วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เดี๋ยวนี้เราไม่พูดคุยกันแล้วเหรอ MO Memoir : Monday 17 February 2557

บ่ายวันนี้เห็นมีโทรศัพท์มาจากทางห้องธุรการ ก็เลยแวะไป พอไปถึงก็โดนถามว่า "ส่งแล้วยัง" ทำเอางงไปเหมือนกันว่าเรื่องอะไร จะให้ส่งอะไร
 
เรื่องทั้งเรื่องคือเขาส่งเอกสารให้ผมทางอีเมล์ ตามรูปข้างล่าง ลองอ่านดูเอาเองก่อนก็แล้วกัน


เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ วันศุกร์ที่ ๑๔ เราหยุดมาฆบูชา ต่อด้วยเสาร์ ๑๕ และอาทิตย์ ๑๖ ก็เรียกว่าเป็นสัปดาห์ที่หยุดยาว อีเมล์ฉบับนี้ส่งมาหลังเลิกงานไปแล้วชั่วโมงเศษ (เวลาเลิกงานคือ ๑๖.๐๐ น) และคาดหวังจะให้ส่งกลับในวันเสาร์
 
ที่ทำให้ผมเสียความรู้สึกก็คือ เดี๋ยวนี้เราไม่พูดคุยกันแล้วเหรอ มีอะไรก็ส่งให้ทางอีเมล์ แล้วคาดว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะต้องมาคอยเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์เปิดดูอีเมล์ตลอดเวลาหรือไง ทั้ง ๆ ที่ผมก็เคยบอกกับทางเจ้าหน้าที่เอาไว้แล้วว่า ถ้ามีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนก็ให้โทรหาได้เลย หรือไม่ก็ส่งข้อความให้ทางโทรศัพท์ว่ามีเรื่องด่วน (แต่ทั้งนี้หน่วยงานต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายนะ)

ไม่นานมานี้มีนิสิตจะเข้ามาทำแลป ผมก็ถามกลับไปว่านัดรุ่นพี่ป.โทเขาไว้หรือเปล่า เขาตอบผมกลับมาว่า line ไปหาแล้ว ผมก็ถามกลับไปว่าแล้วรุ่นพี่เขาตอบกลับมาหรือเปล่า เขาก็ตอบกลับมาว่ารุ่นพี่ยังไม่ตอบกลับมา ผมก็เลยเล่าให้เขาฟังว่ารู้ไหมการ์ดเชิญงานแต่งงานยังต้องเขียนเลยว่า "ขออภัย หากไม่ได้เรียนเชิญด้วยตนเอง" แล้วทำไมคุณถึงไม่โทรไปถามเขาล่ะ หรือว่ากลัวเสียค่าโทร ในเรื่องสำคัญหลาย ๆ เรื่อง การติดต่อด้วยวาจานั้นแสดงถึงการให้เกียรติและความสำคัญของอีกฝ่ายหนึ่ง ขนาดผู้นำประเทศมหาอำนาจ เวลาจะให้ความสำคัญกับใคร ก็จะใช้การโทรศัพท์ถึงอีกฝ่ายหนึ่ง เรื่องนี้มักปรากฏเป็นข่าวเสมอ
 
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนผมก็โดนมาทีนึงแล้ว มีสอนตอนเที่ยง แต่ปรากฏว่าอาจารย์ที่สอนอีกห้องหนึ่ง (วิชาเดียวกัน มีสอนกัน ๕ ห้อง) เขาไม่มาสอน อ้างว่ามีการชุมนุมทำให้เดินทางลำบาก เห็นควรให้งดสอนวิชานี้ทุกห้อง เขาส่งอีเมล์ติดต่อมาราว ๆ เก้าโมงเช้า มีอาจารย์ที่ไม่ได้สอนหนังสือตอนเช้าเห็นอีเมล์เพียงไม่กี่คน เขาก็รับลูก ให้เจ้าหน้าที่ประกาศทางหน้า facebook ส่วนตัว (ที่มีเฉพาะนิสิตเป็นสมาชิกและก็ไม่ทุกคนที่เข้าร่วม) ทางผมพอเสร็จงานช่วงเช้าก็ไปสอนต่อตามเวลา ปรากฏว่านักเรียนหายหมด มาทราบเอาทีหลังว่ามีการประกาศงดเรียนทาง facebook โดยเจ้าหน้าที่ว่างดสอนทุกห้อง ทั้ง ๆ ที่ถูกต้องควรต้องงดสอนเฉพาะห้องที่อาจารย์ไม่มาสอนเท่านั้น
 
การให้เกียรติหรือให้ความสำคัญกับผู้ที่เราต้องติดต่อด้วยมันส่งผลทางจิตวิทยาในการทำงานร่วมกัน มีภาควิชาแห่งหนึ่ง ห้องทำงานหัวหน้าภาควิชาก็เป็นห้องส่วนตัวตั้งอยู่ในส่วนธุรการ อาจารย์คนหนึ่งพอขึ้นมาเป็นหัวหน้าภาควิชา เวลาต้องการพบเจ้าหน้าที่ธุรการที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้อง ก็จะใช้การตะโกนเรียกชื่อเจ้าหน้าที่ที่ต้องการพบออกมาจากในห้อง โดยไม่สนใจว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นกำลังติดต่องานหรือคุยงานกับใครอยู่ ถ้าเขาไม่ไปหาสักทีก็จะตะโกนเรียกอยู่นั่นแหละ หรือไม่อีกทีก็ใช้การโทรศัพท์เรียกให้ไปพบ
 
ส่วนอาจารย์อีกรายหนึ่งตอนที่เป็นหัวหน้าภาควิชา จะใช้การเดินออกมาจากห้อง เรียกด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ แล้วเชิญเจ้าหน้าที่ที่ต้องการพบเข้าไปคุยเรื่องงานในห้อง
 
อาจารย์สองรายนี้แม้ว่าจะเกษียณแล้ว แต่หลังเกษียณก็ยังทำงานเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ ไม่มีอำนาจในการสั่งการใดหรือให้คุณให้โทษกับใครแล้ว แต่กับเจ้าหน้าที่ธุรการแล้ว อาจารย์รายหลังกลับยังได้รับความเคารพนับถือจากเจ้าหน้าที่ธุรการอยู่ ยังมาพูดคุยเล่นกันได้เสมอ ในขณะที่รายแรกนั้นไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หน้าไปติดต่อธุระด้วย
 
ตัวผมเองก็เคยประสบมาครั้งหนึ่ง อาคารจอดรถที่ผมจอดประจำนั้นต้องรับบัตรก่อนขึ้นอาคาร เช้าวันหนึ่งเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ส่งบัตรให้ผมก็บอกกับผมว่าต้องขอขอบคุณผมมากเลย เพราะเวลาผมรับบัตรทีไร ผมจะลดกระจกหน้าต่างลงจนสุดเพื่อยื่นแขนออกไปรับบัตร และกล่าวขอบคุณเขาแค่นั้น แต่สำหรับผู้ที่ทำหน้าที่ส่งบัตรให้แล้ว เขากลับรู้สึกว่าเราให้เกียรติในการทำหน้าที่ของเขา เราไม่รังเกียจเขา ดังเช่นรถหลายต่อรายคันที่ทำเพียงแค่ลดกระจกลงมาเล็กน้อย แล้วให้เจ้าหน้าที่สอดบัตรเข้าไปเพื่อเขาจะได้ไม่ต้องยื่นมือออกมานอกรถ แม้แต่ตอนคืนบัตรหรือจ่ายเงินก็ทำพฤติกรรมเช่นนี้อีก

ไม่รู้ว่าต่อไปเวลาไฟไหม้บ้าน โจรปล้นบ้าน ต้องใช้ส่งอีเมล์แจ้งตำรวจแทนการโทรไปแจ้งหรือเปล่า ใครเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บต้องการรถพยาบาลฉุกเฉิน ก็ต้องใช้ส่งอีเมล์แจ้งหน่วยบรรเทาสาธารณภัยด้วยหรือเปล่า ต่อไปก็คงไม่ต้องมีการประชุมพูดคุยอะไรกันอีกแล้ว นัดเวลานั่งกดเล่น line กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยก็สิ้นเรื่อง

ไม่มีความคิดเห็น: