เชิงสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแควฝั่งตะวันตกมีสิ่งก่อสร้างที่เหมือนกับเป็นแท่งเสาสี่เหลี่ยมต้นหนึ่ง
มีตัวหนังสือภาษาจีนเขียนอยู่รอบด้านทั้งสี่
ที่ฐานด้านหนึ่งเขียนเป็นภาษาไทยว่า
"อนุสาวรีย์ทหารจีน"
ภาษาจีนนั้นเขียนว่าอะไรบ้างผมก็ไม่รู้หรอกครับ
แต่ที่โคนเสานั้นมีป้ายกระดาษติดอยู่
มีทั้งฉบับที่เป็นภาษาไทยและภาษาจีน
ฉบับภาษาไทยนั้นที่หัวกระดาษบอกว่าเป็น
"คำบอกเล่าของศิลาจารึก"
ส่วนข้อความนั้นเขียนว่าอย่างไรก็ลองอ่านกันเอาเองในรูปนะครับ
ที่ผมติดใจก็คือ
เรื่องที่เขาเล่าเอาไว้ในฉบับภาษาไทย
ประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่
๒
สิ่งหนึ่งที่มีการบันทึกเอาไว้ชัดเจนคือการสร้างทางรถไฟของกองทัพญี่ปุ่นเพื่อการลำเลียงปัจจัยต่าง
ๆ ไปให้กับทหารที่ทำการสู้รบอยู่ในพม่า
เส้นทางรถไฟที่ทำการก่อสร้างมีอยู่ด้วยกัน
๒ เส้นทาง เส้นทางแรกคือเส้นทางจากชุมทางหนองปลาดุก
ไปยังจังหวัดกาญจนบุรี
ก่อนเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟในประเทศพม่าทางด้านด่านเจดีย์สามองค์
เป็นเส้นทางที่เรียกว่า
"เส้นทางรถไฟสายมรณะ"
ในปัจจุบัน
เส้นทางที่สองเป็นเส้นทางจากจังหวัดชุมพร
เลียบตามแนวถนนที่เป็นถนนเพชรเกษมในปัจจุบัน
ไปสิ้นสุดที่ คลองละอุ่น
อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง
(Memoir
ปีที่
๖ ฉบับที่ ๘๒๗ วันพฤหัสบดีที่
๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เรื่อง
"สุดทางรถไฟที่ ละอุ่น ระนอง (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำตอนที่ ๗๗)")
เส้นทางสายกาญจนบุรีนั้นมีบันทึกเอาไว้ชัดเจนว่ามีการใช้เชลยศึกสัมพันธมิตร
ร่วมกับแรงงานกรรมกรก่อสร้าง
(ชาวจีนที่มาตั้งรกรากในมาลายู
และชาวมลายู)
ในขณะที่เส้นทางสายระนองนั้นจะใช้แรงงานกรรมกรก่อสร้างเป็นหลัก
จะว่าไปแล้ว
จำนวนกรรมกรก่อสร้างในเส้นทางสายกาญจนบุรีที่เสียชีวิตในระหว่างการก่อสร้างอาจจะมีจำนวนที่มากกว่าจำนวนเชลยศึกทหารสัมพันธมิตรที่เสียชีวิตเสียอีก
แต่ประวัติศาสตร์แทบไม่มีการกล่าวถึงแรงงานเหล่านั้น
นั่นอาจเป็นเพราะเขาเหล่านั้นต้องเข้าไปทำการก่อสร้างในเขตป่าลึก
ไม่ใช้ใกล้กับตัวจังหวัดเหมือนดังเช่นการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว
ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่
๒ ในระหว่างที่กองทัพญี่ปุ่นรบกับกองทัพจีนนั้น
ทางกองทัพญี่ปุ่นสามารถปิดการติดต่อทางทะเลของกองทัพจีนได้
ทำให้การส่งการสนับสนุนของอังกฤษกับสหรัฐอเมริกาให้กับกองทัพจีนต้องทำทางบก
เส้นทางที่ใช้คือจากอินเดีย
ผ่านตอนเหนือของประเทศพม่า
และเข้าจีนตอนใต้
ถนนเส้นนี้ในเชตประเทศพม่ามีชื่อว่า
"Ledo
road" แต่พอเข้าเขตประเทศจีนแล้วมีชื่อเป็น
"Burma
road"
นักประวัติศาสตร์บางรายให้ความเห็นว่า
เพราะถนนเส้นนี้
ร่วมกับการยึดทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่นในต่างประเทศ
และการไม่ขายน้ำมันให้กับประเทศญี่ปุ่น
จีงทำให้ญี่ปุ่นจำเป็นต้องเข้ายึดครองภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เพื่อเข้าครอบครองแหล่งน้ำมันในอินโดนีเซีย
และเข้าไปปิดเส้นทาง Ledo
road ทำให้จำเป็นต้องเดินทัพผ่านประเทศไทยให้ได้โดยเร็ว
แผนการนี้จึงเป็นแผนการที่เรียกว่าเขียนขึ้นกันอย่างเร่งด่วน
ไม่ใช่สิ่งที่วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าหลายปีก่อนหน้า
(หลังจากไทยมีปัญหากรณีพิพาทอินโดจีนกับฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสได้ให้ญี่ปุ่นยกกองทัพเข้ามาดูแลเมืองขึ้นในภูมิภาคนี้แทน
(ตอนนั้นทั้งฝรั่งเศสแพ้เยอรมันไปเรียบร้อยแล้ว)
เรียกว่ากองทัพญี่ปุ่นมารออยู่ในเขมรแล้ว
พร้อมที่จะเคลื่อนทัพทางรถไฟจากอรัญประเทศเข้าสู่กรุงเทพได้ทันที)
รูปที่
๓ คำบอกเล่าที่ติดไว้ที่ฐานอนุสาวรีย์
ที่เห็นว่ามีข้อความที่น่าสงสัยในเรื่องความถูกต้อง
โดยเฉพาะเรื่องที่กล่าวถึง
การใช้เชลยศึกทหารจีนมายืนป้องกันสะพานไม่ให้เครื่องบินทิ้งระเบิดใส่
มีศพตายเต็มแม่น้ำจนน้ำเป็นสีแดงไปหมด
ก็เป็นเรื่องที่ส่วนตัวแล้วต้องบอกว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าของทางฝ่ายไทยหรือบันทึกของเชลยศึกผู้รอดชีวิต
รูปที่
๕
มองย้อนกลับไปยังฝั่งตรงข้ามที่ยังมีตำแหน่งสะพานไม้ข้ามแม่น้ำแควอีกสะพาน
คาดว่าตำแหน่งที่ยืนถ่ายรูปนี้น่าจะเป็นอีกฝั่งหนึ่งของสะพานไม้ข้ามแม่น้ำแคว
(Memoir
ปีที่
๔ ฉบับที่ ๔๔๔ วันศุกร์ที่
๔ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรื่อง
"ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๑๗ สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแควมีสองสะพาน")
ในขณะนั้นอังกฤษยังแทบจะเอาตัวไม่รอดจากเยอรมัน
ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าความพร้อมของอังกฤษในการสู้รบในภูมิภาคนี้จะมี
สิ่งที่พอจะอ่าน
(ต้องอ่านระหว่างบรรทัดนะ)
ได้จากประวัติศาสตร์คืออังกฤษคาดหวังว่าไทยจะไม่ยอมให้กองทัพญี่ปุ่นเข้าประเทศได้ง่าย
ๆ เพื่อที่ทางอังกฤษเองจะได้มีเวลาเตรียมตัว
แต่ทางรัฐบาลไทยในขณะนั้นไม่เล่นด้วย
เพราะไม่รู้ว่าทำไปต้องให้คนไทยยอมเจ็บตัวเพื่อผลประโยชน์ของอังกฤษ
(ไทยรู้อยู่แล้วว่ารบไปก็แพ้อยู่ดี
และเป้าหมายของญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่ประเทศไทย)
ผลก็คือรบกันอยู่แค่วันเดียวแล้วก็ปล่อยให้ทัพญี่ปุ่นเดินทางประเทศไปดื้อ
ๆ และนี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลอังกฤษเคืองแค้นประเทศไทยมาก
ในช่วงแรกของการรบในพม่า
ทหารอังกฤษและชนเผ่ากลุ่มน้อย
(อังกฤษไม่ใช้ทหารพม่า
และใช้ชนกลุ่มน้อย
เพราะคนพม่าเองก็ต้องการอิสระภาพจากอังกฤษ
ตอนนั้นนายพลอองซานอยู่ข้างญี่ปุ่นด้วยซ้ำไป)
ถอยร่นไม่เป็นขบวน
ต้องเข้าไปตั้งหลักในอินเดีย
เส้นทาง Ledo
road ก็ถูกตัดขาด
แต่ด้วยความยากลำบากในการส่งกำลังบำรุงของกองทัพญี่ปุ่น
และการที่เส้นทางดังกล่าวสำคัญต่อการอยู่รอดของกองทัพจีน
ทำให้ทางกองทัพอังกฤษและกองทัพจีนสามารถเข้ามาเปิดเส้นทางนี้ได้ใหม่
ดังนั้นทหารจีนที่รบกับทหารญี่ปุ่นนั้นทำการรบอยู่ทางตอนเหนือของประเทศพม่า
ด้านที่ติดกับพรมแดนจีน
แม้แต่ในช่วงหลังสงครามที่กองทัพอังกฤษยกตีกองทัพญี่ปุ่นถอยร่นมายังพรมแดนประเทศไทย
ก็ใช้กองกำลังทหารจากอินเดียเป็นหลัก
แรงงานที่ใช้ในการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแคว
และช่วงที่ต่อออกไปจากจังหวัดกาญจนบุรี
(อย่างน้อยก็ไปจนถึงช่องเขาขาดในปัจจุบัน)
นั้น
ประวัติศาสตร์ก็บันทึกเอาไว้ว่าใช้แรงงานเชลยศึกที่เป็นคนผิวขาวเป็นหลัก
ไม่ได้เป็นเชลยศึกทหารจีน
จะว่าไปค่ายเชลยศึกแถวตัวจังหวัดกาญจนบุรีก็แทบจะไม่มีรั้วกั้นการหลบหนีด้วยซ้ำ
แถมรอบข้างเป็นป่า
ทำให้ฝรั่งผิวขาวหลบหนีได้ยากเพราะไม่รู้จักการดำรงชีพในป่า
และแม้จะหลบหนีออกจากค่าย
แต่ด้วยรูปร่างที่แตกต่างไปจากคนท้องถิ่นและความที่เป็นที่ไม่ชอบของคนท้องถิ่น
ก็ทำให้หาตัวได้ง่าย
แต่ถ้าเป็นคนจีนก็อีกเรื่องหนึ่ง
รูปที่
๖ สุดเส้นทางรถไฟสายมรณะที่ยังคงหลงเหลืออยู่ฝั่งไทย
ที่น้ำตกไทรโยคน้อย
รูปที่
๗ มองย้อนจากศาลาพักผู้โดยสารที่สถานีไทรโยคน้อย
ไปยังเส้นทางที่มาจากสถานีน้ำตก
ฉบับนี้ก็ถือเสียว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ในบ้านเราเรื่องหนึ่งก็แล้วกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น