล่อ ตอนบ่าย ๆ แดดร้อนทั้งสองตัวจะหลบหายไปใต้กรงไม่ก็ไปอยู่ในโพรง ช่วงเช้า ๆ หรือตอนเย็น ๆ จึงจะเห็นออกมาวิ่งเล่น
  
ตอนนี้ก็ได้แต่รอดูว่าสองตัวนี้จะอยู่คู่บ้านนี้ไปได้อีกนานเท่าไร

ไม่มีความคิดเห็น: