ก็ต้องขอบอกตามตรงแหละครับว่าเรื่องที่ผมไม่ถนัดที่จะเขียนมากเรื่องหนึ่งเพราะไม่ค่อยมีความรู้ที่จะเขียนก็คือเรื่องของ
"ต้นไม้"
ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ของผมก็ประเภทเพียงแค่บอกได้ว่าต้นกล้วยไม่เหมือนกับต้นมะพร้าว
หรือมะม่วงไม่เหมือนกับผักตบชวา
ยกตัวอย่างแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นการเปรียบเทียบที่ชัดเจนไปหรือเปล่า
:)
รูปที่
๑
การ์ดอวยพรปีใหม่ที่มีแฟนคลับเอามาเหน็บไว้หน้าห้องทำงานเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขอบคุณมากครับ
เพื่อตอบแทนการ์ดอวยพรใบแรกของปีที่ได้มา
ฉบับนี้ก็เลยขอเป็นเรื่องต้นไม้
ก็เป็นต้นไม้ที่ปลูกอยู่ที่บ้านอีก
๒ ชนิดคือต้นหม่อนกับชมพู่มะเหมี่ยว
ที่เขียนเรื่องต้นไม้ก็เพราะอยากจะบันทึกเรื่องราวที่รู้จักต้นไม้นั้นในมุมต่าง
ๆ และก็เป็นการสะสมรูปเอาไว้ให้ลูกทำการบ้าน
และเผื่อแผ่สำหรับเด็กในเมืองที่ไม่ค่อยมีโอกาสจะได้เห็นของจริง
จะได้มีรูปเอาไว้ทำรายงานส่งคุณครู
รูปที่เอาลง blog
ก็เลยเลือกอันที่เป็นรูปขนาดใหญ่หน่อย
เด็ก ๆ จะได้มีรูปขนาดใหญ่ไว้ทำรายงาน
แต่ก่อนเวลาได้ยินชื่อ
"หม่อน"
ก็จะนึกถึง
"ไหม"
คู่กันไปด้วย
เพราะเรียนมาตั้งแต่เด็ก
ๆ คือใช้ใบหม่อนเลี้ยงดักแด้ตัวไหม
ต่อมาช่วงหลัง ๆ
จึงมีคนแย่งอาหารหนอนกินด้วยการนำเอาใบหม่อนมาทำเป็นชาใบหม่อนทำตลาดขายกันแพร่หลาย
แต่สิ่งที่หาได้ยากกว่าคือ
"ผลหม่อน"
ต้องยอมรับว่าหม่อนเป็นพืชโตเร็วชนิดหนึ่ง
เรียกว่าไม่น้อยหน้ากระถิน
เพียงแต่มันไม่ค่อยจะแตกกิ่งก้านสักเท่าไรนักเว้นแต่จะไปตัดกิ่งมัน
กิ่งใหม่ที่งอกออกมาก็จะเน้นยืดยาวไปเรื่อย
ๆ พอมันสูงขึ้นไปเลยระเบียงบ้านชั้นสองก็ต้องตัดสักที
ที่ตัดก็เพราะเกรงว่าจะมีงูใช้เป็นทางลัดปีนเข้าบ้านชั้นบน
รูปที่
๒ ต้นหม่อนที่ปลูกเอาไว้ที่บ้าน
เอามาลงหลังน้ำท่วมปี ๒๕๕๔
ซื้อมาต้นเล็ก ๆ ต้นละ ๑๐
บาท ปรากฏว่าโตเร็วดี
ต้องคอยตัดออกเป็นระยะ
แต่ตัดแต่ละครั้งก็ดีเหมือนกัน
เพราะมันชอบจะออกลูกเวลาที่แตกกิ่งใหม่ทุกที
แถมกิ่งที่ตัดออกก็ริดใบทิ้งแล้วนำไปปักหรือไปแช่น้ำเอาไว้
มันก็งอกเป็นต้นใหม่ได้อีก
เวลาที่มันงอกโตขึ้นไปเรื่อย
ๆ มันก็ไม่ค่อยจะออกผล
แต่พอตัดกิ่งให้มันงอกใหม่เท่านั้นแหละ
ออกผลมาให้เห็นทันที
ผลหม่อนเป็นผลเล็ก ๆ ขนาดประมาณ
๑-๒
เซนติเมตร แรก ๆ จะเป็นสีเขียว
จากนั้นจะกลายเป็นสีแดงสวยดี
แล้วก็ออกคล้ำไปทางดำ ๆ
ตอนนี้ก็เก็บกินได้แล้ว
เช้าวันนี้ลูกสาวคนเล็กก็บอกให้แม่เก็บให้หน่อย
ผลหม่อนที่งอกอยู่ที่ต้นที่ปลูกไว้ก็มีลักษณะดังรูปที่แสดง
คือผิวเหมือนกับเป็นปุ่ม
ๆ และมีขนงอกออกมา
พอกัดเข้าไปก็รู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำของน้ำข้างใน
รสชาติออกเปรี้ยวปนหวาน
ไม้ผลรอบบ้านหลายชนิดมักโดน
กระรอก กระแต กระถิก
(ดูไม่ออกว่าเป็นตัวไหนกันแน่
แต่คงไม่พ้นพวกนี้)
มาแอบกินตอนมันกำลังจะสุกอยู่เรื่อย
เว้นแต่ลูกหม่อนนี่แหละ
ไม่เห็นมันมากินซักที
ตอนตัดกิ่งครั้งสุดท้ายได้ใบหม่อนมากาละมังนึง
คุณแม่ของผมก็เอาไปตากแห้ง
จากนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาไปชงเป็นน้ำชาหรือแจกจ่ายเพื่อนบ้านไปหมด
กิ่งหม่อนที่ตัดออกมานั้นพอริดใบออกแล้วก็นำไปปักในดินที่ชุ่ม
มันก็งอกขึ้นเป็นต้นใหม่ได้
ครั้งล่าสุดทดลองเอากิ่งที่ตัดออกมาเอาส่วนโคนไปแช่ในน้ำ
ปรากฏว่ามันก็แตกกิ่งแถมออกลูกเช่นกันทั้ง
ๆ ที่ไม่ได้ลงดินและไม่เห็นมีรากงอกออกมา
แต่ตอนนี้เอาไปปักดินเรียบร้อยแล้ว
ด้วยการที่มันขยายพันธ์ง่าย
จากที่ซื้อมาต้นเดียวราคา
๑๐ บาท ตอนนี้ก็เลยมีอยู่รอบบ้านหลายต้น
ชมพู่มะเหมี่ยวก็เป็นไม้ผลอีกชนิดหนึ่งที่ปลูกเอาไว้ที่บ้าน
จากเดิมที่มี ๓ ต้นตอนนี้ก็เหลืออยู่เพียง
๒ ต้น ในมะเหมี่ยวมันใบใหญ่ดี
แถมไม่ค่อยร่วงเหมือนมะม่วง
(ที่ต้องกวาดกันเป็นประจำ)
ต้นเก่าสุดของบ้านอายุกว่า
๓๐ ปีแล้ว คือปลูกเอาไว้ตั้งแต่ตอนย้ายเข้ามาอยู่
ผ่านน้ำท่วมกรุงเทพมาหลายครั้ง
ตอนนี้มันก็ยังออกผลให้กินอยู่เสมอ
แม้ว่าจะไม่ทุกปีก็ตาม
มะเหมี่ยวเวลาแตกยอดอ่อนยอดอ่อนจะมีสีออกแดง
ไม่เหมือนต้นไม้ส่วนใหญ่ที่ยอดออกที่แตกออกมานั้นมักจะมีสีเขียว
เวลาที่มะเหมี่ยวแตกยอดอ่อนทั้งต้นก็จะเห็นต้นเป็นสีแดงปนเขียว
ก็ดูสวยไปอีกแบบหนึ่ง
เกสรของดอกมะเหมี่ยวนั้นก็สามารถนำไปทำอาหารรับประทานได้
ฉบับนี้ปิดท้ายด้วยผีเสื้อที่กำลังออกมาจากดักแด้
ตัวนี้มันแปลกตรงที่ต้นไม้มีเยอะแยะดันไม่ไปเกาะ
กลับคืบคลานผ่านพื้นคอนกรีตเข้ามาเกาะอยู่บนเสาปูนของหลังคาโรงรถ
