วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จะมื้อ เช้า สาย เที่ยง บ่าย เย็น ก็ที่โรงอาหารนี้ (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๑๒๒) MO Memoir : Thursday 22 December 2559

นิสิตป.โทของภาคเราแต่ก่อนเมื่อกว่า ๒๐ ปีที่แล้ว (ตอนนั้นภาคเราเพิ่งจะมีการสอนป. เอก และมีคนเรียนไม่กี่คน) จำนวนไม่น้อยที่ทำวิจัยกันแบบค้างคืนที่แลป ตื่นเช้าก็ไปอาบน้ำที่สระว่ายน้ำ (ข้างศาลาพระเกี้ยวที่เพิ่งถูกทุบทิ้งไป กลายเป็นลานจักรพงษ์แทน) ถ้าเป็นตอนกลางคืน นิสิตหญิงก็จะเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำในห้องน้ำชั้น ๔ (อยู่ในส่วนของห้องน้ำอาจารย์) ส่วนนิสิตชายก็จะขึ้นไปอาบน้ำจากแทงค์น้ำบนดาดฟ้าตึก ตอนนั้นยังไม่มีตึก ๔ และตึก ๕ ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครอยู่บนที่สูงกว่าจะมองเห็น ตึกที่สูงกว่าก็อยู่ห่างออกไปทางด้านย่านธุรกิจ
 
ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้น ที่ใกล้ที่สุดเห็นจะได้แก่โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ ที่เป็นอาคารเก่า ๆ เล็ก ๆ ตั้งอยู่ด้านหลังตึกภาควิชา เพียงแค่เดินลงบันไดแล้วอ้อมไปด้านหลังตึกก็ถึงแล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่จะพบว่ามีนิสิตป.โท ของภาควิชาไปนั่งกินข้าวที่นั่นเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นช่วง เช้า สาย เที่ยง บ่าย หรือตอนเย็น และบริเวณรอบ ๆ โรงอาหารแห่งนี้ก็ยังเป็นแหล่งชุมนุมของนิสิตคณะรัฐศาสตร์ในช่วงเวลาที่ไม่มีการเรียน หรือในช่วงเวลาที่มีการทำกิจกรรม เหตุผลก็คงเป็นเพราะมีของกินอยู่ใกล้และยังเป็นบริเวณที่มีต้นไม้ร่มรื่น
 
ผมเองนับตั้งแต่กลับมาทำงานก็ใช้บริการที่โรงอาหารแห่งนี้บ่อย นับตั้งแต่ยุคที่ยังมีน้ำแข็งไส ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ข้าวแกงปักษ์ใต้รสจัดจ้านขาย (ร้านเหล่านี้ย้ายออกไปหมดแล้ว) เหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะบรรยากาศของโรงอาหารนี้ที่ยามที่และบริเวณรอบ ๆ ที่ให้ความรู้สึกร่มรื่นกว่าโรงอาหารเก่าของคณะวิศว


รูปที่ ๑ โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์เดิม ปัจจุบันหลังจากทำการซ่อมแซมและปรับปรุง ก็ยังไม่มีการเปิดใช้ใด ๆ ตึกสูงที่เห็นทางด้านซ้ายของภาพคืออาคารวิศว ๑๐๐ ปี

รูปที่ ๒ ประตูทางเข้าด้านหน้าโรงอาหาร


รูปที่ ๓ อาคารทางฟากฝั่งถนนอังรีดูนังต์


รูปที่ ๔ อีกมุมหนึ่งของอาคารทางฟากถนนฝั่งอังรีดูนังต์

ปัจจุบันโรงอาหารดังกล่าวปิดทำการมาได้ประมาณสองสามปีแล้ว นับตั้งแต่ทางคณะรัฐศาสตร์เปิดอาคารฉลองครบรอบ ๖๐ ปีของคณะ จึงได้ย้ายโรงอาหารไปยังอาคารใหม่ที่อยู่ชั้นล่างในส่วนอาคารที่เป็นอาคารจอดรถ บริเวณรอบ ๆ นี้จึงค่อนข้างจะเงียบสงบแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเปิดภาคการศึกษา
 
หลังปิดใช้งานก็มีการซ่อมแซมอาคารหลังนี้ (ในส่วนของร้านอาหาร) แต่เมื่อทำเสร็จแล้วก็ไม่ให้เปิดใช้งานอะไรอีก ตอนนี้ก็ยังคงปิดเอาไว้อย่างนั้น อาคารนี้สร้างขึ้นเมื่อใดก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ดูจากโครงสร้างที่ใช้เสาไม้และไม้จริงทำโครงสร้างส่วนต่าง ๆ แล้วทำให้อดคิดไม่ได้ว่ามันคงมีอายุไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ก็คงเหลือแต่ว่าเขาจะมองมันเป็นอาคารอนุรักษ์หรือจะรื้อทิ้งเพื่อเอาพื้นที่ไปทำอย่างอื่น (เชื่อว่าถ้ามีการรื้อทิ้งเมื่อใด คงมีคนจำนวนไม่น้อยสนใจอยากได้ไม้เก่า ๆ ของอาคารนี้แน่นอน เพราะไม้แบบนี้คงหาได้ยากในปัจจุบัน)
 
Memoir ฉบับนี้ก็ไม่มีอะไรครับ แค่เป็นบันทึกเรื่องราวของอาคารเล็ก ๆ หลังหนึ่งของมหาวิทยาลัย ที่เป็นที่นิสิตป.โทของภาคเราจำนวนไม่น้อยใช้เป็นที่ฝากท้อง ซึ่งไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าอาคารหลังนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็เลยต้องขอบันทึกภาพมันเอาไว้ในขณะที่ยังคงอยู่ในสภาพดี

ไม่มีความคิดเห็น: