คุณลุงของผมท่านหนึ่ง
(เสียชีวิตไปแล้ว)
ท่านเกลียดญี่ปุ่นจนตาย
เพราะเช้าวันนี้เมื่อ ๗๑
ปีที่แล้ว ในฐานะยุวชนทหาร
ท่านต้องแบกอาวุธไปรบกับทหารญี่ปุ่นที่ยกพลขึ้นบกที่สงขลา
(ผู้ใหญ่ท่านอื่นเล่าให้ผมฟังอีกที)
เช้าวันจันทร์ที่
๘ ธันวาคม พ.ศ.
๒๔๘๔
(ค.ศ.
๑๙๔๑)
กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่หลายจุดในประเทศไทย
รวมทั้งเตรียมเคลื่อนพลจากอินโดจีนฝรั่งเศส
(ลาว
เขมร และเวียดนาม)
เข้าสู่ประเทศไทยทางตะวันออก
จุดมุ่งหมายก็คือการใช้ไทยเป็นเส้นทางเดินทัพเพื่อเข้าไปยึดพม่าและมาเลเซีย
(โดยมีสิงคโปร์เป็นเป้าหมายหลัก)
เหตุการณ์ส่วนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้นแทบจะไม่ถูกกล่าวถึงโดยประเทศตะวันตกเลย
เว้นแต่การขนเชลยศึกไปสร้างสะพานข้ามแม่น้ำที่กาญจนบุรีเท่านั้นเอง
และเป็นเรื่องประจำที่ช่วงวันนี้ของปี
รายการสารคดีทางโทรทัศน์จากอเมริกาหรืออังกฤษมักจะพูดถึงการโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐที่อ่าวเพิร์ล
ฮาเบอร์ และการบุกเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของกองทัพญี่ปุ่น
สิ่งที่รายการดังกล่าวมักหลีกเลี่ยงไม่กล่าวถึงคือมูลเหตุจูงใจที่ทำให้ญี่ปุ่นตัดสินใจส่งทหารเข้ายึดครองดินแดนต่าง
ๆ ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
และทำไมจึงต้องโจมตีสหรัฐอเมริกา
ซึ่งจะว่าไปแล้วการตัดสินใจปิดกั้นทางเศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่นของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นต้องส่งทหารเข้ายึดดินแดนแถบประเทศไทยเรานี้
ในหนังสือ
History
of the second world war เขียนโดย
Captain
B.H. Liddell Hart บทที่
๑๗ Japan's
tide of conquestในหัวข้อ
The
fall of Malaya and Singaporeได้กล่าวเอาไว้ว่ากองทัพญี่ปุ่นใช้กำลัง
๓ กองพลคือ Imperial
Guard, กองพลที่
๕ และกองพลที่ ๑๘
ในการเข้ายึดประเทศไทยและมาเลเซีย
ทั้ง ๓ กองพลนี้จัดว่าเป็นกองพลชั้นดีเยี่ยมของกองทัพญี่ปุ่น
ในช่วงแรกของสงครามเมื่ออังกฤษต้องถอยร่นจากพม่าไปตั้งหลักอยู่ในอินเดีย
และสภาพการรบในยุโรปยังน่าเป็นห่วง
ส่วนสหรัฐอเมริกาเองก็อยู่ระหว่างตั้งหลักรบกับกองทัพญี่ปุ่นตามเกาะต่าง
ๆ ประเทศไทยก็ยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามเท่าไรนัก
แต่เมื่อกองทัพอังกฤษต้องการที่จะยึดเอาพม่าคืน
สิ่งแรกที่ต้องทำคือการตัดการส่งกำลังบำรุงแก่กองทัพญี่ปุ่นที่อยู่ในพม่า
นั่นหมายถึงการตัดเส้นทางลำเลียงต่าง
ๆ ไปยังพม่า ซึ่งในยุคสมัยนั้นคือเส้นทางรถไฟ
ประเทศไทยเองในฐานะเส้นทางลำเลียงจากประเทศญี่ปุ่นผ่านไปยังประเทศพม่าและมาเลเซียจึงตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางอากาศ
ซึ่งเป้าหมายการโจมตีมีทั้งเส้นทางรถไฟ
(หลัก
ๆ คือสะพานและสถานีซ่อมบำรุง)
ค่ายทหาร
สนามบิน และท่าเรือต่าง ๆ
(เอาไว้จะทยอยเอารูปมาให้ดู)
รูปต่าง
ๆ ที่เอามาให้ดูในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ไปค้นเจอมาจาก
http://www.fold3.com
ซึ่งก็ให้ภาพผลกระทบจากการโจมตีทิ้งระเบิดในมุมมองของผู้ทิ้งระเบิด
ณ บริเวณสถานีรถไฟบางซื่อ
ซึ่งเป็นชุมทางแยกระหว่างสายเหนือกับสายใต้
และยังเป็นโรงซ่อมบำรุงรถจักร
และบริเวณสะพานพระราม ๖
ที่เป็นเส้นทางรถไฟไปทางใต้และกาญจนบุรีที่มุ่งหน้าเข้าพม่า
Memoir
ฉบับนี้ขออุทิศให้กับคนไทยทุกคนที่สูญเสียชีวิตในการสู้รบกับทหารของกองทัพญึ่ปุ่นที่ยกพลขึ้นบกที่ประเทศไทยในเหตุการณ์ดังกล่าว
รูปที่
๑ก การทิ้งระเบิดบริเวณชุมทางบางซื่อ
ตรงทางแยกระหว่างสายเหนือกับสายใต้
บรรทัดบนสุดของรูปที่พิมพ์ว่า
"Neg
rec'd 1/6/45" น่าจะหมายความว่า
"Negative
receivedในวันที่
๖ มกราคม ค.ศ.
