ผมเรียนจบกลับมาทำงานเมื่อปี
๒๕๓๗ ก็ได้ห้องทำงานอยู่ที่ชั้นบนสุดคือชั้น
๔ ของตึกนี้ ช่วงนั้นกรุงเทพรถติดมาก
เพราะมีการก่อสร้างรถไฟลอยฟ้าสายแรก
แถมบางวันมีสอนหนังสือภาคนอกเวลาราชการ
กว่าจะเลิกเรียนกันก็ร่วมสามทุ่มครึ่ง
แถมวันรุ่งขึ้นยังมีสอนตอนแปดโมงเช้าอีก
ยังดีที่ห้องน้ำของอาคารมีห้องอาบน้ำให้ใช้
ช่วงนั้นก็เรียกว่าใช้ห้องทำงานเป็นห้องนอน
และถือโอกาสฝึกใช้เครื่องมือวิเคราะห์ต่าง
ๆ ไปด้วยในตัว
แม้ว่าห้องที่ใช้นอนจะอยู่ออกมาอีกทางด้านหนึ่งของอาคาร
แยกออกมาจากด้านที่นิสิตที่ทำงานค้างคืนกันใช้เป็นที่พักนอน
แม้ว่าตึกนี้จะมีเรื่องเล่า
แม้ว่าตึกนี้จะมีตำนาน
แต่ก็ไม่เคยเจออะไรกับตัวเอง
ภาควิชาย้ายออกจากตึกนี้เมื่อปี
๒๕๔๐ โดยยังคงห้องแลปไว้ที่ชั้น
๓ ส่วนชั้น ๔ ก็ยกพื้นที่ให้ภาควิชาอื่นไปใช้งาน
ผมเองก็เลยต้องย้ายห้องทำงานไปยังตึกใหม่ด้วย
แต่
ใช่ว่าตึกนี้ไม่มีเรื่องเล่า
ใช่ว่าภาคนี้ไม่มีตำนาน
เมื่อวานซืนระหว่างสอนแลป
คุณหนุ่มเพื่อนร่วมงานแอบมากระซิบพร้อมกับเอารูปที่ถ่ายเอาไว้เมื่อช่วงเช้ามาให้ดู
(รูปข้างล่าง)
พร้อมกับบอกว่า
สงสัยว่าคนอยู่ข้างบนคงโดนอะไรเข้าไปบ้างแล้ว
ผมก็เลยแอบแวะไปดูบ้าง
ก็พบแต่ขวดน้ำและกระถางธูปวางเอาไว้
ส่วนจานข้าวที่ปรากฏในรูปที่ถ่ายไว้ช่วงเช้าหายไปแล้ว
สถานที่ที่ถ่ายรูปคือบันไดด้านข้างอาคารด้านทิศตะวันตก
ระหว่างชั้น ๓ และชั้น ๔
เห็นเหตุการณ์นี้ทำให้นึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับนิสิตที่ตัวเองเป็นที่ปรึกษา
เมื่อครั้งยังทำงานอยู่ที่ตึกนี้ได้
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดคืออะไรนั้นได้เล่าไว้แล้วใน
Memoir
ปีที่
๒ ฉบับที่ ๑๓๐ วันอังคารที่
๙ มีนาคม ๒๕๕๓ เรื่อง
"เหตุเกิดตอนทำแลปกลางคืน"
ส่วนสาเหตุที่แท้จริงคืออะไรนั้น
ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
คงได้แต่รอฟังเรื่องราวกันต่อไป
:)
:) :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น