บันทึกช่วยจำของกลุ่มวิจัยตัวเร่งปฏิกิริยาโลหะออกไซด์ บันทึกความจำของวิศวกรเคมีผู้ลงมือปฏิบัติ (mo.memoir@gmail.com)
วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
การค้นหากระสุนปืนพกที่ดีที่สุดสำหรับหยุดคน MO Memoir : Sunday 26 July 2563
วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
Full metal jacket (๒) MO Memoir : Sunday 30 November 2557
รูปที่ ๑ Declaration (IV,3) ของ Hague convention 1899 ซึ่งเกี่ยวข้องกับรูปแบบหัวกระสุนที่ใช้ในการรบ นำมาจากหน้าเว็บของ International Committee of the Red Cross (ICRC)
รูปที่ ๒ หัวกระสุนขนาด .223 Remington (ซ้าย) รุ่น Varmint X ที่ไม่มีการหุ้มทองแดงจนถึงปลายบนสุดของหัวกระสุน ส่วนปลายนั้นเป็นวัสดุพอลิเมอร์โดยมีแกนตะกั่วอยู่ข้างใน ตัวนี้เป็นหัวกระสุนน้ำหนักเบา ความเร็วสูง ออกแบบมาเพื่อการล่าสัตว์เล็ก (ที่เรียกว่า varmint) ที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็ว (กลาง) รุ่น Power max bonded เป็นหัวกระสุนแกนตะกั่วที่มีการเว้นการหุ้มทองแดงไว้ไม่ให้ปิดจนคลุมปลายหัวกระสุน (ขวา) รุ่น Power core ที่มีการทำรูไว้ที่ปลายหัวกระสุนแต่หัวกระสุนเป็นโลหะทองแดงทั้งหัว สองแบบหลังใช้กับการล่าสัตว์ที่ใหญ่ขึ้น ต้องการการถ่ายทอดพลังงานสูงขึ้น จึงออกแบบให้หัวกระสุนบานออกเมื่อกระทบเป้า (รูปจาก http://www.winchester.com/)
รูปที่ ๓ ผู้แต่งหนังสือที่ผมนำเอารูปมาประกอบ หนังสือเล่มนี้พิมพ์ที่โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในปีพ.ศ. ๒๕๑๙ เล่มจริงอยู่ที่ชั้น ๔ หอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย
รูปที่ ๕ บาดแผลที่เกิดจากการทดลองยิงศพในส่วนศีรษะด้วยกระสุนไรเฟิลขนาด .223 (บน) บาดแผลทางเข้า (ล่าง) บาดแผลทางออก
วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
หัวกระสุนจากฟากฟ้า MO Memoir : Monday 27 May 2556
วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556
กระสุน Siamese type 66 (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๓๔) MO Memoir : Wednesday 16 January 2556
วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เครื่องกระสุน MO Memoir : วันพุธที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๑
รูปที่ 1 รูปซ้ายแสดงส่วนประกอบของกระสุนปืนซึ่งประกอบด้วย (1) หัวกระสุน, (2) ปลอก, (3) ดินขับ, (4) ริม และ (5) แก๊ป ส่วนรูปซ้ายแสดงกระสุนขนาด 9 mm para โดยกระสุนนัดซ้ายมือคือชนิดหัวมน (jacketed round nose) และกระสุนนัดขวามือคือชนิดหัวรู (jacketed hollow point)
ส่วนที่ 1 คือส่วนหัวกระสุน (bullet หรือ projectile) เป็นส่วนที่พุ่งเข้ากระทบเป้าหมาย หัวกระสุนอาจเป็นโลหะชิ้นเดียวหรือเป็นโลหะเม็ดเล็ก ๆ หลายเม็ดอยู่รวมกันในเปลือกหุ้มอีกชั้น (ที่เรียกว่าลูกปราย) ซึ่งแบบหลังนี้จะนิยมใช้กับปืนลูกซองมากกว่า สำหรับปืนพกทั่วไปแล้วหัวกระสุนมักจะเป็นโลหะชิ้นเดียว
ส่วนหัวกระสุนจะทำจากโลหะที่มีน้ำหนักมาก (ส่วนใหญ่จะเป็นตะกั่ว) เพื่อให้เก็บพลังงานได้มาก และโลหะนั้นต้องมีความแข็งน้อยกว่าเหล็กที่ใช้ทำลำกล้องปืน (เพื่อป้องกันไม่ให้เกลียวลำกล้องสึกหรอเมื่อหัวกระสุนเคลื่อนที่ผ่าน) หัวกระสุนพื้นฐานที่มีราคาถูกสุดนั้นจะทำจากตะกั่วเพียงอย่างเดียว จะเห็นเป็นหัวโลหะสีเทา ๆ แต่ถ้าต้องการให้หัวกระสุนเคลื่อนที่ได้เร็วมากขึ้น หรือในกรณีที่ใช้แกนกลางหัวกระสุนที่เป็นเหล็ก (เพื่อหวังผลในการเจาะเกราะหรือที่กำบัง) จะมีการหุ้มหัวกระสุนไว้ด้วยโลหะอีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมกันมากที่สุดคือทองแดง (ปลอกทองแดงที่หุ้มหัวกระสุนเรียกว่า jacket) หัวกระสุนพวกนี้จะเห็นเป็นหัวทองแดงหุ้มอยู่ ข้อดีของทองแดงคือมีความแข็งมากกว่าตะกั่ว ทำให้หัวกระสุนจับกับเกลียวลำกล้องและหมุนไปตามร่องเกลียวได้ และทองแดงก็ยังมีความแข็งน้อยกว่าเหล็กที่ใช้ทำลำกล้อง
น้ำหนักของหัวกระสุนจะใช้หน่วยเป็นเกรน (grain) ซึ่งจะขึ้นอยู่กับชนิดของโลหะที่ใช้และความยาวของหัวกระสุน กระสุนที่ใช้ตะกั่วล้วนจะหนักมากกว่ากระสุนที่มีเปลือกทองแดงหุ้ม และกระสุนที่มีความยาวหัวกระสุนมากกว่าก็จะหนักมากกว่าด้วย
รูปร่างของหัวกระสุนมีหลายแบบด้วยกันขึ้นอยู่กับการใช้งาน ที่แสดงในรูปที่ 1 เป็นกระสุนแบบหัวมน (round nose) ซึ่งจัดว่าเป็นรูปร่างมาตรฐานสำหรับกระสุนปืนพก (ถ้าเป็นปืนยาวหรือปืนไรเฟิลจะเป็นหัวเรียวแหลม เพื่อให้เคลื่อนที่ผ่านอากาศด้วยความเร็วสูงได้ดี) นอกจากนั้นก็มีแบบหัวรู (hollow point) ที่ออกแบบให้บานออกเป็นรูปดอกเห็ดเมื่อกระทบเป้า (บ้านเรามักเรียกว่าหัวระเบิด) เพื่อหัวกระสุนจะได้ถ่ายเทพลังงานจากหัวกระสุนให้กับเป้าหมายได้เต็มที่ หัวกระสุนชนิดนี้มักออกแบบมาเพื่อยิงคนหรือล่าสัตว์ แบบหัวตัด (wad-cutter) ที่ออกแบบมาเพื่อการยิงเป้า เพราะเมื่อเจาะเป้ากระดาษแล้วจะเห็นวงกระสุนเจาะได้ชัดเจน) เป็นต้น การเลือกชนิดหัวกระสุนนอกจากจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายแล้ว ยังขึ้นอยู่กับอาวุธปืนที่ใช้ด้วย ปืนพกที่เป็นปืนลูกโม่ (revolver) จะไม่มีปัญหาเรื่องการเลือกชนิดหัวกระสุนว่าจะใช้แบบไหน แต่ถ้าเป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติ (บ้านเราจะเรียกว่าปืนออโต้ ทางอเมริกาจะเรียก pistol) แล้ว รูปร่างของจะส่งผลต่อการทำงานของปืนว่าสามารถป้อนกระสุนได้เรียบร้อย ไม่มีการติดขัดหรือไม่ ผู้ที่มีปืนออโต้จึงมักต้องทดลองเอากระสุนที่ต้องการใช้มายิงกับปืนดูว่ายิงได้ราบเรียบหรือเปล่า ไม่ใช่ว่ายิงไปได้นัดเดียวแล้วปืนติดขัด
การระบุขนาด (caliber) ของกระสุนจะใช้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของหัวกระสุนหรือของลำกล้องเป็นหลัก การระบุขนาดจะมีอยู่ 2 แบบคือแบบนิ้วและแบบมิลลิเมตร การระบุแบบนิ้วมักจะเป็นทางอเมริกา โดยจะบอกขนาดเป็น จุดทศนิยมและมีตัวเลขตามหลัง โดยละคำว่านิ้วเอาไว้ เช่น .22 (อ่านจุดสองสอง) .38 (อ่านจุดสามแปด) .357 (อ่านจุดสามห้าเจ็ด) .45 (อ่านจุดสี่ห้า) เป็นต้น ที่เห็นข่าวในบ้านเรามีการแปลผิดบ่อยคือคิดว่าหน่วยเป็นมิล เช่นกระสุน .22 ไปแปลว่าเป็นกระสุนขนาด .22 มิลลิเมตร การอ่านแบบมิลลิเมตรนั้นจะนิยมกันมากทางยุโรป โดยจะมีการระบุหน่วย mm เอาไว้ท้ายตัวเลขด้วย เช่น กระสุน 11 mm กระสุน 9 mm เป็นต้น
ส่วนที่ 2 คือส่วนปลอก (case) ซึ่งเป็นส่วนที่บรรจุดินขับและจับหัวกระสุนเอาไว้ ปลอกกระสุนปืนส่วนใหญ่จะมีลักษณะลำตัวเป็นทรงกระบอก (เช่นพวก .38 special (อ่านจุดสามแปดสเปเชี่ยล) .357 magnum (อ่านจุดสามห้าเจ็ดแมกนั่น) หรือ 11 มม) หรืออาจเรียวสอบเล็กน้อย (คือทางด้านที่จับหัวกระสุนเอาไว้จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าอีกทางด้านหนึ่งเล็กน้อย เช่น 9 มม พารา) เพื่อให้การป้อนลูกกระสุนเข้าสู่รังเพลิงทำงานได้เรียบร้อย กระสุนปืนพกบางแบบและกระสุนปืนยาวส่วนใหญ่ ปลอกกระสุนจะมีลักษณะเป็นรูปคอขวด ที่จะมีส่วนลำตัวที่อ้วนกว่าส่วนที่จับหัวกระสุนเอาไว้ (เป็นแบบขวดน้ำนั่นแหละ) ทั้งนี้เพื่อให้บรรจุดินขับได้มากโดยที่กระสุนทั้งนัดไม่ยาวเกินไป (แต่อ้วนขึ้นแทน)
ส่วนที่ 3 คือดินขับ (propellant) ซึ่งเป็นส่วนที่จะเกิดการเผาไหม้ให้แก๊สร้อนปริมาณมากเพื่อขับดันหัวกระสุนให้เคลื่อนที่ออกไป ชนิดของดินขับและอัตราการเผาไหม้จะเป็นตัวกระหนดความเร็วของหัวกระสุน ดินขับที่ใช้กับปืนสั้นจะถูกออกแบบให้เผาไหม้ได้หมดก่อนที่กระสุนจะเคลื่อนที่พ้นปากลำกล้อง ส่วนดินขับสำหรับปืนยาวจะเผาไหม้ช้ากว่าเพราะกระสุนมีเวลาอยู่ในลำกล้องนานกว่า ดินขับนั้นจะไม่เกิดการระเบิดถ้าจุดติดด้วยเปลวไฟหรือจากการกระแทกที่ไม่รุนแรง (ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวกระสุนเอง) ต้องจุดระเบิดด้วยเชื้อประทุหรือแก๊ปที่ทำให้เกิดคลื่นกระแทก (shock wave) มาทำให้ดินขับระเบิด
ส่วนที่ 4 คือริมหรือขอบจานท้าย (rim) ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยในการบรรจุและคัดปลอกกระสุนออก กระสุนปืนลูกโม่นั้นมักจะมีขอบจานท้ายที่โผล่ยื่นล้ำออกมา (ดูตัวอย่างได้จากกระสุน .22 LR ที่จะกล่าวถึงในช่วงต่อไป) โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าส่วนปลอก ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกกระสุนทั้งนัดจมลงไปในตัวช่องของลูกโม่ กระสุนพวกนี้เรียกว่าพวกมีริม ส่วนกระสุนปืนออกโต้ส่วนใหญ่แล้ว (เช่น 11 มม หรือ 9 มม) ส่วนริมหรือจานท้ายนั้นจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเดียวกันกับตัวปลอก (เช่นในรูปที่ 1 ข้างบน) คือถ้าเอากระสุนวางนอนราบไปกับพื้นก็จะเห็นทั้งปลอกและจานท้ายแนบพื้นตลอดทั้งนัด กระสุนพวกนี้เรียกว่าพวกไม่มีขอบจานท้าย (rimless) ซึ่งเหมาะกับการบรรจุกระสุนเรียงซ้อนกันในซองกระสุน (magazine) เพราะลดปัญหาการติดขัดในการป้อนกระสุน แต่กระสุนพวกนี้จะมีร่องเล็ก ๆ อยู่รอบ (ที่เห็นเป็นส่วนคอดเหนือส่วนริมในรูปที่ 1) เพื่อเอาไว้สำหรับให้ขอรั้งปลอกกระสุน (extractor) กระชากปลอกกระสุนออกจากรังเพลิง
ส่วนที่ 5 คือแก๊ป (primer) ซึ่งเป็นส่วนที่บรรจุสารเคมีที่ว่องไวในการกระแทก ส่วนนี้จะทำจากโลหะบางที่มีความอ่อน เมื่อส่วนแก๊ปถูกกระแทกอย่างแรง (ด้วยแรงตอกของเข็มแทงชนวน) สารเคมีที่อยู่ในแก๊ปก็จะเกิดการระเบิดให้ความร้อนและคลื่นกระแทกวิ่งผ่านรูที่อยู่ท้ายปลอกกระสุนเข้าไปจุดระเบิดดินขับที่อยู่ในปลอกอีกทอดหนึ่ง ตำแหน่งที่อยู่ของแก๊ปก็ถูกนำมาใช้จำแนกประเภทกระสุน ถ้าอยู่ตรงกลางดังแสดงในรูปที่ 1 ก็จะเรียกว่ากระสุนชนวนกลาง (centre fire cartridge) แต่ถ้าบรรจุอยู่ที่ขอบจานท้าย (มีเฉพาะกับกระสุนชนิดมีขอบจานท้ายเท่านั้น) ก็จะเรียกว่ากระสุนชนวนริม (rim fire cartridge) กระสุนส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะเป็นกระสุนชนวนกลางเกือบทั้งหมด ส่วนกระสุนชนวนริมจะใช้กับกระสุนขนาดเล็ก กระสุนชนวนริมที่ใช้กันมากที่สุดในบ้านเรา (และอาจทั้งโลก) คือกระสุนขนาด .22 LR (อ่านจุดสองสองแอลอาร์ โดย LR ย่อมาจาก Long Rifle) รองลงไปคือขนาด .22 Magnum
ถ้าไม่นับกระสุนปืนลมแล้ว กระสุน .22 LR ก็น่าจะเป็นกระสุนที่มีราคาถูกที่สุด และเหมาะกับผู้ที่หัดเริ่มยิงปืน เพราะเสียงไม่ค่อยดัง และกระสุนไม่มีแรงสะท้อนรุนแรง เด็กเล็ก ๆ ก็สามารถหัดยิงได้ ปืนที่ใช้กระสุนชนิดนี้มีทั้งปืนสั้นลูกโม่ ปืนสั้นออโต และปืนยาว ภาษาชาวบ้านทั่วไปจะเรียกกระสุนชนิดนี้ว่า "ลูกกรด" และเรียกปืนยาวที่ยิงกระสุนชนิดนี้ว่า "ปืนลูกกรด" ที่เคยพานิสิตไปฝึกหัดกันที่กรมการรักษาดินแดนก็เป็นปืนที่ใช้กระสุนชนิดนี้ กระสุนชนิดนี้ยังใช้ในการแข่งขัดปืนยาวมาตรฐานระยะยิง 50 เมตร (ทั้งท่า นอน นั่ง และยืนยิง) และพวกปืนสั้นยิงช้า 50 เมตรด้วย ปืนยาวที่เหล่าทัพต่าง ๆ นำมาให้เช่ายิงในงานการชาดสวนอัมพร ก็เป็นปืนที่ใช้กระสุนชนิดนี้
จริง ๆ แล้วกระสุนตระกูลนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิดที่มีขนาดหน้าตัดเท่ากันและความยาวกระสุนทั้งนัดไม่เท่ากันคือ ขนาด .22 Short ซึ่งปัจจุบันยังพอหลงเหลืออยู่กับพวกนักกีฬาปืนสั้นยิงเร็ว ขนาด .22 Long ซึ่งมีปลอกยาวกว่า .22 Short และดูเหมือนว่าจะสูญพันธ์ไปแล้ว และ .22 LR ซึ่งมีความยาวกระสุนทั้งนัดมากที่สุดในกลุ่ม 3 ตัวนี้ ปืนที่ใช้ยิงกระสุน .22 LR ได้ก็สามารถนำกระสุน .22 Short และ .22 Long มายิงได้
รูปที่ 2 มิติและรูปร่างของกระสุนขนาด .22 LR
พึงสังเกตว่าจานท้ายของกระสุน .22 LR (รูปที่ 2) ไม่มีร่องเหมือนกับในรูปที่ 1 แต่จานท้ายมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง (.272 นิ้ว) ใหญ่กว่าปลอกกระสุน (.224 นิ้ว) นอกจากนี้กระสุน .22 LR ยังมีความพิเศษเฉพาะตัวอีกอย่างคือหัวกระสุนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเดียวกันกับปลอกกระสุน (.224 นิ้วเท่ากัน) ในขณะที่กระสุนปืนชนิดอื่นจะมีหัวกระสุนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าปลอก (เส้นผ่านศูนย์กลางของปลอกเท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางของหัวกระสุนบวกกับสองเท่าความหนาของปลอกกระสุน)
เวลาที่ดินขับเกิดการระเบิดในปลอกกระสุนนั้น ความดันและอุณหภูมิในปลอกกระสุนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก (เช่นอาจสูงถึงกว่า 30,000 psi สำหรับกระสุน 9 มม หรือกว่า 50,000 psi สำหรับกระสุนปืนไรเฟิลแรงสูง) ทำให้ตัวปลอกกระสุนบวมขยายตัวออก ตัวปลอกกระสุนเองนั้นจะไม่สามารถรับแรงดันขนาดนี้ได้ วิธีการแก้ปัญหาคือการทำให้รังเพลิง (Firing chamber - ช่องสำหรับบรรจุกระสุนก่อนที่จะทำการยิง) มีขนาดที่ใหญ่กว่าขนาดปลอกกระสุนเล็กน้อย ถ้าช่องว่างระหว่างปลอกกระสุนกับผนังรังเพลิงน้อยเกินไป ก็จะทำให้บรรจุกระสุนได้ลำบากและแรงดันที่เกิดขึ้นในปลอกกระสุนจะทำให้ปลอกกระสุนบวมคับติดรังเพลิง ไม่สามารถนำกระสุนออกมาจากรังเพลิงได้ (เดี๋ยวพอไปยิงปืนลูกกรดแล้วก็จะพบเอง) บางครั้งต้องหาอุปกรณ์ไปแงะหรือกระทุ้งเอาปลอกออก หรือรอให้ปลอกกระสุนเย็นลงจะได้หดตัวเล็กลง แต่ถ้าช่องว่าระหว่างกระสุนและผนังรังเพลิงมีมากเกินไป ก็จะทำให้ปลอกกระสุนที่ยิงแล้วบวมจนฉีกขาดได้ และแก๊สร้อนที่เกิดขึ้นแทนที่จะพุ่งออกจากทางปากลำกล้องก็จะพุ่งย้อนออกมาหาผู้ยิงได้ (ถ้าเป็นปืนลูกโม่นะ)
กระสุนคู่ที่มีปัญหาคือกระสุน .22 LR กับ .22 Magnum กระสุนทั้งสองชนิดใช้หัวกระสุนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเดียวกัน ยิงลอดรูลำกล้องขนาดเดียวกัน แต่กระสุน .22 Magnum มีความยาวปลอกกระสุนมากกว่าและมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางปลอกกระสุนใหญ่กว่า (กล่าวคือหัวกระสุน .22 Magnum มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าปลอกกระสุน แต่ .22 LR มีขนาดเท่ากัน) รังเพลิงสำหรับกระสุน .22 Magnum จึงใส่กระสุน .22 LR ได้ แต่ช่องว่างระหว่างผนังรังเพลิงกับปลอกกระสุนจะมากเกินไป ถ้านำกระสุน .22 LR ไปยิงในปืน .22 Magnum จึงเสี่ยงที่ปลอกกระสุนจะฉีกขาดออก อันนี้ไม่เหมือนกับกรณี .22 Short .22 Long และ .22 LR (เส้นผ่านศูนย์กลางหัวกระสุนเท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางปลอกกระสุน) หรือระหว่าง .38 Special กับ .357 Magnum (เส้นผ่านศูนย์กลางหัวกระสุนเล็กกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางปลอกกระสุน) ซึ่งต่างก็มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหัวกระสุนและขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของปลอกกระสุนเท่ากัน แต่ความยาวกระสุนแตกต่างกัน จึงสามารถนำกระสุนที่สั้นกว่าไปใส่ในปืนที่ออกแบบมาเพื่อยิงกระสุนที่ยาวกว่าได้
เมื่อเทียบกับกระสุน .22 LR แล้ว กระสุน .22 Magnum หาซื้อยากกว่า ราคาแพงกว่าหลายเท่า และมีสนามยิงปืนไม่มากที่ยอมให้ยิงชนิดกระสุนนี้ได้ (สนามยิงปืนส่วนใหญ่จะไม่อนุญาตให้ยิงกระสุน Magnum หรือต้องมีการขออนุญาตเป็นพิเศษ และมักไม่มีกระสุน Magnum ขาย) คนที่มีปืนชนิดนี้อยู่จึงหาทางประหยัดด้วยการเอากระสุน .22 LR มาซ้อมยิงแทน (บางสนามยิงปืน นายสนามเป็นคนแนะนำซะเอง) ซึ่งก็พบว่ามันยิงได้ เพราะปลอกกระสุนไม่ได้ระเบิดคารังเพลิงทุกนัด แล้วก็แนะนำต่อ ๆ กันมา แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ควรเสี่ยง เพราะถ้าเกิดปลอกกระสุนฉีกขาดขึ้นมา ความบาดเจ็บที่ได้รับจะไม่คุ้มกับค่ากระสุนที่ประหยัดได้
กระสุนปืน M16 หรือ HK33 (กระสุนขนาด 5.56 × 45 mm NATO - ขนาดหัวกระสุน 5.56 มิลลิเมตร ปลอกกระสุนยาว 45 มิลลิเมตร) นั้นก็เป็นกระสุนขนาดคาลิเบอร์ .22 เช่นเดียวกันกับกระสุน .22 LR แต่น้ำหนักและความเร็วแตกต่างกัน กระสุน .22 LR ทั่วไปจะมีหัวกระสุนหนัก 40 เกรน วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 1,000 ฟุตต่อวินาที (ต่ำกว่าความเร็วเสียงเล็กน้อย) มีพลังงานปากลำกล้องประมาณ 150 ฟุต-ปอนด์ ในขณะที่กระสุนปืน M16 (จะเรียกอย่างนี้ก็ได้เพราะกระสุนชนิดนี้มันเกิดขึ้นมาเพื่อใช้กับปืน M16 เป็นแบบแรก ก่อนที่จะมีผู้ผลิตปืนแบบอื่นที่ใช้กระสุนชนิดนี้) จะมีน้ำหนักอย่างต่ำ 55 เกรนและวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 3 เท่าเสียง พลังงานของหัวกระสุนปืน M16 จึงมากกว่าพลังงานของหัวกระสุน .22LR ประมาณ 10 เท่า (คือมีประมาณ 1,500 ฟุต-ปอนด์)
ปืน M16 และกระสุนปืน M16 นั้นถูกนำมาใช้ครั้งแรกในสงครามเวียดนาม (สหรัฐไม่แน่ใจว่ามันจะใช้ในการรบได้ หรือได้ดีหรือเปล่า ก็เลยใช้วิธีเอาไปให้ทหารเวียดนามใต้เอาไปใช้ในการรบจริง ได้ผลอย่างไรก็กลับมารายงานด้วย เรียกว่าใช้ทหารเวียดนามใต้เป็นหนูทดลอง) เรื่องของที่มาของปืนและขนาดของกระสุนจัดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง เพราะสงครามเวียดนามเป็นรูปแบบการรบที่กองทัพสหรัฐไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน นอกจากนั้นยังมีเรื่องการวิ่งเต้นทางการเมือง เรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง เรียกว่าสหรัฐอเมริกาเองเป็นคนแนะนำและชักชวนให้กลุ่ม NATO ทำอย่างหนึ่ง แต่ตัวเองเล่นหักหลังไปทำอีกอย่างหนึ่งแทนที่เคยบอกว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ งานนี้ประเทศหนึ่งที่ควรจะเจ็บใจมากที่สุดก็คืออังกฤษนั่นเอง (ปรับปรุงครั้งที่ 1 พุธ 29 เมษายน 2552)
ตัวเร่งปฏิกิริยาและการทดสอบ
- การกำจัดสีเมทิลีนบลู
- การคำนวณพื้นที่ผิวแบบ Single point BET
- การคำนวณพื้นที่ผิวแบบ Single point BET ตอนที่ ๒ ผลกระทบจากความเข้มข้นไนโตรเจนที่ใช้
- การจำแนกตำแหน่งที่เป็นกรด Brönsted และ Lewis บนพื้นผิวของแข็งด้วยเทคนิค Infrared spectroscopy และ Adsorbed probe molecules
- การจำแนกตำแหน่งที่เป็นเบส Brönsted และ Lewis บนพื้นผิวของแข็งด้วยเทคนิค Infrared spectroscopy และ Adsorbed probe molecules
- การใช้ข้อต่อสามทางผสมแก๊ส
- การใช้ Avicel PH-101 เป็น catalyst support
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๑ ขั้นตอนของการเกิดปฏิกิริยาบนตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๒ การดูดซับบนพื้นผิวของแข็ง
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๓ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Freundlich
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๔ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Langmuir
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๕ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Temkin
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๖ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ BET
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๗ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๘ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET (๒)
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๙ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET (๓)
- การเตรียมตัวอย่างตัวเร่งปฏิกิริยาแบบผงให้เป็นแผ่นบาง
- การทดสอบตัวเร่งปฏิกิริยา - ผลแตกต่างหรือไม่แตกต่าง
- การทำปฏิกิริยา ๓ เฟสใน stirred reactor
- การบรรจุ inert material ใน fixed-bed
- การปรับ WHSV
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๑ ผลของความหนาแน่นที่แตกต่าง
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๒ ขนาดของ magnetic bar กับเส้นผ่านศูนย์กลางภาชนะ
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๓ ผลของรูปร่างภาชนะ
- การผสมแก๊สอัตราการไหลต่ำเข้ากับแก๊สอัตราการไหลสูง
- การระบุชนิดโลหะออกไซด์
- การลาก smooth line เชื่อมจุด
- การเลือกค่า WHSV (Weight Hourly Space Velocity) สำหรับการทดลอง
- การวัดความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง (อีกครั้ง)
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC (๒)
- การวัดพื้นที่ผิว BET
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๑)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๒)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๓)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๔)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๕)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๖)
- การไหลผ่าน Straightening vane และโมโนลิท (Monolith)
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๕๗ ตอนที่ ๑
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๕๗ ตอนที่ ๒
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๖๘
- ข้อควรระวังเมื่อใช้ออกซิเจนความเข้มข้นสูง
- ข้อพึงระวังในการแปลผลการทดลอง
- ค่า signal to noise ratio ที่ต่ำที่สุด
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๑ Volcano principle
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๒ แบบจำลอง Langmuir
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๓ แบบจำลอง Langmuir-Hinshelwood
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๔ แบบจำลอง Eley-Rideal
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๕ แบบจำลอง REDOX
- ตอบคำถามเรื่องการเตรียมตัวเร่งปฏิกิริยา
- ตัวเลขมันสวย แต่เชื่อไม่ได้
- ตัวเลขไม่ได้ผิดหรอก คุณเข้าใจนิยามไม่สมบูรณ์ต่างหาก
- ตัวไหนดีกว่ากัน (Catalyst)
- แต่ละจุดควรต่างกันเท่าใด
- ท่อแก๊สระบบ acetylene hydrogenation
- น้ำหนักหายได้อย่างไร
- ปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนและการแทนที่ไฮโดรเจนของอะเซทิลีน
- ปฏิกิริยาอันดับ 1 หรือปฏิกิริยาอันดับ 2
- ปฏิกิริยาเอกพันธ์และปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ในเบดนิ่ง
- ปั๊มสูบไนโตรเจนเหลวจากถังเก็บ
- ผลของแก๊สเฉื่อยต่อการเกิดปฏิกิริยา
- เผาในเตาแบบไหนดี (Calcination)
- พลังงานกระตุ้นกับปฏิกิริยาคายความร้อนในเครื่องปฏิกรณ์เบดนิ่ง
- เมื่อแก๊สรั่วที่ rotameter
- เมื่อพีคออกซิเจนของระบบ DeNOx หายไป
- เมื่อเส้น Desorption isotherm ต่ำกว่าเส้น Adsorption isotherm
- เมื่อ base line เครื่อง chemisorb ไม่นิ่ง
- เมื่อ Mass Flow Controller คุมการไหลไม่ได้
- เรื่องของสุญญากาศกับ XPS
- สแกนกี่รอบดี
- สมดุลความร้อนรอบ Laboratory scale fixed-bed reactor
- สรุปการประชุมวันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๓
- เส้น Cu Kα มี ๒ เส้น
- เห็นอะไรไม่สมเหตุสมผลไหมครับ
- อย่าลืมดูแกน Y
- อย่าให้ค่า R-squared (Coefficient of Determination) หลอกคุณได้
- อุณหภูมิกับการไหลของแก๊สผ่าน fixed-bed
- อุณหภูมิและการดูดซับ
- BET Adsorption-Desorption Isotherm Type I และ Type IV
- ChemiSorb 2750 : การเตรียมตัวอย่างเพื่อการวัดพื้นที่ผิว BET
- ChemiSorb 2750 : การวัดพื้นที่ผิวแบบ Single point BET
- ChemiSorb 2750 : ผลของอัตราการไหลต่อความแรงสัญญาณ
- Distribution functions
- Electron Spin Resonance (ESR)
- GHSV หรือ WHSV
- in situ กับ operando
- Ion-induced reduction ขณะทำการวิเคราะห์ด้วย XPS
- MO ตอบคำถาม การทดลอง gas phase reaction ใน fixed-bed
- MO ตอบคำถาม การวัดความเป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็ง
- Monolayer หรือความหนาเพียงชั้นอะตอมเดียว
- NH3-TPD - การลาก base line
- NH3-TPD - การลาก base line (๒)
- NH3-TPD - การไล่น้ำและการวาดกราฟข้อมูล
- NH3-TPD ตอน ตัวอย่างผลการวิเคราะห์ ๑
- NH3-TPD ตอน ตัวอย่างผลการวิเคราะห์ ๒
- Physisorption isotherms Type I และ Type IV
- Scherrer's equation
- Scherrer's equation (ตอนที่ 2)
- Scherrer's equation (ตอนที่ ๓)
- Scherrer's equation (ตอนที่ ๔)
- Supported metal catalyst และ Supported metal oxide catalyst
- Temperature programmed reduction ด้วยไฮโดรเจน (H2-TPR)
- Temperature programmed reduction ด้วยไฮโดรเจน (H2-TPR) ภาค ๒
- UV-Vis - peak fitting
- XPS ตอน การแยกพีค Mo และ W
- XPS ตอน จำนวนรอบการสแกน
- XRD - peak fitting
คณิตศาสตร์สำหรับวิศวกรรมเคมี
- การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญปัญหาเงื่อนไขค่าเริ่มต้นด้วยระเบียบวิธี Bogacki-Shampine และ Predictor-Evaluator-Corrector-Evaluator (PECE)
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๑
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๒
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๓
- การแก้สมการเชิงอนุพันธ์สามัญด้วยการใช้ Integrating factor
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๐)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๑)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๒)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๓)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๒)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๓)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๔)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๕)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๖)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๗)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๘)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๙)
- การคำนวณค่าฟังก์ชันพหุนาม
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๑)
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๒)
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๓)
- การหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร x และ y
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๒)
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๒) (pdf)
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๓)
- ข้อสอบเก่าชุดที่ ๑
- ข้อสอบเก่าชุดที่ ๒
- ค่าคลาดเคลื่อน (error)
- จำนวนที่น้อยที่สุดที่เมื่อบวกกับ 1 แล้วได้ผลลัพธ์ไม่ใช่ 1
- โจทย์ผิดหรือถูกคะ??
- ใช่ว่าคอมพิวเตอร์จะคิดเลขถูกเสมอไป
- ตัวเลขที่เท่ากันแต่ไม่เท่ากัน
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธีนิวตัน-ราฟสัน
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี Müller และ Inverse quadratic interpolation
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี successive iteration
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี successive iteration (pdf)
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วย Function fzero ของ GNU Octave
- ตัวอย่างการคำนวณหาพื้นที่ใต้กราฟ ด้วยระเบียบวิธี Gaussian quadrature
- ตัวอย่างการคำนวณหาพื้นที่ใต้กราฟ ด้วยระเบียบวิธี Gaussian quadrature (pdf)
- ตัวอย่างผลของรูปแบบสมการต่อคำตอบของ ODE-IVP
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๑
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๒
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๓
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๔
- ทบทวนเรื่องการคูณเมทริกซ์
- ทบทวนเรื่อง Taylor's series
- ทศนิยมลงท้ายด้วยเลข 5 จะปัดขึ้นหรือปัดลง
- บทที่ ๑ การคำนวณตัวเลขในระบบทศนิยม
- บทที่ ๒ การแก้ปัญหาระบบสมการพีชคณิตเชิงเส้น
- บทที่ ๓ การแก้ปัญหาระบบสมการพีชคณิตไม่เชิงเส้น
- บทที่ ๔ การประมาณค่าในช่วง
- บทที่ ๕ การหาค่าอนุพันธ์
- บทที่ ๖ การหาค่าอินทิกรัล
- บทที่ ๗ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญ ระบบสมการปัญหาเงื่อนไขค่าเริ่มต้น
- บทที่ ๘ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญ ระบบสมการปัญหาเงื่อนไขค่าขอบเขต
- บทที่ ๙ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์ย่อย
- ปฏิกิริยาคายความร้อนใน CSTR (ตอนที่ ๑)
- ปฏิกิริยาคายความร้อนใน CSTR (ตอนที่ ๒)
- เปรียบเทียบการแก้ปัญหาสมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วย solver ของ GNU Octave
- เปรียบเทียบการแก้ Stiff equation ด้วยระเบียบวิธี Runge-Kutta และ Adam-Bashforth
- เปรียบเทียบระเบียบวิธี Runge-Kutta
- เปรียบเทียบ Gauss elimination ที่มีและไม่มีการทำ Pivoting
- เปรียบเทียบ Gauss elimination ที่มีและไม่มีการทำ Pivoting (Spreadsheet)
- ฟังก์ชันแกมมา (Gamma function) และ ฟังก์ชันเบสเซล (Bessel function)
- เมื่อ 1 ไม่เท่ากับ 0.1 x 10
- ระเบียบวิธี Implicit Euler และ Crank-Nicholson กับ Stiff equation
- เลขฐาน ๑๐ เลขฐาน ๒ จำนวนเต็ม จำนวนจริง
- Distribution functions
- LU decomposition ร่วมกับ Iterative improvement
- LU decomposition ร่วมกับ Iterative improvement (pdf)
- Machine precision กับ Machine accuracy
เคมีสำหรับวิศวกรเคมี
- กรด-เบส : อ่อน-แก่
- กรด-เบส : อะไรควรอยู่ในบิวเรต
- กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4)
- กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4) ตอนที่ ๒
- กราฟการไทเทรตกรดที่ให้โปรตอนได้ ๒ ตัว
- กราฟการไทเทรตกรดที่ให้โปรตอนได้ ๓ ตัว
- กราฟการไทเทรตกรดไฮโปคลอรัส (HOCl)
- กราฟอุณหภูมิการกลั่นของน้ำมันเบนซิน (Gasoline distillation curve)
- กลิ่นกับอันตรายของสารเคมี
- การกำจัดสีเมทิลีนบลู
- การเกิดปฏิกิริยาเคมี
- การเจือจางไฮโดรคาร์บอนในน้ำ
- การใช้ pH probe
- การใช้ Tetraethyl lead นอกเหนือไปจากการเพิ่มเลขออกเทน
- การดูดกลืนคลื่นแสงของแก้ว Pyrex และ Duran
- การดูดกลืนแสงสีแดง
- การเตรียมสารละลายด้วยขวดวัดปริมาตร
- การเตรียมหมู่เอมีนและปฏิกิริยาของหมู่เอมีน (การสังเคราะห์ฟีนิลบิวตาโซน)
- การทำน้ำให้บริสุทธิ์สำหรับห้องปฏิบัติการ
- การทำปฏิกิริยาของโพรพิลีนออกไซด์ (1,2-Propylene oxide) ตอนที่ ๑
- การทำปฏิกิริยาของโพรพิลีนออกไซด์ (1,2-Propylene oxide) ตอนที่ ๒
- การทำปฏิกิริยาของหมู่ Epoxide ในโครงสร้าง Graphene oxide
- การทำปฏิกิริยาต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์
- การเทของเหลวใส่บิวเรต
- การไทเทรต 1,1-Diamino-2,2-dinitroethene (FOX-7)
- การน๊อคของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน และสารเพิ่มเลขออกเทนของน้ำมัน
- การเปลี่ยนพลาสติกเป็นน้ำมัน
- การเปลี่ยนเอทานอล (Ethanol) ไปเป็นอะเซทัลดีไฮด์ (Acetaldehyde)
- การเรียกชื่อสารเคมี
- การลดการระเหยของของเหลว
- การละลายของแก๊สในเฮกเซน (Ethylene polymerisation)
- การละลายเข้าด้วยกันของโมเลกุลมีขั้ว-ไม่มีขั้ว
- การวัดความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง (อีกครั้ง)
- การวัดปริมาณ-ความแรงของตำแหน่งที่เป็นกรดบนพื้นผิว
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC
- การวัดปริมาตรของเหลว
- การหาความเข้มข้นสารละลายมาตรฐานกรด
- การหาจุดสมมูลของการไทเทรตจากกราฟการไทเทรต
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส (ตอนที่ ๒)
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส (ตอนที่ ๓)
- แก๊สมัสตาร์ดกับกลิ่นทุเรียน
- ข้อควรระวังเมื่อใช้ออกซิเจนความเข้มข้นสูง
- คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับงานเคมีวิเคราะห์
- ความกระด้าง (Hardness) ของน้ำกับปริมาณของแข็งทั้งหมด ที่ละลายอยู่ (Total Dissolved Solid - TDS)
- ความดันกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี
- ความเป็นกรดของหมู่ไฮดรอกซิล (Hydroxyl group) ตอนที่ ๑
- ความเป็นกรดของหมู่ไฮดรอกซิล (Hydroxyl group) ตอนที่ ๒
- ความเป็นกรดของอัลฟาไฮโดรเจนอะตอม (alpha-Hydrogen atom) ตอน กรดบาร์บิทูริก (Barbituric acid)
- ความเป็นกรดของอัลฟาไฮโดรเจนอะตอม (alpha-Hydrogen atoms)
- ความเป็นขั้วบวกของอะตอม C และการทำปฏิกิริยาของอีพิคลอโรไฮดริน (epichlorohydrin)
- ความเป็นไอออนิก (Percentage ionic character)
- ความสัมพันธ์ระหว่างสีกับชนิดและปริมาณธาตุ
- ความสำคัญของเคมีวิเคราะห์และเคมีอินทรีย์ในงานวิศวกรรมเคมี
- ความเห็นที่ไม่ลงรอยกับโดเรมี่
- ค้างที่ปลายปิเปตไม่เท่ากัน
- คำตอบของ Cubic equation of state
- จากกลีเซอรอล (glycerol) ไปเป็นอีพิคลอโรไฮดริน (epichlorohydrin)
- จากเบนซาลดีไฮด์ (Benzaldehyde) ไปเป็นกรดเบนซิลิก (Benzilic acid)
- จากโอเลฟินส์ถึงพอลิอีเทอร์ (From olefins to polyethers)
- จาก Acetone เป็น Pinacolone
- จาก Alkanes ไปเป็น Aramids
- จาก Aniline ไปเป็น Methyl orange
- จาก Benzene ไปเป็น Butter yellow
- จาก Hexane ไปเป็น Nylon
- จาก Toluene และ m-Xylene ไปเป็นยาชา
- ดำหรือขาว
- ไดโพรพิลเอมีน (Dipropylamine)
- ตกค้างเพราะเปียกพื้นผิว
- ตอบคำถามแบบแทงกั๊ก
- ตอบคำถามให้ชัดเจนและครอบคลุม
- ตำราสอนการใช้ปิเปตเมื่อ ๓๓ ปีที่แล้ว
- ไตรเอทานอลเอมีน (Triethanolamine)
- ถ่านแก๊ส หินแก๊ส แก๊สก้อน
- ทอดไข่เจียวให้อร่อยต้องใช้น้ำมันหมู
- ทำไมน้ำกระด้างจึงมีฟอง
- ที่แขวนกล้วย
- เท่ากับเท่าไร
- โทลูอีน (Toluene)
- ไทโอนีลคลอไรด์ (Thionyl chloride)
- นานาสาระเคมีวิเคราะห์
- น้ำด่าง น้ำอัลคาไลน์ น้ำดื่ม
- น้ำดื่ม (คิดสักนิดก่อนกดแชร์ เรื่องที่ ๑๑)
- น้ำตาลทราย ซูคราโลส และยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย
- น้ำบริสุทธิ์ (Purified water)
- ไนโตรเจนเป็นแก๊สเฉื่อยหรือไม่
- บีกเกอร์ 250 ml
- แบบทดสอบก่อนเริ่มเรียนวิชาเคมีสำหรับนิสิตวิศวกรรมเคมี
- ปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนและการแทนที่ไฮโดรเจนของอะเซทิลีน (Hydrogenation and replacement of acetylenic hydrogen)
- ปฏิกิริยาการผลิต Vinyl chloride
- ปฏิกิริยาการออกซิไดซ์
- ปฏิกิริยา alpha halogenation และการสังเคราะห์ tertiary amine
- ปฏิกิริยา ammoxidation หมู่เมทิลที่เกาะอยู่กับวงแหวนเบนซีน
- ปฏิกิริยา Benzene alkylation
- ปฏิกิริยา Dehydroxylation
- ปฏิกิริยา Electrophilic substitution ของ m-Xylene
- ปฏิกิริยา Nucleophilic substitution ของสารประกอบ Organic halides
- ประโยชน์ของ Nitric oxide ในทางการแพทย์
- ปัญหาการสร้าง calibration curve ของ ICP
- ปัญหาการหาความเข้มข้นสารละลายกรด
- ปัญหาของไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว
- โป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย
- ผลของค่าพีเอชต่อสีของสารละลายเปอร์แมงกาเนต
- ผลของอุณหภูมิต่อการแทนที่ตำแหน่งที่ 2 บนวงแหวนเบนซีน
- ฝึกงานภาคฤดูร้อน ๒๕๕๓ ตอนที่ ๑ อธิบายศัพท์
- พีคเหมือนกันก็แปลว่ามีหมู่ฟังก์ชันเหมือนกัน
- ฟลูออรีนหายไปไหน
- ฟอสฟอรัสออกซีคลอไรด์ (Phosphorus Oxychloride)
- ฟีนอล แอซีโทน แอสไพริน พาราเซตามอล สิว โรคหัวใจ และงู
- มุมมองที่ถูกจำกัด
- เมทานอลกับเจลล้างมือ
- เมื่อคิดในรูปของ ...
- เมื่อตำรายังพลาดได้ (Free radical polymerisation)
- เมื่อน้ำเพิ่มปริมาตรเองได้
- เมื่อหมู่คาร์บอนิล (carbonyl) ทำปฏิกิริยากันเอง
- รังสีเอ็กซ์
- เรื่องของสไตรีน (คิดสักนิดก่อนกด Share เรื่องที่ ๑)
- แลปการไทเทรตกรด-เบส ภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา ๒๕๖๐
- ศัพท์เทคนิค-เคมีวิเคราะห์
- สรุปคำถาม-ตอบการสอบวันศุกร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๒
- สีหายไม่ได้หมายความว่าสารหาย
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๑)
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๒)
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๓)
- หมู่ทำให้เกิดสี (chromophore) และหมู่เร่งสี (auxochrome)
- หลอกด้วยข้อสอบเก่า
- อะเซทิลีน กลีเซอรีน และไทออล
- อะโรมาติก : การผลิต การใช้ประโยชน์ และปัญหา
- อัลคิลเอมีน (Alkyl amines) และ อัลคิลอัลคานอลเอมีน (Alkyl alkanolamines)
- อีเทอร์กับการเกิดสารประกอบเปอร์ออกไซด์
- อุณหภูมิ อัตราการเกิดปฏิกิริยา สมดุลเคมี
- เอา 2,2-dimethylbutane (neohexane) ไปทำอะไรดี
- เอาเบนซีนกับเอทานอลไปทำอะไรดี
- เอา isopentane ไปทำอะไรดี
- เอา maleic anhydride ไปทำอะไรดี
- เอา pentane ไปทำอะไรดี
- ไอโซเมอร์ (Isomer)
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กับพอลิโพรพิลีน
- Acentric factor
- Aldol condensation กับ Cannizzaro reaction
- Aldol condesation ระหว่าง Benzaldehyde กับ Acetone
- A-Level เคมี ปี ๖๖ ข้อพอลิเอทิลีน
- A-Level เคมี ปี ๖๘ ข้อการแยกสารด้วยการกลั่น
- Beilstein test กับเตาแก๊สที่บ้าน
- Benzaldehyde กับปฏิกิริยา Nitroaldol
- BOD และ COD
- BOD หรือ DO
- Carbocation - การเกิดและเสถียรภาพ
- Carbocation - การทำปฏิกิริยา
- Carbocation ตอนที่ ๓ การจำแนกประเภท-เสถียรภาพ
- Chloropicrin (Trichloronitromethane)
- Compressibility factor กับ Joule-Thomson effect
- Conjugated double bonds กับ Aromaticity
- Cubic centimetre กับ Specific gravity
- Dehydration, Esterification และ Friedle-Crafts Acylation
- Electrophilic addition ของอัลคีน
- Electrophilic addition ของอัลคีน (๒)
- Electrophilic addition ของ conjugated diene
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 1 บนวงแหวนเบนซีน
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 2 บนวงแหวนเบนซีน ตอน ผลของอุณหภูมิการทำปฏิกิริยา
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 3 บนวงแหวนเบนซีน
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 3 บนวงแหวนเบนซีน ตอน การสังเคราะห์ 2,4-Dinitrophenol
- Esterification of hydroxyl group
- Gibbs Free Energy กับการเกิดปฏิกิริยาและการดูดซับ
- Halogenation ของ alkane
- Halogenation ของ alkane (๒)
- HCl ก่อน ตามด้วย H2SO4 แล้วจึงเป็น HNO3
- I2 ในสารละลาย KI กับไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว
- Infrared spectrum interpretation
- Interferometer
- IR spectra ของโทลูอีน (Toluene) เอทิลเบนซีน (Ethylbenzene) โพรพิลเบนซีน (Propylbenzene) และคิวมีน (Cumene)
- IR spectra ของเบนซีน (Benzene) และไซลีน (Xylenes)
- IR spectra ของเพนทีน (Pentenes)
- Kjeldahl nitrogen determination method
- Malayan emergency, สงครามเวียดนาม, Seveso และหัวหิน
- MO ตอบคำถาม การวัดความเป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็ง
- Nucleophile กับ Electrophile
- PAT2 เคมี ปี ๖๕ ข้อการไทเทรตกรดเบส
- Peng-Robinson Equation of State
- Phenol, Ether และ Dioxin
- Phospharic acid กับ Anhydrous phosphoric acid และ Potassium dioxide
- pH Probe
- Picric acid (2,4,6-Trinitrophenol) และ Chloropicrin
- PV diagram กับการอัดแก๊ส
- Pyrophoric substance
- Reactions of hydroxyl group
- Reactions of hydroxyl group (ตอนที่ ๒)
- Redlich-Kwong Equation of State
- Redlich-Kwong Equation of State (ตอนที่ ๒)
- Soave-Redlich-Kwong Equation of State
- Standard x-ray powder diffraction pattern ของ TiO2
- Sulphur monochloride และ Sulphur dichloride
- Thermal cracking - Thermal decomposition
- Thiols, Thioethers และ Dimethyl thioether
- Van der Waals' Equation of State
- Vulcanisation
ประสบการณ์ Gas chromatograph/Chromatogram
- 6 Port sampling valve
- กระดาษความร้อน (thermal paper) มี ๒ หน้า
- การแก้ปัญหา packing ในคอลัมน์ GC อัดตัวแน่น
- การฉีดแก๊สเข้า GC ด้วยวาล์วเก็บตัวอย่าง
- การฉีดตัวอย่างที่เป็นของเหลวด้วย syringe
- การฉีด GC
- การใช้ syringe ฉีดตัวอย่างที่เป็นแก๊ส
- การดึงเศษท่อทองแดงที่หักคา tube fitting ออก
- การตั้งอุณหภูมิคอลัมน์ GC
- การติดตั้ง Integrator ให้กับ GC-8A เพื่อวัด CO2
- การเตรียมคอลัมน์ GC ก่อนการใช้งาน
- การปรับความสูงพีค GC
- การวัดปริมาณไฮโดรเจนด้วย GC-TCD
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับ FPD (ตอนที่ ๒)
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับ FPD (Flame Photometric Detector)
- โครมาโทกราฟแยกสารได้อย่างไร
- ชนิดคอลัมน์ GC
- ตรวจโครมาโทแกรม ก่อนอ่านต้วเลข
- ตัวอย่างการแยกพีค GC ที่ไม่เหมาะสม
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๑
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๒
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๓
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๔
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๕
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๖
- ทำไมพีคจึงลากหาง
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๑
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๒
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๓
- พีคที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับ packing ในคอลัมน์ GC
- พีคประหลาดจากการใช้อากาศน้อยไปหน่อย
- มันไม่เท่ากันนะ
- เมื่อความแรงของพีค GC ลดลง
- เมื่อจุดไฟ FID ไม่ได้
- เมื่อพีค GC หายไป
- เมื่อพีค GC ออกมาผิดเวลา
- เมื่อพีค GC ออกมาผิดเวลา(อีกแล้ว)
- เมื่อพีค HPLC ออกมาผิดเวลา
- เมื่อเพิ่มความดันอากาศให้กับ FID ไม่ได้
- เมื่อ GC ถ่านหมด
- เมื่อ GC มีพีคประหลาด
- ลากให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน
- สัญญาณจาก carrier gas รั่วผ่าน septum
- สารพัดปัญหา GC
- สิ่งปนเปื้อนในน้ำ DI
- สิ่งปนเปื้อนในน้ำ DI (ตอนที่ ๒)
- Chromatograph principles and practices
- Flame Ionisation Detector
- GC-2014 ECD & PDD ตอนที่ ๗ ข้อสังเกตเกี่ยวกับ ECD (Electron Capture Detector)
- GC detector
- GC - peak fitting ตอนที่ ๑ การหาพื้นที่พีคที่เหลื่อมทับ
- GC principle
- LC detector
- LC principle
- MO ตอบคำถาม การแยกพีค GC ด้วยโปรแกรม fityk
- MO ตอบคำถาม สารพัดปัญหาโครมาโทแกรม
- Relative Response Factors (RRF) ของสารอินทรีย์ กับ Flame Ionisation Detector (FID)
- Thermal Conductivity Detector
- Thermal Conductivity Detector ภาค 2
สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items - DUI)
- การก่อการร้ายด้วยแก๊สซาริน (Sarin) ในรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว MO Memoir : Friday 6 September 2567
- การผลิตกรดไนตริกความเข้มข้นสูง
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๐ ฟังก์ชันเข้ารหัสรีโมทเครื่องปรับอากาศ
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๑ License key
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๒ สารเคมี (Chemicals)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๓ ไม่ตรงตามตัวอักษร (สารเคมี)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๔ ไม่ตรงตามตัวอักษร (Heat exchanger)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๕ Sony PlayStation
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๖ เส้นใยคาร์บอน (Carbon fibre)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๗ The Red Team : Centrifugal separator
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๘ The Blue Team : Spray drying equipment
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๙ เครื่องสลายนิ่วในไตด้วยคลื่นกระแทก (Lithotripter)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑ ตัวเก็บประจุ (Capacitor)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๐ เรซินแลกเปลี่ยนไอออน (Ion-exchange resin)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๑ ไม่ตรงตามตัวอักษร (Aluminium tube)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๒ เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า (Defibrillator)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๓ เครื่องยนต์ดีเซล
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๔ มุมมองจากทางด้านเทคนิค
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๕ Printed Circuit Board (PCB)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒ เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๓ เครื่องแปลงความถี่ไฟฟ้า (Frequency Changer)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๔ อุปกรณ์เข้ารหัส (Encoding Device)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๕ Insulated Gate Bipolar Transistor (IGBT)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๖ Toshiba-Kongsberg Incident
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๗ รายงานผลการทดสอบอุปกรณ์
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๘ Drawing อุปกรณ์
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๙ ซอร์ฟแวร์ควบคุมการทำงานอุปกรณ์
- ความลับแตกเพราะทัวร์ผู้นำ (Pressure transducer)
- เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนสำหรับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
- แคลเซียม, แมกนีเซียม และบิสมัท กับการผลิตอาวุธทำลายล้างสูง
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑๐
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑๑
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๒
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๓
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๔
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๕
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๖
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๗
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๘
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๙
- สินค้าที่ไม่ใช่ DUI ที่เป็นสินค้า DUI - ไตรบิวทิลฟอสเฟต (Tributyl phosphate)
- สินค้าที่ไม่ใช่ DUI ที่เป็นสินค้า DUI - Karl Fischer moisture equipment
API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๐)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๓)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๔)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๕)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๖)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๗)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๘)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๙)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๐)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๓)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๔)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๕)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๖)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๗)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๘)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๙)
โน๊ตเพลง
- "กำลังใจ" และ "ถึงเพื่อน"
- "ใกล้รุ่ง" และ "อาทิตย์อับแสง"
- "คนดีไม่มีวันตาย" "หนึ่งในร้อย (A Major) และ "น้ำตาแสงใต้ (A Major)"
- "ความฝันอันสูงสุด" และ "ยามเย็น"
- "จงรัก" และ "ความรักไม่รู้จบ"
- "ฉันยังคอย" และ "ดุจบิดามารดร"
- "ชาวดง" และ "ชุมนุมลูกเสือไทย"
- "ตัดใจไม่ลง" และ "ลาสาวแม่กลอง"
- "เติมใจให้กัน" และ "HOME"
- "แต่ปางก่อน" "ความรักไม่รู้จบ" "ไฟเสน่หา" และ "แสนรัก"
- "ทะเลใจ" "วิมานดิน" และ "เพียงแค่ใจเรารักกัน"
- "ที่สุดของหัวใจ" "รักล้นใจ" และ "รักในซีเมเจอร์"
- "ธรณีกรรแสง" และ "Blowin' in the wind"
- "นางฟ้าจำแลง" "อุษาสวาท" และ "หนี้รัก"
- "แผ่นดินของเรา" และ "แสงเทียน"
- "พรปีใหม่" และ "สายฝน"
- "พี่ชายที่แสนดี" "หลับตา" และ "หากรู้สักนิด"
- เพลงของโรงเรียนเซนต์คาเบรียล
- "มหาจุฬาลงกรณ์" "ยูงทอง" และ "ลาภูพิงค์"
- "ยังจำไว้" "บทเรียนสอนใจ" และ "ความในใจ"
- "ร่มจามจุรี" และ "เงาไม้"
- "ลมหนาว" และ "ชะตาชีวิต"
- "ลองรัก" และ "วอลซ์นาวี"
- "ลาแล้วจามจุรี"
- "วันเวลา" และ "โลกทั้งใบให้นายคนเดียว"
- "วิหคเหินลม" และ "พรานทะเล"
- "สายชล" และ "เธอ"
- "สายใย" และ "ความรัก"
- "สายลม" และ "ไกลกังวล"
- "สายลมเหนือ" และ "เดียวดายกลางสายลม"
- "หน้าที่ทหารเรือ" และ "ทหารพระนเรศวร"
- "หนึ่งในร้อย" และ "น้ำตาแสงใต้"
- "หากันจนเจอ" และ "ลมหายใจของกันและกัน"