วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล MO Memoir : Tuesday 3 April 2555


พื้นที่ที่ปลูกบ้านเดิมมันเป็นท้องร่องสวน ส่วนที่เป็นคันดินก็ต่ำกว่าระดับถนนประมาณ 0.60 เมตร ส่วนที่เป็นท้องร่องก็คงจะต่ำกว่าถนนไม่น้อยกว่า 1 เมตร พอคิดจะสร้างบ้านบนที่ดินดังกล่าวก็ต้องถมขึ้นมาอีก ถนนปัจจุบันยกขึ้นจากระดับเดิมประมาณ 0.50-0.60 เมตรโดยใช้ระดับน้ำท่วมสูงสุดปี ๒๕๓๘ เป็นเกณฑ์ พอจะสร้างบ้านใหม่ก็เผื่อให้สูงจากระดับถนนปัจจุบันอีก 0.50 เมตร แต่สุดท้ายก็ยังไม่รอดพ้นน้ำท่วม

น้ำลงได้ไม่กี่เดือน ต้นอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้โผล่ขึ้นเต็มรอบบ้านไปหมดเลย โดยเฉพาะต้นลูกใต้ใบ อยู่ที่นี่มากว่า ๓๐ ปีไม่เคยเห็นสักต้น แต่ตอนนี้ขึ้นเต็มรอบบ้านไปหมด ไม่รู้ว่ามากับน้ำหรือดินที่ซื้อมาถมที่ ถ้ามันเอามาทำกับข้าวกินได้ก็คงจะดีไม่น้อย

สิ่งที่อยากทำมานานพอได้มีโอกาสทำก็คือปลูกต้นไม้ พื้นที่รอบตัวบ้านก็ไม่เทปูนอย่างที่ใครต่อใครเขาทำกัน หญ้าก็ไม่ปลูก (มันขึ้นของมันเอง) จากนั้นก็บอกคนในบ้านว่าอยากปลูกอะไรก็ได้ เห็นตรงไหนว่างก็เชิญเลย

รูปที่ ๑ ต้นถั่วเขียว ในกรอบสีแดงคือฝักที่แก่แล้วจะกลายเป็นสีดำ ส่วนกรอบสีเขียวคือฝักที่ยังไม่แก่ ยังคงเป็นสีเขียว

พืชที่ปลูกก็มีทั้งไม้ผลยืนต้น ไม้ไผ่ ไม้ดอก และสวนครัว ไม้ผลยืนต้นกะเอาไว้ให้ร่มเงาตอนมันโตและเอาไว้ผูกชิงช้า ส่วนไม้ไผ่ปลูกเอาไว้สองกอกะเอาไม้มาใช้งาน ตั้งแต่ทำราวตากผ้า ไม้ค้ำยัน รั้วให้ไม้เลื้อยเกาะ ไปจนถึงสอยมะม่วง ไม้ดอกเอาไว้เพื่อความสวยงามและเรียกแมลง (พอแมลงมาก็จะมีนกกินแมลงตามมาเอง ดังนั้นที่บ้านจึงไม่จำเป็นต้องเลี้ยงนก) ส่วนสวนครัวเอาไว้กินกันเอง

ต้นไม้ที่ซื้อมาปลูกส่วนหนึ่งก็เลือกพวกที่คนอยู่บ้านในเมืองไม่ค่อยปลูกกัน เช่นต้นมะตูม (ไม้ใหญ่มีหนามแหลม ปลูกใกล้ตัวบ้านได้เพราะมีหนามกันขโมยปีนขึ้นเข้าบ้านทางชั้นบน) มะตูมแขก มะขวิด ใบหนาด (ที่เขาเอาไว้กันผี) มะละกอ (มาจากไหนก็ไม่รู้ นับรอบ ๆ บ้านได้ร่วมสิบต้น) พุทรา (ไม้หนามเอาไว้กันผีกระสือ) มะเขือการ์ตูน (ต้นอะไรก็ไม่รู้ ใบมีหนามแหลมตำเจ็บด้วย ลูกสาวคนเล็กเขาบอกว่าดอกมันสวยดี ก็เลยซื้อมา แต่คนพ่อได้ไปหลายแผลตอนที่เอามันออกจากถุงเพาะชำเพื่อปลูกลงดิน) แค (เอาไว้เก็บดอกมาทำแกงส้ม และเป็นที่หาอาหารของนกแซงแซวที่มาจับกินแมลงที่ตอมดอก) ตะขบ (เอาไว้เก็บลูกกินและเรียกนก) กระถิน (เอาไว้เก็บฝักและยอดอ่อน) ถั่วฝักยาว พริก มะเขือ แมงลัก กระเพรา โหระพา ข่า ตะไคร้ (พวกนี้ได้เก็บกินแล้ว) แถมลงกล้วยเอาไว้อีก ๓ กอ (บังเอิญหากล้วยตานีไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงเอามาลงกับคู่กับใบหนาด ส่วนกอกล้วยน้ำว้าเดิมเจอน้ำท่วม ตายเรียบ) ถ้าเจอต้นหว้าก็คงซื้อมาปลูกด้วย เพราะตอนที่ภรรยาแพ้ท้องลูกสาวคนเล็กนั้นบ่นอยากกินลูกหว้า (แถว ๆ บางแสนจะไปหาซื้อได้ที่ไหนเนี่ย) แถมบอกว่าเห็นมีต้นขึ้นอยู่และมีลูกด้วยที่สวนสัตว์เขาเขียว ชลบุรี ก็เลยต้องขับรถพาไปเก็บลูกหว้ากินที่นั่น จากบางแสนไปเขาเขียวก็กว่า ๓๐ กิโลเมตร ไป-กลับก็ร่วม ๗๐ กิโลเมตร ยังดีที่ทำบัตรสมาชิกตลอดชีพเอาไว้ ก็เลยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตูเข้าไป แต่เขาเขียวยุคนั้นมันมีต้นไม้เยอะกว่าปัจจุบันที่เทปูนทำถนนทั่วไปหมด

บ่ายวันวาน เริ่มจากการคุยเรื่องวิทยานิพนธ์กับสาวน้อยเมืองนครศรีฯ สาวน้อยหน้าบาน และสาวน้อยนักแสดงละคร แล้วสุดท้ายมันไปที่ต้นถั่วเขียว ก็มีคนบอกว่าอยากรู้ว่าถั่วเขียวมาได้อย่างไร ก็เลยถ่ายรูปต้นถั่วเขียวมาให้ดู (รูปที่ ๑) และฝักถั่วเขียวที่เก็บมาได้ (รูปที่ ๒)

รูปที่ ๒ ฝักถั่วเขียวที่เก็บมาได้ ถ้าแกะฝักออกมาก็จะเจอถั่วเขียวอยู่ข้างใน

เมล็ดถั่วเขียวถ้านำไปเพาะในที่ชื้นและไม่มีแดดเราก็จะได้ถั่วงอก หรือไม่ก็เอาไปทำลอกเปลือกถั่วสีเขียวออก เอาไปทำถั่วเขียวซีก (ที่เป็นเม็ดเหลือง ๆ) เอาไว้ทำเต้าส่วนหรือทอดกินเล่น แต่ที่ผมชอบมากกว่าคือถั่วกวน อีกพวกก็เอาไปทำวุ้นเส้น แต่ที่ปลูกที่บ้านก็ทำไปเพื่อจะเพิ่มปุ๋ยไนโตรเจนให้ดิน ด้วยการฝังกลบต้นถั่วเขียวที่เก็บฝักไปแล้ว ฝักที่เก็บจากมุมหนึ่งก็เอาเมล็ดไปโรยอีกมุมหนึ่งของบ้าน ตอนหลังเห็นมีต้นถั่วแระโผล่ออกมาด้วย มาได้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน

รูปที่ ๓ ต้นถั่วแระ ออกฝักแล้วด้วย (ในกรอบสีเหลือง)

เคยถามนิสิตว่าทำไข่เจียวเป็นไหม มีแต่คนตอบว่าทำเป็น แต่พอให้ทำกันจริง ๆ พบว่าในสิบรายมีฝีมือทำสิ่งที่สามารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็น "ไข่เจียว" ได้เพียงไม่กี่ราย ก็เลยคิดว่าสงสัยคงต้องเปลี่ยนรายการอาหารให้มันทำง่ายขึ้น

ขนมที่ใช้ถั่วเขียวทำที่ง่ายที่สุดน่าจะเป็นถั่วเขียวต้มน้ำตาล ส่วนประกอบก็ไม่มีอะไรมาก มีเพียงแค่ ๓ อย่างเท่านั้นเองคือ ถั่วเขียว น้ำ และน้ำตาล

ว่าแต่ว่าพวกคุณรู้ไหมว่าวิธีที่ถูกต้องในการทำถั่วเขียวต้มน้ำตาลต้องทำอย่างไร ใส่อะไรก่อนหลัง