ตอนที่เห็นครั้งแรกมันก็เป็นตัวหนอน
จากนั้นก็กลายเป็นดักแด้
จนกระทั่งเช้ามืดวันอังคารที่ผ่านมา
ออกมาเปิดบ้านตอนตี ๕ เศษ
ก็เห็นมันกำลังเป็นผีเสื้อออกมาจากดักแด้
ก็เลยไปหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก
ส่วนอีกสองรูปนั้นเป็นดักแด้ที่มันเหลือทิ้งเอาไว้
ยังคิดคาไว้ที่เสา
จะลองปล่อยไว้อย่างนั้นเพื่อดูว่ามันจะอยู่ไปได้อีกนานเท่าใด
รูปที่
๓ ต้นชมพู่มะเหมี่ยวที่ปลูกไว้หน้าบ้านเก่า
ต้นนี้อยู่มานานกว่า ๓๐
ปีแล้ว รอดผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมมาหลายต่อหลายครั้ง
แต่ก็ยังออกลูกให้กินเป็นประจำ
ใบอ่อนมะเหมี่ยวที่แตกยอดออกมาใหม่จะออกไปทางโทนสีแดง
เวลาที่มันแตกเยอะ ๆ ก็ดูสวยดี
ส่วนลูกมะเหมี่ยวก็งอกออกมาตรงตำแหน่งกิ่งที่ถ่ายรูปมาให้ดู
มันขึ้นเป็นกระจุกอยู่ติด
ๆ กัน แต่สุดท้ายแต่ละกระจุกก็เหลือเป็นลูกโตไม่กี่ลูกทุกที
รูปที่
๔ ดักแก้ที่มาเกาะอยู่เสาโรงจอดรถที่บ้าน
เพิ่มจะเป็นตัวผีเสื้อบินออกไปเมื่อเช้ามืดวันอังคารที่
๑๗
ธันวาคมที่ผ่านมาบังเอิญไปเห็นตอนกำลังเป็นตัวผีเสื้อออกจากดักแด้พอดี
เคยมีพนักงานกลุ่มหนึ่งจากบริษัทที่รับจ้างทำ
CSR
ให้กับบริษัทอื่นมาปรึกษาเรื่องการทำ
CSR
จากขยะชนิดหนี่ง
คำว่า "CSR"
นี้ย่อมาจาก
"Corporate
Social Responsibility" ซึ่งมีผู้ให้คำจำกัดความว่า
ความรับผิดชอบต่อ "สังคม"
และสิ่งแวดล้อมขององค์กร
ซึ่งคือการดำเนินธุรกิจภายใต้หลัก
"จริยธรรม"
และการจัดการที่ดี
หลังจากปรึกษากับผมเสร็จ
(ซึ่งก็ดูเหมือนว่าความเห็นของผมไปทำให้สิ่งที่เขาคิดเอาไว้นั้นท่าทางจะไม่มีหวัง)
เขาก็ถามผมว่าโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า
CSR
ที่องค์กรต่าง
ๆ ควรทำมากที่สุดคืออะไร
ผมก็ตอบเขากลับไปว่า
"ก็ให้พนักงานเลิกงานให้ตรงเวลา
ไม่ต้องให้มีงานกลับไปทำที่บ้านหรือในวันหยุด
ให้เขามีเวลาไปมีครอบครัวหรือใช้ชีวิตกับครอบครัว
ไม่ใช่ต้องให้เขามาทำงานตลอดเวลาเพื่อให้บริษัทมีชื่อว่าได้ช่วยเหลือ
"สังคม"
แต่กลับไม่คำนึงถึงพนักงานของตัวเองว่ามีเวลาเป็นของตนเองในการไปเข้าสังคมร่วมกับผู้อื่นนอกบริษัทหรือไม่"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น