สายวิชาชีพเรานั้นเดิมมันไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ช่วงนั้นก็ทำงานไปวัน ๆ ได้ แต่พอมีใบประกอบวิชาชีพ มันก็มีระดับด้วยว่าจะทำงานอะไรต้องได้ใบประกอบระดับไหน ซึ่งการเลื่อนระดับนั้นก็ต้องมีผลงานมาแสดง พวกเราวิศวกรเองก็ถนัดแต่ทำงานกับคิดเลข ไม่ค่อยสนใจจะจดบันทึกผลงานสักเท่าใดนัก ทีนี้พอจะขอเลื่อนระดับใบประกอบวิชาชีพก็จะมีปัญหาเรื่องจำไม่ได้ว่าทำงานอะไรไปบ้าง และมีหลักฐานการทำงานแสดงหรือไม่
สัปดาห์แล้วมีโอกาสติดต่อกับสาวน้อยรายหนึ่งที่เพิ่งจะจบการศึกษาและได้งานทำ
ก็เลยเอ่ยปากชวนให้เขาเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตการทำงานของวิศวกรสาวจบใหม่
เพื่อที่จะได้เป็นการฝึกเขียนบันทึกการทำงานและจะได้มีบันทึกการทำงานเอาไว้ขอเลื่อนตำแหน่ง
และที่สำคัญคืออยากให้เขาได้แบ่งปันความรู้ที่ได้จากการทำงานจริงให้กับผู้ที่กำลังศึกษาอยู่
จะได้เห็นภาพการทำงานในหน้าที่ของวิศวกรสาว
เนื้อหาข้างล่างต่อไปนี้
ส่วนที่เป็นสีดำคือส่วนที่ผู้เขียน
(เขาขอใช้นามปากกาว่า
"เจ้าชายนิทรา")
ส่งมาให้
ส่วนที่เป็นสีน้ำเงินคือส่วนที่ผมแซวคนเขียนเล่น
และหมายเหตุเป็นส่วนที่ผมเพิ่มเติมคำอธิบายบางส่วนเพื่อขยายความ
รูปถ่ายทั้งหมดที่ปรากฏเป็นผลงานของผู้เขียนบทความ
- เจ้าชายนิทรา
ทั้งสิ้น
*****************************************************************
หลังจากที่ได้เรียนจบออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย
ทีแรกก็ยังงง ๆ ว่าเราจบแล้วจริง
ๆ หรือเนี่ย หลังจากที่ตอนเรียน
คิดว่าอยากเรียนจบเร็ว ๆ
แล้วก็ทำงานมาตั้งนานแล้ว
แต่พอถึงเวลาเข้าจริง ๆ
เวลาก็ผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ
มานั่งคิด ๆ
พิจารณาดูว่างานของวิศวกรเคมีแบบไหนกันนะที่เราอยากทำ
ถ้าจะวิเคราะห์คร่าว ๆ
ก็น่าจะมี 3
สายด้วยกันคือ
สายนักวิจัย สายควบคุมกระบวนการผลิต
และสายก่อสร้างโรงงาน
โดยส่วนตัวของผู้เขียนเป็นคนชอบแนวแบบออกแบบก่อสร้าง
จะได้รู้อะไรที่ลึก ๆ
(แล้วก็ได้รู้อะไรที่
"ลึก"
จรึง
เพราะต้องไปทำงานเรื่องเกี่ยวกับใต้ดิน)
เพราะถ้าจะสร้างได้ก็ต้องรู้จริงในระดับหนึ่ง
ก็เลยเลือกสมัครบริษัทส่วนใหญ่ที่เป็นบริษัทก่อสร้างโรงงานที่อยู่ในกรุงเทพ
เพราะไม่อยากไปควบคุมกระบวนการผลิตในต่างจังหวัด
สุดท้ายก็ได้อยู่บริษัทก่อสร้างสมใจ
(เพิ่งจะเคยได้ยินบริษัทชื่อ
"สมใจ")
ได้อยู่กรุงเทพแล้ว
แอบดีใจ แต่พอมาเรียนรู้งานในบริษัทก่อสร้างจริง
ๆ แล้ว มันดันสามารถแบ่งออกได้อีก
3 สาย
ได้แก่ (1)
สายออกแบบ
(2) สายคุมงาน
และ (3)
สายเอกสารยื่นประมูลงาน
ซึ่งเราเอง ใจอยากไปอยู่แบบที่
(1)
แต่ดันได้มาอยู่แบบ
(2) กับแบบที่
(3) นิดหน่อย
ในที่สุดก็ถูกส่งไปคุมงานก่อสร้างวางท่อน้ำมันของบริษัทหนึ่งไปยังบริษัทหนึ่งในระยอง
ถ้าจะแบ่งง่าย
ๆ ในวงการก่อสร้าง จะมีบริษัท
2 แบบคือ
EPC
(Engineering, Procurement and Constrution) กับ
PMC (Project
management and control)(๑)
ก็คือทางบริษัทลูกค้าจะจ้างบริษัท
PMC
ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมีประสบการณ์ในงานก่อสร้างมาคุมการก่อสร้างให้ถูกต้องเป็นไปตามแบบที่ลูกค้าต้องการ
เพราะทางบริษัทลูกค้าจะไม่มีบุคคลาการที่ทำหน้าที่โดยตรง
เพราะทุกคนก็จะมีหน้าที่ควบคุมการผลิตของตนเอง
และมีประสบการณ์ในการควบคุมงานก่อสร้างน้อย
ซึ่งทางบริษัท PMC
จะต้องช่วยทำเอกสารเกี่ยวกับการประมูลและสัญญาต่าง
ๆ ให้บริษัทของลูกค้ากับบริษัท
EPC
และผู้ที่ก่อสร้างจริง
ๆ คือ บริษัท EPC
หมายเหตุ
(๑)
สมัยที่ผมทำงานวางท่อเมื่อ
๒๕ ปีที่แล้วเขาเรียกบริษัทที่ปรึกษา
(consultant)
กับบริษัทก่อสร้าง
(contractor)
โดยบริษัทที่ปรึกษาทำหน้าที่เหมือน
PMC
และบริษัทก่อสร้างทำหน้าที่เหมือน
EPC
พี่ที่ดูแลสอนว่าไม่ควรเลือกให้สองบริษัทนี้เป็นพวกเดียวกัน
ไม่เช่นนั้นมันจะฮั้วกัน
ดังนั้นถ้าเลือกที่ปรึกษาเป็นฝรั่งก็ควรเลือกก่อสร้างเป็นญี่ปุ่น
และถ้าเลือกที่ปรึกษาเป็นญี่ปุ่นก็ควรเลือกก่อสร้างเป็นฝรั่ง
แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่ายังเป็นอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า
(ตรงนี้ผู้เขียนบทความตอบกลับมาว่า
"เป็นอยู่ค่ะ
บริษัทหนูถึงจะเป็นสัญชาติเยอรมันแต่ก็มีไม่ได้มีแต่คนเยอรมัน
ส่วนใหญ่ก็เป็นฝรั่งค่ะอาจารย์
แต่โครงการที่หนูทำอยู่ตอนนี้
EPC
เป็นของคนไทยค่ะ")
หลังจากที่เกริ่นเกี่ยวกับบริษัทก่อสร้างมาพอสมควรก็ขอเข้าเรื่องเลยล่ะกัน
การวางท่อโดยทั่ว ๆ ไป
ก็น่าจะแบ่งได้ 3
แบบในแง่ของพื้นที่การวางคือ
(1)
ใต้ดิน
(2)
บนดิน
และ (3)
ใต้ทะเล
ซึ่งตอนนี้ตัวผู้เขียนมีประสบการณ์นิดหน่อยใน
2
แบบแรก
ซึ่งสิ่งที่ไปพบไปเห็นมาคือการวางท่อน้ำมันใต้ดินตามแนวถนน
โดยใช้วิธี Horizontal
directional drilling (HDD)(๒)
การวางท่อน้ำมันแบบ
Horizontal
directional drilling (HDD) จะเริ่มจากการเตรียมสถานที่
โดยเริ่มจากการสำรวจและทำทดสอบชนิดของดิน
(soil
test) โดยความลึกที่จะขุดลงไปจะต้องเป็นไปตามมาตราฐานของกรมทางหลวง
และจะต้องมีมาตราฐานการป้องกัน
เช่น
แสดงสัญลักษณ์เครื่องหมายการก่อสร้างติดตั้งให้เห็นล่วงหน้า
1
กิโลเมตรก่อนถึงจุดก่อสร้าง
และเพื่อป้องกันการพังทลายของพื้นผิวถนนตามบริเวณแนวที่ขุดวางท่อ
จะมีการตอก Sheet
pile เป็นแนวเพื่อป้องกันการสไลด์ของดินในขณะที่ก่อสร้างบริเวณที่ขุด
หลังจากวางท่อเสร็จจะมีการขุดเอา
Sheet
pile ออกไป
ดังแสดงในรูปที่ 1
เป็นต้น
หมายเหตุ
(๒)
แต่ถ้าเป็นที่โล่ง
ๆ แบบไม่มีอะไรกีดขวางบนผิวดิน
ก็จะใช้การขุดเป็นร่องยาว
วางท่อ แล้วก็ฝังกลบ
รูปที่
1
การตอก
Sheet
pile (ที่ลูกศรสีแดงชี้)
เพื่อป้องกันผิวถนนทรุดตัวเนื่องจากการสไลด์ตัวของดินใต้ถนน
หลังจากเตรียมพื้นที่ตามมาตราฐานของกรมทางหลวงแล้ว
จะทำการเจาะหลุมนำร่อง
(Pilot
hole)
โดยใช้เครื่องจักรที่มีแรงดันไฮดรอลิคดันหัวเจาะลงไปในดินตามแนวท่อที่ได้ออกแบบไว้
โดยขนาดของหัวเจาะจะแตกต่างกันไปตามขนาดของท่อ
โดยเริ่มเจาะจากรูขนาดเล็กให้ได้เส้นทาง
ว่าเจอก้อนหินหรือตอหม้อสะพานหรือมีอะไรกีดบังเส้นทางหรือไม่
โดยเจาะจากระดับพื้นดินอีกฝั่งไปยังให้พ้นอีกฝั่ง
ซึ่งใน 1
HDD จะมีความยาวประมาณ
500
เมตร
และมีการใช้น้ำบ่อเป็นตัวช่วยในการทำให้ดินในบริเวณนั้นอ่อนตัวลง
และจะมีการใช้อุปกรณ์อิเลคโทนิคช่วยในการระบุตำแหน่งและทิศทาง
ในขณะเจาะหัวเจาะจะพ่นเบนโทไนต์ออกมาทางหัวเจาะ
และจะมีการดึงดินและเบนโทไนต์กลับ
ไปยังถังแยก (Separation
plant) เพื่อแยกดินและเบนโทไนต์ออกจากกัน
จากนั้นจะถูกส่งไปยังถังบัฟเฟอร์
(Buffer
Tank) และจะส่งเบนโทไนต์ไปผสมกับน้ำไปสู่หน่วยผสม
(Mixing
Unit) ก่อนจะส่งกลับเข้าหัวเจาะอีกครั้งดังแสดงในรูปที่
2
รูปที่
2
อุปกรณ์ต่าง
ๆ ที่ใช้ในการเจาะรูท่อแบบ
Horizontal
directional drilling (HDD); A.เครื่องจักรไฮดรอลิคในการขุดเจาะ
B.
ถังแยก
C.ถังบัฟเฟอร์
D.
หน่วยผสม
E.
หัวเจาะคว้าน
และ F.
บริเวณขุดเจาะ
(รูปจาก
http://www.prime-drilling.de/e_index.html)
หลังจากนั้นจะเป็นการคว้าน
(Reaming)
คือหัวคว้านจะมีลักษณะเป็นหัวแหลมทั้งหัวทั้งท้าย
ตรงกลางจะเป็นทรงกระบอกใหญ่
แสดงดังรูปที่ 2(E)
ที่จำเป็นต้องมีหัวแหลมทั้งสองทางเพราะจะมีการดึงหัวคว้านไป
ๆ มา ๆ ในรูท่อ
เพื่อทำให้ขนาดรูท่อใหญ่ขึ้นจนมีขนาดมากกว่าขนาดของท่อ
ส่วนจะใหญ่กว่ากี่เปอร์เซนต์อันนี้ไม่แน่ใจ
หลังจากนั้นจะทำการเคลือบเบนโทไนต์ในรูที่เจาะเสร็จแล้ว
เพื่อป้องกันการพังทลายของรูท่อเมื่อรูท่อพร้อม
ต่อมาจะเป็นขั้นตอนการดึงท่อ
(Pullback)
โดยการนำท่อไปไว้ที่ปลายทางซึ่งจะมีเครนคอยยกท่อเอาไว้
(รูปที่
3)
และจะมีการต่อปลายท่อกับการต่อกับหัวคว้าน
แล้วดึงกลับเข้าไปให้รูท่อจากครื่องจักรไฮดรอลิคที่เคยดันหัวเจาะลงเพื่อสร้างรูท่อ
(รูปที่
4)
โดยกระบวนการเจาะแบบ
HDD
ทั้งหมดจะแสดงในรูปที่
5
รูปที่
3
การใช้รถแบคโฮยกท่อ
ขณะที่ทำการดึงท่อ
(Pullback)
พึงสังเกตว่ามีการใช้ลูกล้อรองรับตัวท่อเอาไว้
เพื่อให้ตัวท่อเคลื่อนตัวในแนวราบได้ง่าย
รูปที่
4
ขณะที่ท่อกำลังถูกดึงเข้าไปในรูท่อ
ที่มีเบนโทไนต์
รูปที่
5
แสดงขั้นตอนทั้งหมดใน
Horizontal
directional drilling (HDD); 1. การเจาะรูนำร่อง
(Pilot Hole) 2.
การคว้านรูที่เจาะให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
(Reaming) และ
3. การดึงท่อ
(Pullback)
(http://www.civilengineeringgroup.com/wp-content/uploads/2010/12/Horizontal-Directional-Drilling.jpg)
รูปที่
6
เมื่อปลายท่อของแต่ละหลุม
HDD มาเจอกัน
รูปที่
7
การใช้กล่องดันปลายท่อให้เข้ามาชิดกัน
ก่อนทำการเชื่อมต่อ
รูปที่
8
การเชื่อมต่อปลายท่อสองปลายท่อเข้าด้วยกัน
(tie-in)
หลังจากขั้นตอน
HDD แล้ว
จะนำแต่ละ HDD
มาต่อกัน
เรียกว่าการ "tie-in"
ซึ่งจะเป็นการเชื่อมท่อต่อกัน
คือเมื่อสองปลายท่อมาเจอกัน
(รูปที่
6)
จะมีการใช้กล่องมาดันให้ท่อเข้าใกล้กันในทิศทางด้านข้าง
(รูปที่
7)
เมื่อปลายท่อทั้งสองเข้าใกล้กันมากที่สุดจะมีการใช้
joint
ขันน็อตให้ท่อเข้ากันให้มากที่สุดและทำการเชื่อม
(รูปที่
8) เมื่อเชื่อมท่อเข้าหากันเสร็จเรียบร้อยจะทำการถอด Joint เหลือแต่ท่อสองท่อต่อกันแบบมีรอยเชื่อม สุดท้ายเมื่อ
HDD
ทั้งหมดมาต่อกัน
ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จ
ซึ่งพอหลังจากที่ได้มาลองมาทำงานที่นี่ซักพัก
ความคิดของผู้เขียนหลาย ๆ
อย่างก็เปลี่ยนไป
พอกลับไปนั่งที่ออฟฟิตในกรุงเทพหนึ่งวัน
รู้สึกว่ามันช่างน่าเบื่อมาก
ไม่เหมือนมาอยู่หน้างานที่ระยอง
การคุมงานเป็นงานที่เวลาทำงาน
(08.00-17.00
น.)
ก็ค่อนข้างจะเหนื่อย
เดินใน Site
และตรวจเอกสารบ้างในบางครั้ง
แต่ก็สนุกและได้เรียนรู้มาก
และอีกอย่างพอหลังจาก 17.00
น.
มันจะเป็นเวลาที่อิสระมาก
ๆ ได้ทำอะไรหลาย ๆ
อย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน
ไม่ต้องมานั่งติดแหง็กอยู่บนถนนเหมือนอยู่ในกรุงเทพ
(เข้าใจผิดหรือเปล่า
๕ โมงเย็นได้มาติดแหง็กอยู่บนถนนนี่ถือว่าโชคดีมากเลยนะ
เพราะปรกติยังติดแหง็กอยู่ที่โต๊ะทำงานในออฟฟิตกัน)
ตอนนี้ก็เริ่มหลงรักระยองขึ้นมาซะแล้วซิ
*****************************************************************
Memoir
ฉบับนี้ก่อนจะจัดส่งผมได้ให้
เจ้าชายนิทรา
ตรวจให้ความเห็นชอบก่อน
จากนั้นจึงได้จัดส่งให้ทั้งสมาชิกที่กำลังศึกษาอยู่และผู้ที่เรียนจบไปแล้ว
เผื่อว่าจะมีสมาชิกที่เรียนจบไปแล้วอยากเขียนเล่าประสบการณ์การทำงาน
การเดินทาง โดนผีหลอก
หรือเรื่องใด ๆ ก็ได้
เพื่อแบ่งปันความรู้หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้ชีวิตให้กับคนอื่นบ้าง
ผมเองไม่ได้แก้รูปแบบการเขียนของต้นฉบับ
เพียงแต่ปรับแก้เรื่องการย่อหน้า
การเว้นวรรค การสะกด และคำบางคำ
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ผู้อ่านสับสนได้และต้องการให้รูปแบบการเขียนนั้นแสดงตัวตนของผู้เขียนบทความเอง
หวังว่าสมาชิกผู้ของกลุ่มผู้ที่จบไปแล้วจะมีเล่าแบ่งปันแก่คนอื่นบ้างนะ
ติดต่อมาได้ที่อีเมล์ของผมโดยตรง
จะรอรับบทความจากพวกคุณ
รับต้นฉบับบทความ
จันทร์ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
บทความฉบับสมบูรณ์
พุธ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
เผยแพร่
พฤหัสบดี ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