เป็นเรื่องปรกติที่เราจะพบว่าการตั้งชื่อชุมชนในบ้านเรานั้นจะอาศัยสภาพที่ตั้งของชุมชม
สิ่งแวดล้อมของชุมชน
และกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้นเป็นหลัก
ตัวอย่างการตั้งชื่อโดยสภาพที่ตั้งของชุมชนได้แก่ชุมชนที่ขึ้นต้นชื่อด้วย
ทุ่ง บึง หนอง ดอน ปากคลอง
อ่าว แหลม ทำนองนี้
ตัวอย่างการตั้งชื่อโดยอาศัยสิ่งแวดล้อมเช่น
หนองแขม (เป็นที่หนองมีต้นแขมขึ้นเยอะ)
บางลำพู
(มีต้นลำพูขึ้นอยู่)
ส่วนตัวอย่างการตั้งชื่อชุมชนโดยดูจากกลุ่มชนที่อาศัยก็อาจดูจากอาชีพหรือเชื้อชาติของกลุ่มชนในชุมชนนั้น
เช่น บ้านญวน บ้านแขก บางพลัด
บ้านบาตร บ้านช่างหล่อ
ชื่อเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าสภาพสิ่งแวดล้อมเดิมจะเปลี่ยนไป หรือกลุ่มชนเดิมในชุมชนจะถูกเจือจางด้วยกลุ่มชนใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม แต่ชื่อดังกล่าวก็ยังคงเก็บรักษาเอาไว้อยู่เพื่อบอกให้รู้ถึงประวัติศาสตร์ดั้งเดิมของชุมชนเหล่านั้น
มีบ้างเหมือนกันที่ความพยายามเปลี่ยนเกิดจากฝ่ายปกครอง
แต่ทางชาวบ้านไม่ยอม
ก็เลยเปลี่ยนไม่ได้
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเคยมีความพยายามที่จะเปลี่ยนชื่อ
"บางพลัด"
ให้กลายเป็น
"บางภัทร"
ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอยากเปลี่ยนเขาคิดอย่างไร
ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่คิดเปลี่ยนชื่อ
"บางจาก"
ให้กลายเป็นอย่างอื่นบ้าง
(อันที่จริงคำว่า
"จาก"
ในท้องที่นี้หมายถึงต้นจาก
ไม่ได้หมายถึงการแยกจากกัน")
มีบ่อยครั้งเหมือนกันที่สถานที่ราชการเดิม
(เช่นที่ว่าการอำเภอ)
ตั้งอยู่ในท้องที่หนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกอย่างหนึ่ง
ต่อมาได้มีการย้ายสถานที่ตั้ง
(ซึ่งอาจเป็นเพราะการเดินทางสะดวกกว่าสำหรับประชาชนส่วนใหญ่)
ไปตั้งอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ที่มีชื่อเรียกต่างไปจากเดิม
ทำให้เกิดปัญหาการเรียกชื่อของทางการซึ่งไม่สอดคล้องกับการเรียกชื่อของชาวบ้านส่วนใหญ่
จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงชื่อเพื่อให้ทางการกับชาวบ้านเข้าใจตรงกัน
อีกสาเหตุหนึ่งที่เห็นว่าแปลกก็คือชื่อที่สมัยหนึ่งมันไม่มีปัญหา
แต่พอมายุคหลังกลับมองว่าชื่อไม่ไพเราะ
ไม่เป็นมงคล หรือไม่สุภาพ
ก็เลยต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับแต่ละสมัย
ซึ่งผมเข้าใจว่าการเปลี่ยนชื่อด้วยสาเหตุนี้คงมีไม่มากนัก
ตัวอย่างหนึ่ง (และเป็นตัวอย่างเดียว)
ที่ผมมีอยู่ก็คือการเปลี่ยนชื่อ
"อำเภอบางเหี้ย"
เรื่องเล่าว่าพื้นที่แห่งนี้อยู่ใกล้ทะเล
น้ำท่วมถึง มีสัตว์จำพวกเหี้ยอยู่เยอะ
ชาวบ้านจึงเรียกพื้นที่แห่งนี้ว่า
"บางเหี้ย"
เดิมอำเภอนี้ตั้งอยู่ที่ปากคลอง
(หรือแม่น้ำในแผนที่ในรูปที่
๑)
ใกล้ทะเล
ต่อมาถูกย้ายเข้ามาห่างจากทะเลมากขึ้นในบริเวณที่ชาวบ้านเรียกว่าบางบ่อ
อำเภอบางเหี้ยก็เลยถูกเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอบางบ่อ
(ดูราชกิจจานุเบกษาฉบับวันที่
๑๙ ตุลาคม ๒๔๗๓ ในรูปที่ ๒)
อำเภอบางเหี้ยเดิมที่อยู่ที่ปากคลองก็กลายเป็นตำบลบางเหี้ยไป
ต่อมาภายหลังจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อตำบลนี้กลายเป็นตำบลคลองด่าน
(ดูราชกิจจานุเบกษาฉบับวันที่
๓๐ กรกฎาคม ๒๔๘๓ ในรูปที่ ๒)
เรื่องราวประวัติของชุมชนนี้มีผู้เขียนเอาไว้หลายท่าน
ถ้าสนใจอยากจะรู้มากกว่านี้ก็ลองใช้คำว่า
"บางเหี้ย"
ค้นหาใน
google
ดูก็จะพบ
Memoir
นี้ก็เลยไม่ขอนำมากล่าวซ้ำ
เพียงแต่อยากนำภาพแผนที่เก่าที่ปรากฏชื่อเก่าและราชกิจจานุเบกษาที่กล่าวถึงมาแสดงให้ดูกันเท่านั้นเอง
รูปที่
๑ (บน)
แผนที่จังหวัดสมุทรปราการจากหนังสือ
"แผนที่
๗๑ จังหวัดของประเทศไทย"
เรียบเรียงโดย
เจษฎา โลหะอุ่นจิต พิมพ์ที่
เอเซียการพิมพ์ ๕๓๗-๗
ถนนสันติภาพ วงเวียน ๒๒ กรกฎา
พระนคร โทร ๒๓๐๑๙
นายบุญศักดิ์
ปิยะธนาพงษ์ ผู้พิมพ์โฆษณา
พ.ศ.
๒๕๐๘
(ล่าง)
ภาพขยายของบริเวณในกรอบสี่เหลี่ยมของรูปบน
รูปที่
๒ (ซ้าย)
ราชกิจจานุเบกษาฉบับวันที่
๑๙ ตุลาคม ๒๔๗๓
ประกาศเปลี่ยนชื่ออำเภอบางเหี้ยเป็นอำเภอบางบ่อ
(ชื่อปีพ.ศ.
ที่ด้านบนของราชกิจจานุเบกษาหน้านี้พิมพ์ปีพ.ศ.
ผิด
คือพิมพ์เป็น พ.ศ.
๒๔๗๒
แต่ที่ถูกคือ พ.ศ.
๒๔๗๓)
(ขวา)
ราชกิจจานุเบกษาฉบับวันที่
๓๐ กรกฎาคม ๒๔๘๓
ประกาศเปลี่ยนชื่อตำบลบางเหี้ย
(ที่ยังปรากฏในแผนที่ในรูปที่
๑)
เป็นตำบลคลองด่าน
ใครอยากค้นหาข้อมูลเก่า ๆ
ของราชกิจจานุเบกษาก็ไปค้นได้ที่
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/RKJ/index/index.htm