เนื้อหาในเอกสารฉบับนี้เกี่ยวกับการวิเคราะห์
NH3-TPD
ที่ผมคุยกับสาวน้อยจากบ้านสวนเมื่อเย็นวานนี้
๑.
ในการวิเคราะห์
NH3-TPD
นั้น
หลังจากที่เราทำการไล่น้ำออกแล้ว
เราจะผ่านแก๊สผสม He
+ NH3 ที่ความเข้มข้นหนึ่งไปบนตัวอย่าง
ณ อุณหภูมิหนึ่ง เป็นระยะเวลาช่วงหนึ่ง
อุณหภูมิที่ทำการดูดซับนั้นขึ้นอยู่กับว่าตัวอย่างของเรามีความเป็นกรด
"แรง
-
strength" แค่ไหน
ในกรณีของตัวเร่งปฏิกิริยาที่ความแรงของตำแหน่งที่เป็นกรดนั้นต่ำมาก
ก็ต้องใช้อุณหภูมิในการดูดซับที่ต่ำ
แต่ถ้าตำแหน่งที่เป็นกรดนั้นมีความแรงสูง
ก็สามารถใช้การดูดซับที่อุณหภูมิที่สูงได้
แต่ปรกติที่ทำกันก็คือไม่ต่ำกว่าอุณหภูมิห้อง
ส่วนระยะเวลานานเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับพื้นที่ผิวและความเป็นรูพรุนของตัวเร่งปฏิกิริยา
สำหรับรูพรุนขนาดเล็กและพื้นที่ผิวสูง
ก็จะใช้เวลามากหน่อยกว่าจะอิ่มตัว
(ต้องรอให้โมเลกุล
NH3
แพร่เข้าไปข้างในได้ทั่วถึง)
๒.
ปรกติแล้วหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการดูดซับ
เราจะทำการไล่โมเลกุล NH3
ที่ไม่ถูกดูดซับแบบ
chemisorption
ออก
(คือพวกที่ค้างอยู่ในเฟสแก๊สในรูพรุน
ส่วนพวกที่เป็น physisorption
นั้นไม่ควรจะมีเพราะการเกิด
physorption
นั้นจะไม่เกิดที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดเดือดของสาร
และอุณหภูมิที่เราใช้กันนั้นก็สูงกว่าอุณหภูมิจุดเดือดของ
NH3
ด้วย)
ด้วยการแทนที่แก๊สผสม
He
+ NH3 ด้วย
He
และให้ไหลผ่านตัวอย่างของเราเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ยกตัวอย่างเช่นสมมุติว่าเราทำการดูดซับ
NH3
ที่อุณหภูมิ
100ºC
ตำแหน่งที่เป็นกรดที่จะจับโมเลกุล
NH3
ได้นั้นจะต้องเป็นตำแหน่งที่จะคายโมเลกุล
NH3
ออกที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า
100ºC
และถ้าเราทำการไล่โมเลกุล
NH3
ที่ไม่ถูกดูดซับที่
100ºC
ออกได้หมด
เมื่อเราเริ่มขั้นตอนการคายซับที่อุณหภูมิใด
ๆ ก็ตามที่อุณหภูมิที่
"ต่ำกว่า"
100ºC
เราไม่ควรจะเห็นพึคการคายซับ
NH3
ที่อุณหภูมิต่ำกว่า
100ºC
แต่การที่มีบางรายเห็นพีคที่อุณหภูมิต่ำกว่า
100ºC
นั่นอาจเป็นเพราะ
(ก)
การแปลผลผิดพลาด
เช่นแปลสัญญาณ base
line drift เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิว่าเป็นพีค
(ข)
ตัวเร่งปฏิกิริยามีอุณหภูมิลดลงในขณะที่ยังไล่
NH3
ออกไปไม่หมด
ทำให้ NH3
ที่ค้างอยู่ในเฟสแก๊สในรูพรุนนั้นดูดซับลงบนตำแหน่งที่เป็น
weak
acid site ที่ไม่สามารถจับโมเลกุล
NH3
ที่อุณหภูมิ
100ºC
เอาไว้ได้
พอเริ่มไล่ NH3
ออกจากพื้นผิวที่อุณหภูมิต่ำกว่า
100ºC
ก็เลยทำให้เห็นพีค
NH3
ปรากฏที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่า
100ºC
ได้
๓.
ในระหว่างการดูดซับ
NH3
นั้น
ความเข้มข้น NH3
ใน
bulk
fluid ที่อยู่นอกรูพรุนจะสูงกว่าความเข้มข้น
NH3
ในรูพรุน
โมเลกุล NH3
จะแพร่เข้าไปในรูพรุน
ส่วนหนึ่งจะเกิดการดูดซับแบบ
chemisorption
โดยส่วนที่เหลือจะเป็นส่วนที่ค้างอยู่ในเฟสแก๊ส
ในขั้นตอนการไล่
NH3
ส่วนเกินนั้น
พอเราเปลี่ยนแก๊สจากแก๊สผสม
He
+ NH3 เป็น
He
บริสุทธิ์
ความเข้มข้นของ NH3
ภายในรูพรุนจะสูงกว่าภายนอกรูพรุน
โมเลกุล NH3
จะค่อย
ๆ แพร่ออกมาจากรูพรุน
ดังนั้นในช่วงเวลาไล่ NH3
ส่วนเกินนี้จนหมดถ้าอุณหภูมิตัวอย่างของเรานั้นยังคงอยู่ที่อุณหภูมิที่ใช้ในการดูดซับ
(เช่น
100ºC)
จะไม่มีการดูดซับ
NH3
เพิ่มบนพื้นผิว
และแม้ว่าจะเริ่มการคายซับที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่าอุณหภูมิที่ใช้ในการดูดซับ
เราก็จะไม่เห็นพีค NH3
ที่อุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิที่ใช้ในการดูดซับ
แต่ถ้าในระหว่างที่ไล่
NH3
ส่วนเกินออกไปยังไม่หมด
อุณหภูมิตัวอย่างเราเกิดลดต่ำกว่าอุณหภูมิที่ใช้ในการดูดซับ
(เช่นไล่
NH3
ส่วนเกินออกพร้อมกับลดอุณหภูมิตัวอย่าง)
ก็จะทำให้มีการดูดซับ
NH3
บนพื้นผิวตัวอย่างเพิ่มขึ้นอีกได้
และพอมาเริ่มไล่ NH3
ออก
เราก็จะเห็นพีค NH3
ปรากฏที่อุณหภูมิที่ใช้ในการดูดซับได้
๔.
ส่วนเวลาที่ต้องใช้ในการไล่
NH3
ส่วนเกินนั้นควรเป็นเท่าไร
คงต้องหาจากการทดลอง
แต่โดยหลักก็คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีรูพรุนขนาดเล็กจะใช้เวลาในการไล่นานกว่าตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีรูพรุนขนาดใหญ่กว่า
หรือไม่ก็ต้องดูจากสัญญาณ
TCD
ด้านขาออกว่านิ่งแล้วหรือยัง
(ถ้าเครื่องทำได้)
ที่ผ่านมาตอนที่กลุ่มเราทำ
pyridine
adsorption และใช้
FT-IR
วัดนั้น
จะใช้การตรวจวัดสัญญาณการดูดกลืน
IR
ของ
pyridine
ในเฟสแก๊ส
สัญญาณนี้หายไปเมื่อใดก็จะเริ่มเพิ่มอุณหภูมิตัวอย่างได้
๕.
ดังนั้นวิธีการที่ถูกต้องกว่าก็คือถ้าเราดูดซับ
NH3
ที่อุณหภูมิเท่าใด
ก็ให้ไล่ NH3
ส่วนเกินที่อุณหภูมิที่ทำการดูดซับนั้น
และเมื่อไล่ NH3
ส่วนเกินเรียบร้อยแล้วก็ให้เริ่มทำการคายซับที่อุณหภูมินั้นเลย
ไม่จำเป็นต้องลดอุณหภูมิตัวอย่างให้ลดต่ำลง
๖.
การแปลผล
NH3-TPD
ต้องระวัง
เพราะเครื่องที่เราใช้นั้นมักทำให้เกิดสัญญาณสองสัญญาณซ้อนกันอยู่
คือ
(ก)
สัญญาณที่เกิดจาก
base
line drift เนื่องจากอุณหภูมิระบบเปลี่ยน
และ
(ข)
สัญญาณที่เกิดจาก
NH3
หลุดออกจากพื้นผิว
สัญญาณจาก
base
line drift นั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้
เวลาทำการทดลองซ้ำจึงมักทำให้ได้รูปร่างกราฟที่ไม่ซ้ำเดิม
แต่ควรจะได้ตำแหน่งพีค NH3
ที่หลุดออกมานั้นคงเดิม
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวเราจึงทำการวัดปริมาณ
NH3
หรือ
pyridine
ที่พื้นผิวตัวอย่างดูดซับเอาไว้ได้
เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณพื้นที่พีคที่ได้จากการคายซับว่าเป็นเท่าใด
โดยพื้นที่พีคที่คำนวณได้จากการคายซับจะต้องไม่มากกว่าพื้นที่พีคที่ได้จากการดูดซับ
ตรงนี้ขอให้ดู
Memoir
๓
เรื่องต่อไปนี้ประกอบ
(รวมทั้งที่ถูกกล่าวถึงใน
Memoir
๓
ฉบับนี้ด้วย)
คือ
ปีที่
๒ ฉบับที่ ๑๐๓ วันพุธที่ ๒๐
มกราคม พ.ศ.
๒๕๕๓
เรื่อง "การวัดปริมาณ-ความแรงของตำแหน่งที่เป็นกรดบนพื้นผิว"
ปีที่
๓ ฉบับที่ ๒๖๗ วันจันทร์ที่
๗ มีนาคม พ.ศ.
๒๕๕๔
เรื่อง "NH3-TPD - การลาก base line"
ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๓๖ วันอาทิตย์ที่
๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๕๕๕
เรื่อง "ความเข้มข้นของแก๊สที่ใช้ในการดูดซับ"
ส่วนการวัดความสามารถในการดูดซับ
pyridine
ของตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อหาปริมาณทั้งหมดของตำแหน่งที่เป็นกรดบนพื้นผิวด้วยเครื่อง
GC
ควรทำอย่างไรนั้น
ให้มาปรึกษาผมอีกที
เพราะมันมีสิ่งที่ต้องคำนึงในการทดลองอยู่เหมือนกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น