วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

เมื่อฝนแรกมา คงมีบุญตาได้เห็น ... (๒) MO Memoir : Wednesday 25 March 2558

ผมเขียนเรื่องการปรับปรุงระบบระบายน้ำจากพื้นถนนลงท่อระบายน้ำใต้ถนนเพื่อระบายออกไปยังท่อระบายใหญ่ที่อยู่ใต้ถนนนอกหน่วยงานไว้ใน Memoir ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๙๒๐ วันอาทิตย์ที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๘ เรื่อง "เมื่อฝนแรกมาคงมีบุญตาได้เห็น ..." และหนังจากนั้นเพียงสองเดือนเศษคือเมื่อวานนี้ ก็มีฝนตกหนักต่อเนื่องกันเป็นชั่วโมงมาให้ชมกัน พอฝนเริ่มหยุดตก (แต่ยังไม่ขาดเม็ดดี) ก็เลยถือโอกาสเดินจากหยดน้ำฝนไปถ่ายรูปเล่นมาฝากกัน
  
แต่ละรูปนั้นคงไม่ขอระบุว่าเป็นที่ไหน แต่คิดว่าหลาย ๆ คนคงเดากันได้
  
กรุงเทพเป็นเมืองที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลไม่มาก เผลอ ๆ บางบริเวณจะอยู่ระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าระดับน้ำทะเลเสียอีก ดังนั้นสำหรับท่อระบายน้ำที่อยู่ใต้พื้นผิวดิน จึงมีสิทธิที่จะอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลลงไปได้อีก ดังนั้นการระบายน้ำออกจากบริเวณนี้จึงต้องมีการระบายน้ำลงสู่ที่ต่ำสำหรับรวบรวมน้ำ (ที่อาจต้องสร้างขึ้นเอง) และค่อยสูบน้ำออกจากแหล่งรวบรวมนั้นระบายออกสู่คลองเพื่อให้ไหลออกทะเลไป
  
และจะว่าไปแล้วดูเหมือนว่าการออกแบบระบบระบายน้ำฝนของกรุงเทพนั้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดน้ำท่วมไม่ว่าฝนจะตกหนักเพียงใด ในกรณีที่ฝนตกหนักมากนั้นมันเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่จะต้องเกิดการท่วมขัง เพียงแต่ว่าจะสามารถระบายน้ำที่ท่วมขังนั้นออกไปได้เร็วเพียงใด แต่ดูเหมือนว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพจำนวนไม่น้อยมีความหวาดกลัวน้ำท่วมขังจนไม่รู้ว่าจะมากเกินไปหรือเปล่า)








สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นว่ามันมีส่วนทำให้ปัญหาน้ำท่วมหลังฝนตกเกิดขึ้นได้ง่ายก็เพราะเราพยายามที่จะระบายน้ำฝนที่ตกลงมานั้นลงสู่ระบบระบายน้ำทั้งหมด อันที่จริงพื้นดินนั้นก็สามารถรองรับน้ำฝนได้ในระดับหนึ่งด้วยการซึมซับเอาไว้ รอบ ๆ ตัวบ้านที่ผมอาศัยอยู่นั้นเป็นพื้นดิน เวลาฝนตกลงมาแต่ละครั้งถ้าไม่หนักมากต่อเนื่องกัน น้ำฝนจะไม่ท่วมขังบนพื้นดินจนล้นไหลลงทางระบายน้ำที่อยู่รอบรั้ว แต่จะซึมลงใต้ดินหายไป น้ำที่ซึมหายลงไปในดินนี้จัดว่าสำคัญสำหรับไม้ใหญ่ที่มีรากฝังลึกอยู่ใต้ดิน เพราะมันสามารถใช้น้ำดังกล่าวได้ตลอดทั้งปีแม้ว่าจะไม่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน (น้ำรดต้นไม้ที่รดกันอยู่มันก็ช่วยแค่พืชคลุมดินที่รากอยู่ตื้น เว้นแต่จะมีการเปิดทิ้งไว้นานหน่อยน้ำจึงจะซึมลึกลงไปใต้ดินที่มีรากต้นไม้ใหญ่อยู่) แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นที่นิยมปฏิบัติกันของผู้บริหารหน่วยงานที่นึกอะไรไม่ออกก็ทำการเทปูนบริเวณที่เป็นพื้นดินเสียก่อน คนผ่านไปมาจะได้เห็นว่ามีผลงานในเรื่อง "การปรับปรุงภูมิทัศน์" ทำให้ในสถานที่หลายแห่งนั้นพบว่าพื้นดินเปิดสำหรับให้น้ำฝนไหลซึมลงดินไปหล่อเลี้ยงต้นไม้ใหญ่นั้นลดน้อยลงไปทุกที


ถนนอังรีดูนังต์ด้านริมรั้วเคยเป็นคลองมาก่อน ดูเหมือนใต้ท้องถนนปัจจุบันจะเป็นทางระบายน้ำขนาดใหญ่ที่ระบายออกไปยังคลองแสนแสบข้างวัดปทุมวนาราม ทางระบายน้ำในมหาวิทยาลัยก็ระบายน้ำออกมายังทางระบายน้ำใต้ถนนนี้ หลังฝนตกปรากฏว่าหลายแห่งน้ำลดลงเร็ว แต่มีอยู่เส้นหนึ่งที่ยังมีน้ำท่วมขัง (ตั้งแต่รูปที่ ๒ ถึงรูปที่ ๗) ตอนเดินวนกลับมาพบว่ามีเจ้าหน้าที่มาทำการรื้อเอาอุปกรณ์ดักขยะไม่ให้ไหลลงทางระบายน้ำใหญ่ แต่ปรากฏว่าอุปกรณ์มันอุดตัน (จะด้วยสาเหตุใดก็ไม่รู้) เลยต้องมีการส่งเจ้าหน้าที่มารื้อเอาออก (ที่เห็นเป็นแผ่นไม้วางกอง ๆ อยู่) น้ำจึงระบายออกไปได้

บริเวณถนนที่น้ำไม่ท่วมนั้นดูเหมือนว่าเป็นเพราะน้ำฝนจากผิวจราจรไหลลงตรงรอยต่อระหว่างฝาท่อคอนกรีตที่มีการเว้นช่องว่างเอาไว้ ส่วนตรงช่องระบายที่มีตะแกรงดักใบไม้อยู่นั้น ก็ทำหน้าที่ดักเก็บใบไม้เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

ไม่มีความคิดเห็น: