กองเชียร์มักจะเก่งกว่าผู้เล่น
ผู้ไม่อยู่ในเหตุการณ์มักจะรู้ดีกว่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
เหตุการณ์แบบนี้สามารถพบเห็นได้เป็นประจำ
เวลาที่ทีมกีฬาหรือผู้เล่นที่ตัวเองชื่นชอบนั้นพ่ายแพ้การแข่งขัน
ก็มักจะมีเสียงต่อว่าภายหลังว่าเพราะในระหว่างการเล่นนั้นผู้เล่นตัดสินใจผิดพลาด
เช่นเดียวกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและผ่านแล้ว
ที่มักจะมีผู้ที่ไมได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นโดยตรง
จะออกมาวิจารณ์การกระทำของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ว่าตัดสินใจผิดพลาด
คนที่นั่งดูฟุตบอลอยู่บนที่สูง
จะมองเห็นภาพกว้างทั้งสนามจากมุมสูง
เห็นตำแหน่งของผู้เล่นในสนามทั้งหมดได้ในเวลาเดียวกัน
ในขณะที่ผู้เล่นอยู่ในสนามนั้นจะมองเห็นเฉพาะสิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกันที่ไม่ถูกบดบัง
เห็นเฉพาะผู้เล่นบางส่วนในสนามเท่านั้นว่าอยู่ในตำแหน่งไหน
ด้วยเหตุนี้เหตุการณ์เดียวกัน
แต่เมื่อมองจากมุมมองที่ต่างกัน
ทำให้ได้รับข้อมูลที่แตกต่างกัน
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคนดูกับผู้เล่นจะเห็นว่าสิ่งใดที่ควรกระทำนั้น
ไม่เหมือนกัน
ในการพิจารณาการเกิดอุบัติเหตุก็เช่นกัน
"เวลา"
คือสิ่งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มีอยู่อย่างจำกัด
ไม่เหมือนกับผู้ที่มาสอบสวนเหตุการณ์
นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยังอาจต้องประสบกับการที่ปัญหาต่าง
ๆ นั้นเกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว
จนไม่สามารถบอกได้ว่าปัญหาไหนเกิดขึ้นก่อนหลัง
และปัญหาไหนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องจัดการก่อน
และวิธีที่จะจัดการกับแต่ละปัญหานั้นมีกี่วิธี
และวิธีไหนเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด
ในขณะที่ผู้ที่ทำการสอบสวนหรือผู้ที่มาศึกษาเหตุการณ์นั้นภายหลัง
มีเวลาเหลือเฟือในการพิจารณาแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเหตุการณ์ไหนเกิดก่อนหน้าหลัง
และเกิดจากสาเหตุอะไร
แถมยังมีเวลาเหลือเฟือสำหรับทบทวนว่าสำหรับแต่ละเหตุการณ์นั้นควรตอบสนองอย่างใด
ดังนั้น
เมื่อเกิดความผิดพลาดใด ๆ
ในการทำงานจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
ถ้าเราลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา
โดยให้พิจารณาจากมุมมองของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า
ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์ที่เขาเป็นอยู่
ด้วยข้อมูลและเวลาที่มีจำกัด
เราก็คงพบว่าเราคงไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอะไรแตกต่างไปจากเขา
ถ้าเราเข้าใจตรงนี้
มันก็จะช่วยนำไปสู่การหาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดซ้ำ
แทนที่จะเป็นการมองหาใครสักคนที่ต้องมารับผิด
ถ้าเราสอบสวนอุบัติเหตุโดยมุ่งหาว่าใครเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบ
เพื่อให้เรื่องนั้นจบ ๆ
กันไป แนวทางการสอบสวนก็จะเป็นแบบหนึ่ง
แต่มันไม่ได้ช่วยป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำอีก
แต่ถ้าเราสอบสวนอุบัติเหตุโดยมุ่งหาว่าทำไมกระบวนการทำงานถึงมีความผิดพลาดได้
เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
แนวทางการสอบสวนก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง
๓๐
ปีของการสะสมความรู้และประสบการณ์
และรอโอกาส
บทความเกือบทุกเรื่องที่นำมารวบรวมไว้ในที่นี้
จัดทำขึ้นและนำไปใช้ประกอบการสอนวิชา
"๒๑๐๕๖๘๙
การออกแบบและดำเนินการกระบวนการอย่างปลอดภัย"
ซึ่งเป็นวิชาบังคับเลือกระดับบัณฑิตศึกษาของภาควิชา
วิชานี้ภาควิชาใส่ไว้ในหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาหลายปีแล้วตั้งแต่มีการปรับปรุงครั้งสุดท้าย
แต่ไม่เคยมีการเปิดสอน
เพราะไม่มีใครสอน
ส่วนตัวผมเองกว่าจะกล้าสอน
(และสอนอยู่เพียงคนเดียว)
ก็ต้องใช้เวลาเตรียมตัวและเตรียมใจถึง
๓๐ ปี ในการรวบรวมความรู้และประสบการณ์
และการฝึกวางความคิดให้เป็นกลาง
ในการพิจารณาเหตุการณ์ต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้น
อันที่จริงจะเรียกว่าผม
"สอน"
วิชานี้ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก
น่าจะเรียกว่าเป็นการ
"เรียนรู้ร่วมกันไปพร้อมกัน"
มากกว่า
เพราะสิ่งที่ทำคือเริ่มด้วยการแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ต่าง
ๆ
ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ใช้ความรู้มากเกินไปกว่าที่ได้ร่ำเรียนมาในระดับปริญญาตรี
ให้แยกแยะข้อมูลว่าส่วนไหนเป็นสิ่งที่
"ได้เกิดขึ้นจริง"
ส่วนไหนเป็นสิ่งที่
"คิดว่า"
ได้เกิดขึ้น
จากนั้นจึงค่อยนำข้อมูลที่ผ่านการแยกแยะแล้วมาพิจารณาด้วยการใช้ความรู้พื้นฐานที่แต่ละคนมีอยู่
มาลองตั้งสมมุติฐานต่าง ๆ
แล้วช่วยกันพิจารณาความสมเหตุสมผลของข้อสรุปที่มีการนำเสนอ
การสอนแบบเอาตำราหรือระเบียบข้อบังคับหรือข้อควรปฏิบัติต่าง
ๆ มาสอน มันง่ายในการออกข้อสอบเพื่อวัดผล
เพราะถ้าตอบไม่ตรงกับสิ่งที่มีการกำหนดไว้ก็ถือว่าตอบผิด
แต่การเรียนรู้ร่วมกันจากกรณีศึกษาต่าง
ๆ ทำให้พบว่า
หลายกรณีที่สิ่งที่กำหนดไว้อย่างละเอียดว่าให้ทำอะไรนั้น
มันใช้ไม่ได้กับสภาพการทำงานจริง
บางกรณีที่ถ้าพิจารณาจากกฎระเบียบแล้วเป็นสิ่งที่ห้ามปฏิบัติ
แต่ก็สามารถนำมาใช้ปฏิบัติได้
ถ้าจำเป็น
แต่ทั้งนี้ต้องมีการเข้าใจหลักการว่าเป้าหมายใดที่ต้องบรรลุ
และต้องมีการเสริมด้วยมาตรการอื่นที่เหมาะสมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น
(เช่นกรณีของการทำ
isolation
ด้วยการพึ่งพาการปิดกั้นการไหลด้วย
check
valve เพียงตัวเดียว)
รูปแบบการทำงานบางรูปแบบนั้น
ในบางประเทศถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้
ในขณะที่บางประเทศนั้นกลับไม่ยอมรับรูปแบบนั้น
และกำหนดรูปแบบเฉพาะรูปแบบอื่นให้ใช้
ทั้ง ๆ
ที่ทั้งสองรูปแบบนั้นมันสามารถบรรลุวัตถุประสงค์เดียวกัน
หรือแม้แต่ในประเทศเดียวกันเองแท้
ๆ บางกรณีก็มีข้อเสนอแนะว่าควรป้องกันด้วยการใช้ฮาร์ดแวร์
เพราะไม่สามารถไว้วางใจคนได้
แต่พอมาเป็นอีกกรณีหนึ่งกลับแนะนำให้เพิ่มการฝึกอบรมให้กับผู้ปฏิบัติงาน
แทนที่จะแนะนำให้เสริมความปลอดภัยด้วยการเพิ่มฮาร์ดแวร์
เพราะไม่สามารถไว้วางใจฮาร์ดแวร์ได้ว่าจะไม่มีปัญหาในการทำงาน
สิ่งที่ผมอยากให้ผู้ที่ได้ลงทะเบียนเรียนวิชานี้ได้รับไปก็คือ
การมองปัญหาและเหตุการณ์ด้วยใจที่เป็นกลางอย่างมีสติ
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม
ไม่ใช่รูปธรรม
จึงไม่สามารถวัดผลออกมาเป็นตัวเลขได้
และแม้ว่าแต่ละคนที่ลงทะเบียนเรียนวิชานี้จะได้รับสิ่งที่ผมต้องการให้เขาได้รับนั้นไม่เท่ากัน
หรือปฏิเสธที่จะรับเพราะไม่เห็นด้วยกับแนวความคิด
แต่ผมก็ไม่ถือว่ามันเป็นความผิดของเขา
เพราะผมไม่ได้ต้องการเปลี่ยนความคิดของเขา
ผมต้องการเพียงแค่ให้เขาตระหนักว่าไม่ว่าจะเลือกแนวทางไหน
ก็ต้องเตรียมตอบคำถามด้วยว่าทำไมจึงไม่เลือกแนวทางอื่น
ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้สึกเสียใจอะไร
ถ้าหากการสอนในภาคการศึกษาที่แล้วเป็นเพียงแค่ภาคการศึกษาเดียวที่มีโอกาสได้สอน
เพราะถือว่าได้ทำในสิ่งที่ต้องการจะทำมานานแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น