แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แผนที่ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แผนที่ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เส้นทางรถไฟที่หายไป (๒) (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๑๔๔) MO Memoir : Thursday 27 December 2561

พักหลัง ๆ นี้เห็นมีรูปแบบการส่งต่อข้อความแบบหนึ่งเกิดขึ้น ก็คือการบอกว่าสิ่งที่ใครต่อใครเชื่อกันอยู่นั้นมันผิด ที่ถูกต้องเป็นอย่างนี้ ประเภทที่เรียกว่าพอใครสักคนไปเจอเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนกับที่เคยได้ยินมาหรือที่เคยเชื่อกันอยู่ ก็จะรีบแชร์ต่อว่าเป็นข้อมูลใหม่ โดยไม่ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องของสิ่งที่ได้เห็นนั้นว่ามันถูกต้องหรือไม่
 
ถ้าเป็นการศึกษาประวัติศาสตร์ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก เพราะนอกจากต้องอ่านตัวผู้บันทึกแล้ว ก็ยังต้องพิจารณากันอีกว่า สิ่งที่บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นคือความจริงทั้งหมดที่ผู้บันทึกนั้นต้องการส่งต่อ หรือมีการซ่อนข้อเท็จจริงอันอื่นที่ไม่อาจกล่าวออกมาโดยตรงได้ หรือในบางครั้งข้อมูล ณ เวลาที่ทำการรวบรวมนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปจากสภาพความเป็นจริง ณ เวลาที่ตีพิมพ์เอกสารฉบับดังกล่าว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในกรณีหลังนี้คือแผนที่ต่าง ๆ
 
หน่วยทำแผนที่หลักในอดีตคงหนีไม่พ้นหน่วยแผนที่ของทางทหาร ในส่วนภูมิภาคอินโดจีนนี้ยังสามารถหาแผนที่ทหารที่จัดทำโดยกองทัพสหรัฐได้ทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นแผนที่ที่จัดทำเมื่อสหรัฐเริ่มเข้ามามีบทบาทในสงครามเวียดนาม ประเทศไทยในฐานะที่ตั้งฐานทัพหลายแห่งของสหรัฐก็เลยได้รับการแผนที่ไปด้วย แผนที่ชุดหนึ่งที่มีการจัดทำในช่วงเวลาดังกล่าวเห็นจะเป็นชุดที่มีรหัส L509 ที่มีทั้งฉบับที่กองทัพสหรัฐจัดพิมพ์ และกรมแผนที่ทหารของไทยจัดพิมพ์ซ้ำโดยมีการให้ชื่อสถานที่เป็นภาษาไทยกำกับ และยังมีการปรับปรุงข้อมูลบางจุดให้ตรงกับความเป็นจริง (คงในฐานะเจ้าของพื้นที่) โดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างที่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้รวดเร็วและรื้อถอนออกไปได้รวดเร็ว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเส้นทางรถไฟ ดังนั้นใน Memoir ฉบับนี้ถือเสียว่าเป็นการรวบรวมแผนที่ที่พบจากแหล่งต่าง ๆ ส่วนที่ว่าข้อมูลของฉบับไหนจะถูกต้องมากกว่ากันนั้นคงต้องให้ผู้อ่านพิจารณาเพิ่มเติมเอาเอง เพราะความเห็นของผมก็ใช่ว่าจะต้องถูกต้องเสมอไป ผมทำเพียงแค่ตั้งประเด็นคำถามเท่านั้นเอง

รูปที่ ๑ แผนที่ทหารรหัส L509 จัดทำโดยกองทัพสหรัฐ ฉบับจัดพิมพ์ครั้งแรก (เข้าใจว่าเป็นดังนี้) บอกว่ามีการใช้ข้อมูลตั้งแต่ปีค.ศ. ๑๙๕๒ (พ.ศ. ๒๔๙๕) และนำมาประมวลผลในปีค.ศ. ๑๙๕๘ (พ.ศ. ๒๕๐๑)
 
ตัวอย่างแรกคือแผนที่ทหารชุด L509 ที่จัดพิมพ์โดยกองทัพสหรัฐ (รูปที่ ๑ และ ๒) บริเวณจังหวัดสระบุรี ที่บอกว่าใช้ข้อมูลที่การเก็บรวบรวมเอาไว้ตั้งแต่ปีค.ศ. ๑๙๕๒ (พ.ศ. ๒๔๙๕) และนำมาประมวลผลในปีค.ศ. ๑๙๕๘ (พ.ศ. ๒๕๐๑) ในแผนที่นี้ยังปรากฏเส้นทางรถไฟเล็กสายพระพุทธบาท (จากบ้านท่าเรือไปยังพระพุทธบาท) โดยในเครื่องหมายในแผนที่ระบุว่าเป็นรางกว้างของ meter gauge (เส้นสีดำมีขีดขวาง) แต่ในประวัติศาสตร์ที่มีบันทึกไว้นั้นเส้นทางสายนี้มีความกว้างของรางแคบกว่า ๑ เมตร (อันที่จริงยุคนั้นมันมีข้อกำหนดด้วยว่าไม่ต้องการให้เอกชนสร้างทางรถไฟที่มีขนาดความกว้างเดียวกันกับของรถไฟหลวงด้วย)

รูปที่ ๒ แผนที่ ทหารรหัส L509 จัดทำโดยกองทัพสหรัฐ ฉบับจัดพิมพ์ครั้งแรก (รูปที่ ๑) บริเวณจังหวัดสระบุรี ระบุว่ายังมีเส้นทางรถไฟสายพระพุทธบาท (แนวเส้นประสีแดง) ที่มีขนาดรางกว้าง ๑ เมตร
  
แผนที่ในรูปที่ ๓ และ ๔ ก็เป็นแผนที่ชุด L509 เช่นกัน แต่จัดพิมพ์ใหม่โดยกรมแผนที่ทหารของไทย ในแผนที่ฉบับบริเวณจังหวัดสระบุรี (รูปที่ ๔) ปรากฏว่าเส้นทางรถไฟสายพระพุทธบาทหายไปแล้ว มีถนนปรากฏขึ้นแทน อันนี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า การอ้างอิงข้อมูลของอดีตนั้น แม้ว่ามองดูเผิน ๆ แล้วมันน่าจะเหมือนกัน (เพราะใช้ข้อมูลชุดเดียวกันแต่เป็นการพิมพ์ซ้ำ) แต่พอลงรายละเอียดไปยังผู้จัดพิมพ์แล้วกลับพบว่ามีความแตกต่างกันในบางจุด นั่นอาจเป็นเพราะว่าผู้ที่จัดพิมพ์ใหม่ (คือกรมแผนที่ทหาร) มีข้อมูลท้องถิ่นที่ถูกต้องมากกว่า ก็เลยทำการปรับแก้ข้อมูลเดิมในบางจุดให้ตรงกับความเป็นจริง กรณีของรถไฟเล็กลากไม้สายตะวันออก (ศรีราชา) ที่เคยนำมาแสดงให้ดูใน Memoir ฉบับเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ ก็เป็นแบบเดียวกัน (รูปที่ ๓ และ ๔ ใน Memoir ฉบับนั้น)

รูปที่ ๓ แผนที่ทหารรหัส L509 จัดพิมพ์ใหม่โดยกรมแผนที่ทหารของไทย (เป็นครั้งแรก)


รูปที่ ๔ แผนที่ทหารรหัส L509 บริเวณจังหวัดสระบุรีที่จัดพิมพ์ใหม่โดยกรมแผนที่ทหารของไทย (รูปที่ ๓) ในแผนที่นี้ไม่ปรากฏเส้นทางรถไฟสายพระพุทธบาทแล้ว แต่ปรากฏเป็นถนนแทน เส้นทางรถไฟย่อยอีกเส้นหนึ่งที่ปรากฏอยู่บริเวณเดียวกันคือเส้นทางรถไฟสายบ่อดินขาวที่ อ.บ้านหมอ (Ban Mo)
 
เส้นทางรถไฟอีกเส้นหนึ่งที่พบว่าข้อมูลที่ปรากฏในแผนที่ต่าง ๆ มีความขัดแย้งก็คือสาย หัวหวาย-ท่าตะโก ที่จังหวัดนครสวรรค์ (รูปที่ ๕-๑๐) เดิมเส้นทางรถไฟสายนี้เป็นเส้นทางรถไฟเล็กขนฟืน (ดู Memoir ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๗๓๕ วันศุกร์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๗ เรื่อง "รถไฟสายหัวหวาย-ท่าตะโกนครสวรรค์ (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๕๕)") ที่ดูเหมือนว่ามีความพยายามที่จะปรับปรุงให้กลายเป็นรางขนาดควากว้าง ๑ เมตร แต่สุดท้ายโครงการก็ถูกยกเลิกไปและรางก็ถูกรื้อทิ้ง
  
รูปที่ ๕ และ ๖ เป็นแผนที่ฉบับเดียวกัน (แยกส่วนมาขยาย) ตัวแผนที่ระบุว่าเป็น "แผนที่ยุทธการร่วม (ของหน่วยทางอากาศ)" ส่วนแผนที่ในรูปที่ ๗ นั้นต่อเนื่องกับแผนที่ในรูปที่ ๕ และ ๖ แต่ดูเหมือนว่าจะมีการจัดทำขึ้นภายหลังประมาณ ๑๐ ปี และไม่ได้มีการระบุว่าเป็นแผนที่สำหรับ "หน่วยทางอากาศ" แต่กลับบอกว่าสำหรับ "กิจการพลเรือน" แทน
 
รูปที่ ๕ เส้นทางรถไฟสาย หัวหวาย-ท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ คือแนวเส้นประสีแดงในกรอบสี่เหลี่ยมสีแดงด้านบน แผนที่ชุดนี้นำมาจาก https://911gfx.nexus.net/mapnd4703.html มีการระบุว่าเป็น "แผนที่ยุทธการร่วม (ของหน่วยทางอากาศ)" ข้อมูลภูมิประเทศมีการระบุว่าประมวลผลในเดือนสิงหาคม ค.ศ. ๑๙๗๔ (พ.ศ. ๒๕๑๗) และมีตราประทับเป็นภาษาไทยว่า "ข่าวสารเกี่ยวกับการบินถูกต้องถึง 23 JANURAY 1976" (พ.ศ. ๒๕๑๙)
  
รูปที่ ๖ แผนที่ฉบับเดียวกับรูปที่ ๕ แต่เป็นภาพขยายช่วงตอนบน แนวเส้นทางรถไฟสายนี้จะทอดไปทางตะวันออกจนตกขอบด้านขวาของรูปนี้ ก็จะวกกลับมาทางตะวันตกเพื่อกลับเข้ามายังท่าตะโกใหม่ ในแผนที่ระบุว่าเส้นทางในช่วงแรกจากหัวหวายนั้นก่อสร้างเสร็จแล้ว (เห็นได้จากแสดงด้วยเส้นทึบ) ส่วนเส้นทางในช่วงตอนกลางไปจนถึงท่าตะโกนั้นอยู่ระหว่างการก่อสร้าง (เห็นได้จากการแสดงด้วยเส้นประ) ในแผนที่นี้ หมายเลขเส้นทางหลวงที่ปรากฏระบุว่าอิงจากแผนที่ทางหลวงปีค.ศ. ๑๙๗๒ (พ.ศ. ๒๕๑๕)

รูปที่ ๗ แผนที่ชุดเดียวกันกับรูปที่ ๕ และ ๖ แสดงส่วนที่ตกขอบด้านขวาของรูปที่ ๖ โดยมีการระบุว่าเส้นทางอยู่ระหว่างการก่อสร้าง (นำมาจาก https://911gfx.nexus.net/mapnd4704.html) มีการระบุเอาไว้ว่า "จัดทำโดยกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด เพื่อใช้ในกิจการพลเรือน รวบรวมในปีพ.ศ. 2526 จากข้อมูลล่าสุดที่มีอยู่" อันที่จริงหน้าเว็บหลักที่นำแผนที่เหล่านี้มา ดูเหมือนว่าจะใช้แผนที่ชุดเดียวกันแต่มีการจัดทำต่างเวลากัน (มีการปรับปรุง) ทำให้ข้อมูลระหว่างแผนที่นั้นไม่ต่อเนื่องกัน ตัวอย่างหนึ่งที่ผมพบจากหน้าเว็บนี้ก็คือแผนที่บริเวณจังหวัดชลบุรีที่ยังปรากฏว่ามีเส้นทางรถไฟเล็กลากไม้ (ศรีราชา) แต่ไม่ปรากฏเส้นทางรถไฟที่แยกจากฉะเชิงเทราไปยังสัตหีบ แต่แผนที่ต่อเนื่องช่วงสัตหีบระยองนั้นกลับปรากฏว่ามีเส้นทางรถไฟสร้างเสร็จเรียบร้อยไปจนถึงท่าเรือน้ำลึกสัตหีบแล้ว 

ส่วนแผนที่ในรูปที่ ๘ นั้นเป็นชุดที่มีการระบุว่าเป็น "TACTICAL PILOTAGE CHART" ซึ่งคงเน้นไปที่ความถูกต้องของขอบเขตการควบคุมการจราจรทางอากาศ ดังนั้นจึงอาจไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งก่อสร้างที่ไม่ได้เป็นจุดเด่นขนาดใหญ่บนพื้นดิน (เช่นแนวทางรถไฟย่อยที่ไม่ใช่เส้นทางหลัก) 

รูปที่ ๘ แผนที่ TACTICAL PILOTAGE CHART TPC K9-B (นำมาจาก http://legacy.lib.utexas.edu/maps/tpc/txu-pclmaps-oclc-22834566_k-9b.jpg) ภาพขยายส่วนบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ในแผนที่นี้ปรากฏแนวเส้นทางรถไฟจากหัวหวายออกไป แต่ไปไม่ถึงท่าตะโก อนึ่งดูเหมือนว่าแผนที่ชุดนี้จะไปที่เน้นความถูกต้องของข้อมูลการเดินอากาศมากกว่าสิ่งก่อสร้างที่ปรากฏจริงบนพื้นผิว


รูปที่ ๙ เป็นรูปที่พิมพ์เผยแพร่ในหนังสือ "แผนที่ ๗๑ จังหวัดของประเทศไทย" เรียบเรียงโดย เจษฎา โลหะอุ่นจิต พิมพ์ที่ เอเซียการพิมพ์ ๕๓๗-๗ ถนนสันติภาพ วงเวียน ๒๒ กรกฎา พระนคร โทร ๒๓๐๑๙ นายบุญศักดิ์ ปิยะธนาพงษ์ ผู้พิมพ์โฆษณา พ.ศ. ๒๕๐๘ ในแผนที่ฉบับนี้ระบุเอาไว้ว่าเส้นทางรถไฟสายหัวหวาย-ท่าตะโก กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และดูเหมือนแนวทางที่ลากไว้นั้นจะเป็นแนวทางคร่าว ๆ (คือแทบจะลากตรงเชื่อมสองจุด)


 
รูปที่ ๙ แผนที่จังหวัดนครสวรรค์จากหนังสือ แผนที่ ๗๑ จังหวัดของประเทศไทย เรียบเรียงโดย เจษฎา โลหะอุ่นจิต พิมพ์ที่ เอเซียการพิมพ์ ๕๓๗-๗ ถนนสันติภาพ วงเวียน ๒๒ กรกฎา พระนคร โทร ๒๓๐๑๙ นายบุญศักดิ์ ปิยะธนาพงษ์ ผู้พิมพ์โฆษณา พ.ศ. ๒๕๐๘ ในแผนที่ฉบับนี้บอกว่าเส้นทางรถไฟสายหัวหวาย-ท่าตะโก (แนวเส้นประสีแดง) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ส่วนรูปที่ ๑๐ นั้นถ่ายมาจาก "แผนที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดข้างเคียง" (เป็นแผนที่สำหรับติดผนัง) ที่จัดทำโดยศูนย์แผนที่พรานนกวิทยา ที่ติดไว้ที่ผนังห้องทำงานผม (ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๔๐) แผนที่ฉบับนี้ผมซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ แล้วก็นำมาติดไว้ที่ผนังห้องทำงาน พอลองสังเกตดูก็พบว่ามีการระบุว่ามีเส้นทางรถไฟแยกจากหัวหวายไปยังท่าตะโก ข้อมูลในแผนที่ฉบับนี้ปรากฏว่ามีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แล้ว
 
แผนที่ประเทศไทยอีกฉบับหนึ่ง (ไม่ได้นำรูปมาแสดง) จัดทำโดยศูนย์แผนที่พรานนกวิทยาเช่นกัน และซื้อมาพร้อมกับแผนที่ฉบับในรูปที่ ๑๐ (และคิดว่าน่าจะจัดพิมพ์ในปีเดียวกันด้วย) กลับไม่ปรากฏแนวเส้นทางรถไฟจากหัวหวายไปยังท่าตะโก ทั้ง ๆ ที่ข้อมูลในแผนที่ฉบับนี้น่าจะเก่ากว่าอีก เพราะว่ายังไม่มีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ปรากฏในแผนที่
 
นั่นแสดงว่าเอกสารที่จัดทำเผยแพร่ในเวลาเดียวกัน อาจใช้ข้อมูลที่มีความเก่า-ใหม่แตกต่างกันได้ ดังนั้นการดูเพียงแค่เวลาที่เอกสารนั้นออกเผยแพร่ จึงไม่เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าข้อมูลที่เห็นนั้นตรงกับความเป็นจริงในขณะนั้น

รูปที่ ๑๐ นำมาจาก "แผนที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดข้างเคียง" (เป็นแผนที่สำหรับติดผนัง) จัดทำโดยศูนย์แผนที่พรานนกวิทยา แผนที่นี้มีการระบุว่ามีเส้นทางรถไฟแยกจากหัวหวายไปยังท่าตะโก

รูปที่ ๑๑ เป็นแผนที่เส้นทางรถไฟขนอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาลที่ อ.เกาะคา จังหวัดลำปาง ที่มีปรากฏใน "แผนที่ยุทธการร่วม (ของหน่วยทางอากาศ)" (รูปที่ ๑๐) แผนที่นี้ระบุว่าข้อมูลภูมิประเทศทำการประมวลผลในปีพ.ศ. ๒๕๑๖ แต่ข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับการบินถูกต้องถึง ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๘ นั่นแสดงว่าแผนที่ประเภทนี้ เวลาปรับปรุงความถูกต้องจะเน้นไปที่วัตถุประสงค์การใช้งาน (คือเกี่ยวกับขอบเขตการควบคุมการจราจรทางอากาศ) เป็นหลัก ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการควบคุมการจราจรทางอากาศคงไม่ได้รับการปรับแก้ไขให้ถูกต้องบ่อยนัก

Memoir ฉบับนี้คงเป็นฉบับปิดท้ายปีพ.. ๒๕๖๑ ซึ่งถ้าหากไม่มีอะไรพิเศษก็คงจะออกฉบับต่อไปหลังปีใหม่เลย ท้ายสุดนี้ก็ขอให้ผู้ที่ติดตามอ่านหรือบังเอิญแวะผ่านเข้ามาเห็น มีความสุข สดชื่น สมหวังในสิ่งที่ดี ในปีหน้าก็แล้วกันครับ สวัสดีปีใหม่ครับ :) :) :)


รูปที่ ๑๑ "แผนที่ยุทธการร่วม (ของหน่วยทางอากาศ)" (นำมาจาก https://911gfx.nexus.net/mapne4707.html) บริเวณจังหวัดลำปาง มีตราประทับเป็นภาษาไทยว่า "ข่าวสารเกี่ยวกับการบินถูกต้องถึง 24 OCTOBER 1975" (พ.ศ. ๒๕๑๘) ข้อมูลภูมิประเทศในแผนที่มีการระบุว่าทำการประมวลในเดือนกันยายน ค.ศ. ๑๙๗๓ (พ.ศ. ๒๕๑๖)

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2561

รถไฟเล็กลากไม้สายตะวันออก (ศรีราชา) ภาค ๑๒ (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๑๔๒) MO Memoir : Thursday 20 December 2561

การศึกษาประวัติศาสตร์นั้นจะยากอยู่กว่าการแปลผลทางวิทยาศาสตร์ตรงที่ สิ่งที่มีเขียนบันทึกเอาไว้นั้นอาจไม่ได้บันทึกเรื่องราวที่ถูกต้องทั้งหมดเอาไว้ หรือไม่ได้บันทึกเรื่องราวที่ถูกต้องเอาไว้เลยก็ได้ ดังนั้นการแปลข้อมูลที่ได้รับมาจึงต้องพิจารณาสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่ข้อมูลนั้นปรากฏ ว่ามันมีผลต่อผู้บันทึกข้อมูลนั้นหรือไม่ อย่างไร เรียกว่าก่อนจะนำข้อมูลมาใช้ ก็ควรต้องเรียนรู้จักตัวตนของผู้บันทึกข้อมูลก่อน ว่าในขณะนั้นเขาอยู่ในสภาพเช่นใด 
  
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นไปได้ที่สิ่งที่บันทึกนั้นผู้บันทึกจงใจที่จะเขียนในสิ่งที่ตรงข้ามกับความจริง หรือบิดเบือนให้ผิดเพี้ยนไป หรือจงใจแปลความเหตุการณ์เพื่อให้ได้ข้อสรุปตามที่ต้องการ ในขณะที่ข้อมูลประเภทนี้ถ้าเป็นทางวิทยาศาสตร์ก็มักจะถูกโยนทิ้งไป แต่สำหรับการศึกษาประวัติศาสตร์แล้วถ้าได้มีการเทียบเคียงข้อมูลเหล่านั้นกับหลักฐานอื่น ก็อาจมองเห็นข้อเท็จจริงที่ถูกซ่อนเอาไว้ในบันทึกดังกล่าวได้ จะเรียกว่าการ "อ่านระหว่างบรรทัด" หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "read between the lines" นั้นเป็นสิ่งจำเป็นก็ได้
 
งานเสวนา "ย้อนประวัติบริษัทศรีมหาราชา" ณ ร้านอาหารเรือนน้ำซีฟู้ด ข้างสวนสาธารณะเกาะลอย เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา ที่ทาง "ชมรมคนรักศรีราชา" (http://www.konruksriracha.in.th) เป็นแม่งานในการจัดนั้นจะเรียกว่าเป็นการเปิดตัวผู้เกี่ยวข้องกับรถไฟสายนี้ในขณะที่รถไฟสายนี้ยังมีการใช้งานอยู่ก็ได้ งานต่อไปที่ทางชมรมคนรักศรีราชาคงต้องรีบดำเนินการต่อไปคือการเก็บรวบรวมความทรงจำของท่านเหล่านี้เอาไว้ก่อนที่จะสูญหายไป ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นงานใหญ่ไม่ใช่เล่น ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจช่วยนะครับ
 
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อสหรัฐอเมริกาเริ่มเข้ามามีบทบาทในการรบที่เวียดนาม ความจำเป็นที่ต้องมีแผนที่ของภูมิภาคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เท่าที่ทราบคือแผนที่ชุดหนึ่งคือแผนที่ทหารรหัส L509 ดูเหมือนว่าแผนที่ชุดนี้ทางกองทัพสหรัฐจัดทำขึ้นมาก่อน จากนั้นทางกรมแผนที่ทหารของไทยจึงมีการทำเป็นฉบับที่มีภาษาไทยกำกับควบคู่ตามมา โดยการจัดทำครั้งที่ ๒ นั้นมีข้อมูลบางจุดที่แตกต่างไปจากฉบับที่เผยแพร่ครั้งแรก

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาจากอาจารย์บางท่านในการศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ก็คือ เราต้องแยกออกมาก่อนว่าข้อมูลดิบนั้นมันมาอย่างไร ในการส่งต่อข้อมูลดิบนั้นมันมาอย่างไรก็ต้องส่งต่อไปอย่างนั้น ยกตัวอย่างเช่นถ้าข้อมูลดิบนั้นมันเป็นข้อความที่บันทึกไว้ ต้นฉบับมีการสะกดมีการเขียนอย่างไร การบันทึกข้อมูลเพื่อการส่งต่อก็ต้องเขียนไปตามนั้นก่อน คืออย่าไปแก้ไขในสิ่งที่เราคิดว่ามันผิด เพราะอาจเป็นเราเองเข้าใจผิดก็ได้ โดยตรงจุดนี้เราสามารถที่จะทำเครื่องหมายแสดงความเห็นแยกต่างหากแนบเอาไว้ได้

Memoir ฉบับนี้ก็ถือเสียว่าเป็นการเล่าเรื่องด้วยแผนที่ก็แล้วกันนะครับ เป็นเพียงแค่การบันทึกว่าเคยได้เห็นข้อมูลอะไรมาจากที่ไหน และมันมีความแตกต่างอะไรกันอยู่ ส่วนที่ว่าอันไหนจะน่าเชื่อถือมากกว่ากันนั้น ก็คงต้องขอให้ผู้อ่านแต่ละท่านพิจารณาเอาเอง

รูปที่ ๑ แผนที่ทหารรหัส L509 จัดทำโดยกองทัพสหรัฐมีการระบุเอาไว้ว่ามีการใช้ข้อมูลการสำรวจในปีค.ศ. ๑๙๕๑ (พ.ศ. ๒๔๙๔) และค.ศ. ๑๙๕๓ (พ.ศ. ๒๔๙๖) และนำมาประมวลผลในปีค.ศ. ๑๙๕๕ (พ.ศ. ๒๔๙๘) ฉบับนี้เข้าใจว่าเป็นฉบับที่จัดพิมพ์ครั้งแรก (เพราะเห็นมีคำว่า Edition 1-AMS อยู่)

รูปที่ ๒ แผนที่ทหารรหัส L509 เช่นกัน แต่เป็นฉบับที่จัดทำโดยกรมแผนที่ทหารของไทย (จะเรียกว่าเป็นฉบับแปลเป็นไปก็น่าจะได้อยู่) เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ เท่าที่ดูเข้าใจว่าข้อมูลที่ใช้ก็อิงมาจากฉบับพิมพ์ครั้งแรก แต่มีการปรับแก้ความถูกต้องในบางจุด ดังตัวอย่างที่ยกมาให้เห็นในรูปที่ ๓ และ ๔ ที่เป็นส่วนของเส้นทางรถไฟบรรทุกไม้ของบริษัทศรีมหาราชา

รูปที่ ๓ แผนที่เส้นทางรถไฟลากไม้ของบริษัทศรีมหาราชาที่ปรากฏในแผนที่ชุด L509 พิมพ์ครั้งที่ ๑ โดยกองทัพสหรัฐ (ในกรอบสี่เหลี่ยมประสีแดง) ปลายทางของเส้นแยกไปทางด้านทิศเหนือไปสิ้นสุดที่บริเวณบ้านบึงไม้แก่น ส่วนสายที่แยกลงมาทางด้านใต้นั้นไปสิ้นสุดแถวบ้านพันเสด็จใน

รูปที่ ๔ แผนที่เส้นทางรถไฟลากไม้ของบริษัทศรีมหาราชาที่ปรากฏในแผนที่ชุด L509 พิมพ์ครั้งที่ ๒ โดยกรมแผนที่ทหารของไทยบอกแนวปลายทางที่ไปไกลกว่า คือสายแยกทางด้านบนนั้นมีการต่อไปจนถึงบ้านหนองปรือและหนองตาสน ในขณะที่สายแยกลงล่างนั้นมีทางแยกจากบ้านพันเสด็จในผ่านไปยังบ้านระเวิงและบ้านเก่า

รูปที่ ๕ แผนที่ในรูปที่ ๕ ถึง ๗ นำมาจาก https://911gfx.nexus.net/thailand.html เข้าใจว่าเป็นฉบับที่จัดทำในปีค.ศ. ๑๙๖๗ หรือพ.ศ. ๒๕๑๐ หรือประมาณ ๑๐ หลังแผนทีชุด L509 ที่เอามุมนี้ของแผนที่มาแสดงก็เพื่อเป็นการบันทึกข้อมูลว่าแผนที่ฉบับนี้ใครเป็นผู้จัดทำ จัดทำเมื่อใด และใช้ข้อมูลจากไหน (รูปที่ ๑ และ ๒ ที่นำมาแสดงก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน)

รูปที่ ๖ แผนที่บริเวณอำเภอศรีราชา ยังแสดงเส้นทางรถไฟลากไม้ (ตามแนวเส้นประสีแดง) ที่เหมือนกับแผนที่ชุด L509 ที่จัดทำโดยกรมแผนที่ทหาร (รูปที่ ๔)


รูปที่ ๗ แผนที่ส่วนต่อด้านทิศตะวันออกของรูปที่ ๖ แนวเส้นทางรถไฟลากไม้คือแนวเส้นประสีแดงสองแนวที่อยู่ทางด้านซ้ายของรูป

รูปที่ ๘ แผนที่นี้นำมาจาก http://legacy.lib.utexas.edu/maps/tpc/txu-pclmaps-oclc-22834566_k-9b.jpg ในหัวข้อที่ว่า "Tactical Pilotage Chart Series - World 1:500,000 Scale" คือเข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับการเดินอากาศของทางกองทัพ ตัวแผนที่มีการระบุว่าใช้ข้อมูลปีค.ศ. ๑๙๖๘ (พ.ศ. ๒๕๑๑) แต่มีการปรับปรุงแก้ไขในเดือนกุมภาพันธ์ปีค.ศ. ๑๙๘๔ (พ.ศ. ๒๕๒๗) แต่เน้นความถูกต้องเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเดินอากาศ (คือสถานีควบคุมและขอบเขต) ไม่ได้เน้นปรับปรุงความถูกต้องของรายละเอียดต่าง ๆ ที่อยู่บนพื้นดิน

รูปที่ ๙ แผนที่เส้นทางรถไฟที่ปรากฏในแผนที่รูปที่ ๘ ตอนนี้ถูกแยกออกเป็น ๒ ส่วน คือเส้นด้านล่างจากศรีราชาจุด (1) ไปยังจุด (2) และเส้นบนจากแถวบ้านโค้งดาราที่จุด (3) ไปแถวบ้านหัวกุญแจที่จุด (4) และ (5) เข้าใจว่าน่าจะเป็นโรงงานน้ำตาล


รูปที่ ๑๐ แผนที่นี้นำมาจาก http://legacy.lib.utexas.edu/maps/onc/txu-pclmaps-oclc-8322829_k_9.jpg ในหัวข้อเดียวกับรูปที่ ๘ ฉบับนี้บอกว่าใช้ข้อมูลปีค.ศ. ๑๙๖๗ (พ.ศ. ๒๕๑๐) แต่เป็นฉบับปรับปรุงเดือนมิถุนายนปีค.ศ. ๑๙๘๔ (พ.ศ. ๒๕๒๗) คือดูเมื่อเทียบกับรูปที่ ๘ และ ๙ แล้ว ดูเหมือนว่าฉบับนี้จะใช้แผนที่เก่ากว่า แต่ข้อมูลสำหรับการเดินอากาศจะทันสมัยกว่า

รูปที่ ๑๑ ภาพขยายบริเวณทางรถไฟลากไม้ ภาพนี้ยังเป็นเส้นทางต่อเนื่องกันเริ่มจาก (1) ศรีราชา ไปแยกที่ (2) ลงใต้เส้นหนึ่งไปยัง (3) และอีกเส้นหนึ่งขึ้นเหนือไปที่ (4) และ (5)

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

คำเตือนเรื่องพายุดีเปรสชัน MO Memoir : Thursday 19 September 2556

อันที่จริงวันนี้ว่าจะนำเรื่องวาล์วลง blog แต่ระหว่างที่นั่งพิมพ์เรื่องวาล์วอยู่ก็เปิดดูรายงานอากาศแก้ง่วง พอเห็นคำเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ 
  
มันแปลกยังไงเหรอ ลองอ่านดูประกาศฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๖ ประกาศ ณ เวลา ๐๕.๐๐ น เรื่อง "พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้" ข้างล่างดูก่อนนะ


ประกาศตอนตีห้าบอกว่าพายุยังอยู่ในทะเล ห่างฝั่งประเทศเวียดนามถึง ๒๐๐ กิโลเมตร และคาดว่าจะขึ้นฝั่งในวันนี้ ซึ่งก็ควรจะเป็นตอนกลางวัน
 
แต่พอก่อนเที่ยงวันนี้ในอีก ๖ ชั่วโมงถัดมา ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศฉบับที่ ๑๒ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๖ ประกาศ ณ เวลา ๑๑.๐๐ น "พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้" ออกมาอีกฉบับ ที่ผมเอามาแสดงในหน้าถัดไป ลองอ่านดูว่าสังเกตเห็นอะไรแปลก ๆ ไหม


ก็ตั้งแต่ประโยคแรกเลย ประกาศตอนตี ๕ (ฉบับที่ ๑๑) บอกว่าพายุยังอยู่ในทะเลห่างฝั่งไปตั้ง ๒๐๐ กิโลเมตร แต่พอเป็นตอน ๑๑ โมงเช้า (ฉบับที่ ๑๒) บอกว่าขึ้นฝั่งเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อคืน (แสดงว่าขึ้นฝั่งก่อนมีการออกประกาศตอนตี ๕ อีก) แถมตอนนี้มาอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานีเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ ๑๐ โมงเช้า
 
อันที่จริงถ้าไปดูแผนที่อากาศหรือภาพถ่ายดาวเทียมจากหน้าเว็บไซต์ของกรมอุตุนิยมวิทยาเอง ก็จะเห็นได้ว่าพายุดีเปรสชันลูกดังกล่าวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตั้งแต่เวลาประมาณตี ๑ ของวันนี้แล้ว และช่วงเวลาประมาณ ๗ โมงเช้าก็กำลังจะเคลื่อนเข้าสู่จังหวัดอุบลราชธานี (ภาพแผนที่อากาศ ณ เวลาทั้งสองอยู่ในหน้าถัดไป)

ผมว่างานนี้ทางกรมอุตุนิยมวิทยาน่าจะทบทวนดูหน่อยนะว่าเกิดอะไรขึ้น

แผนที่อากาศ ณ เวลา ๐๑.๐๐ น วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๖

 แผนที่อากาศ ณ เวลา ๐๗.๐๐ น วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๖

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บางเหี้ย MO Memoir : Wednesday 15 August 2555

เป็นเรื่องปรกติที่เราจะพบว่าการตั้งชื่อชุมชนในบ้านเรานั้นจะอาศัยสภาพที่ตั้งของชุมชม สิ่งแวดล้อมของชุมชน และกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้นเป็นหลัก 
 
ตัวอย่างการตั้งชื่อโดยสภาพที่ตั้งของชุมชนได้แก่ชุมชนที่ขึ้นต้นชื่อด้วย ทุ่ง บึง หนอง ดอน ปากคลอง อ่าว แหลม ทำนองนี้ ตัวอย่างการตั้งชื่อโดยอาศัยสิ่งแวดล้อมเช่น หนองแขม (เป็นที่หนองมีต้นแขมขึ้นเยอะ) บางลำพู (มีต้นลำพูขึ้นอยู่) ส่วนตัวอย่างการตั้งชื่อชุมชนโดยดูจากกลุ่มชนที่อาศัยก็อาจดูจากอาชีพหรือเชื้อชาติของกลุ่มชนในชุมชนนั้น เช่น บ้านญวน บ้านแขก บางพลัด บ้านบาตร บ้านช่างหล่อ

ชื่อเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าสภาพสิ่งแวดล้อมเดิมจะเปลี่ยนไป หรือกลุ่มชนเดิมในชุมชนจะถูกเจือจางด้วยกลุ่มชนใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม แต่ชื่อดังกล่าวก็ยังคงเก็บรักษาเอาไว้อยู่เพื่อบอกให้รู้ถึงประวัติศาสตร์ดั้งเดิมของชุมชนเหล่านั้น

มีบ้างเหมือนกันที่ความพยายามเปลี่ยนเกิดจากฝ่ายปกครอง แต่ทางชาวบ้านไม่ยอม ก็เลยเปลี่ยนไม่ได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเคยมีความพยายามที่จะเปลี่ยนชื่อ "บางพลัด" ให้กลายเป็น "บางภัทร" ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอยากเปลี่ยนเขาคิดอย่างไร ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่คิดเปลี่ยนชื่อ "บางจาก" ให้กลายเป็นอย่างอื่นบ้าง (อันที่จริงคำว่า "จาก" ในท้องที่นี้หมายถึงต้นจาก ไม่ได้หมายถึงการแยกจากกัน")

มีบ่อยครั้งเหมือนกันที่สถานที่ราชการเดิม (เช่นที่ว่าการอำเภอ) ตั้งอยู่ในท้องที่หนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกอย่างหนึ่ง ต่อมาได้มีการย้ายสถานที่ตั้ง (ซึ่งอาจเป็นเพราะการเดินทางสะดวกกว่าสำหรับประชาชนส่วนใหญ่) ไปตั้งอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ที่มีชื่อเรียกต่างไปจากเดิม ทำให้เกิดปัญหาการเรียกชื่อของทางการซึ่งไม่สอดคล้องกับการเรียกชื่อของชาวบ้านส่วนใหญ่ จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงชื่อเพื่อให้ทางการกับชาวบ้านเข้าใจตรงกัน

อีกสาเหตุหนึ่งที่เห็นว่าแปลกก็คือชื่อที่สมัยหนึ่งมันไม่มีปัญหา แต่พอมายุคหลังกลับมองว่าชื่อไม่ไพเราะ ไม่เป็นมงคล หรือไม่สุภาพ ก็เลยต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับแต่ละสมัย ซึ่งผมเข้าใจว่าการเปลี่ยนชื่อด้วยสาเหตุนี้คงมีไม่มากนัก ตัวอย่างหนึ่ง (และเป็นตัวอย่างเดียว) ที่ผมมีอยู่ก็คือการเปลี่ยนชื่อ "อำเภอบางเหี้ย"

เรื่องเล่าว่าพื้นที่แห่งนี้อยู่ใกล้ทะเล น้ำท่วมถึง มีสัตว์จำพวกเหี้ยอยู่เยอะ ชาวบ้านจึงเรียกพื้นที่แห่งนี้ว่า "บางเหี้ย"

เดิมอำเภอนี้ตั้งอยู่ที่ปากคลอง (หรือแม่น้ำในแผนที่ในรูปที่ ๑) ใกล้ทะเล ต่อมาถูกย้ายเข้ามาห่างจากทะเลมากขึ้นในบริเวณที่ชาวบ้านเรียกว่าบางบ่อ อำเภอบางเหี้ยก็เลยถูกเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอบางบ่อ (ดูราชกิจจานุเบกษาฉบับวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๔๗๓ ในรูปที่ ๒) อำเภอบางเหี้ยเดิมที่อยู่ที่ปากคลองก็กลายเป็นตำบลบางเหี้ยไป

ต่อมาภายหลังจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อตำบลนี้กลายเป็นตำบลคลองด่าน (ดูราชกิจจานุเบกษาฉบับวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๔๘๓ ในรูปที่ ๒)

เรื่องราวประวัติของชุมชนนี้มีผู้เขียนเอาไว้หลายท่าน ถ้าสนใจอยากจะรู้มากกว่านี้ก็ลองใช้คำว่า "บางเหี้ย" ค้นหาใน google ดูก็จะพบ Memoir นี้ก็เลยไม่ขอนำมากล่าวซ้ำ เพียงแต่อยากนำภาพแผนที่เก่าที่ปรากฏชื่อเก่าและราชกิจจานุเบกษาที่กล่าวถึงมาแสดงให้ดูกันเท่านั้นเอง

รูปที่ ๑ (บน) แผนที่จังหวัดสมุทรปราการจากหนังสือ "แผนที่ ๗๑ จังหวัดของประเทศไทย"
เรียบเรียงโดย เจษฎา โลหะอุ่นจิต พิมพ์ที่ เอเซียการพิมพ์ ๕๓๗-๗ ถนนสันติภาพ วงเวียน ๒๒ กรกฎา พระนคร โทร ๒๓๐๑๙
นายบุญศักดิ์ ปิยะธนาพงษ์ ผู้พิมพ์โฆษณา พ.ศ. ๒๕๐๘
(ล่าง) ภาพขยายของบริเวณในกรอบสี่เหลี่ยมของรูปบน

รูปที่ ๒ (ซ้าย) ราชกิจจานุเบกษาฉบับวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๔๗๓ ประกาศเปลี่ยนชื่ออำเภอบางเหี้ยเป็นอำเภอบางบ่อ (ชื่อปีพ.ศ. ที่ด้านบนของราชกิจจานุเบกษาหน้านี้พิมพ์ปีพ.ศ. ผิด คือพิมพ์เป็น พ.ศ. ๒๔๗๒ แต่ที่ถูกคือ พ.ศ. ๒๔๗๓) (ขวา) ราชกิจจานุเบกษาฉบับวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๔๘๓ ประกาศเปลี่ยนชื่อตำบลบางเหี้ย (ที่ยังปรากฏในแผนที่ในรูปที่ ๑) เป็นตำบลคลองด่าน ใครอยากค้นหาข้อมูลเก่า ๆ ของราชกิจจานุเบกษาก็ไปค้นได้ที่
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/RKJ/index/index.htm