๑๙๔๕
(เหตุผลที่ว่าทำไมจึงระบุว่าเป็นวันที่
๖ มกราคม ไม่ใช่วันที่ ๑
มิถุนายน และวันที่ดังกล่าวเป็นวันที่ได้รับรูป
ให้ดูรูปที่ ๑ข และรูปที่
๓)
ส่วนวันโจมตีจริงน่าจะเป็นวันที่
๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๔๘๗
(ดูรูปที่
๓)
ข้อมูลใน
http://en.wikipedia.org/wiki/XX_Bomber_Command
ระบุว่าฝูงบินทิ้งระเบิดที่
20
(XX Bomber command ที่ระบุไว้บนบรรทัดบนสุดของรูป)
ปฏิบัติหน้าที่ทิ้งระเบิดในอินโดไชนา
พม่า และประเทศไทย
ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม
ค.ศ.
๑๙๔๕
รูปที่ ๑ข คำบรรยายรูปที่ ๑ก จากรอยตรายางประทับวันที่ (ตรงเส้นประสีแดง) มีการประทับตราลงวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๔๕ แสดงว่าวันที่ที่เขียนว่า 1-6-1945 ที่เขียนในรูปที่ ๑ก นั้นเป็นการเขียนแบบอเมริกาคือ เดือน-วัน-ปี การโจมตีบางซื่อมีความสำคัญเพราะสิ่งของที่มาทางเรือต้องมาขึ้นบกที่ท่าเรือคลองเตยก่อน การลำเลียงทางรถไฟก็ต้องผ่านมาทางบางซื่อ และบางซื่อเองก็เป็นโรงซ่อมแซมด้วย ตอนแรกคิดว่าจะตัดภาพนี้มาเฉพาะส่วนคำบรรยายรูป จะได้จัดหน้ากระดาษได้ลงตัว แต่ใต้คำบรรยายรูปมีตรายางประทับลงวันที่ซึ่งจำเป็นสำหรับการระบุวัน-เดือน-ปีที่พิมพ์เอาไว้ด้านบนของรูปที่ ๑ก ก็เลยนำเอาส่วนตรางยางประทับมาลงด้วย (ต่ำกว่ารอยตรายางประทับไม่มีอะไรแล้ว เป็นกระดาษเปล่า)
รูปที่ ๑ข คำบรรยายรูปที่ ๑ก จากรอยตรายางประทับวันที่ (ตรงเส้นประสีแดง) มีการประทับตราลงวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๔๕ แสดงว่าวันที่ที่เขียนว่า 1-6-1945 ที่เขียนในรูปที่ ๑ก นั้นเป็นการเขียนแบบอเมริกาคือ เดือน-วัน-ปี การโจมตีบางซื่อมีความสำคัญเพราะสิ่งของที่มาทางเรือต้องมาขึ้นบกที่ท่าเรือคลองเตยก่อน การลำเลียงทางรถไฟก็ต้องผ่านมาทางบางซื่อ และบางซื่อเองก็เป็นโรงซ่อมแซมด้วย ตอนแรกคิดว่าจะตัดภาพนี้มาเฉพาะส่วนคำบรรยายรูป จะได้จัดหน้ากระดาษได้ลงตัว แต่ใต้คำบรรยายรูปมีตรายางประทับลงวันที่ซึ่งจำเป็นสำหรับการระบุวัน-เดือน-ปีที่พิมพ์เอาไว้ด้านบนของรูปที่ ๑ก ก็เลยนำเอาส่วนตรางยางประทับมาลงด้วย (ต่ำกว่ารอยตรายางประทับไม่มีอะไรแล้ว เป็นกระดาษเปล่า)
รูปที่
๒ก ตอนต่อเนื่องจากรูปที่
๑ก ตำแหน่งที่ระเบิดลงในรูปที่
๑ก ปรากฏเป็นกลุ่มควันก้อนใหญ่ทางด้านซ้าย
ส่วนชุดที่สองนี้เป็นกลุ่มควันก้อนเล็ก
ๆ หลาย ๆ กลุ่มทางด้านขวา
(ระเบิดเพิ่งจะระเบิด)
ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งของสถานีรถไฟบางซื่อและที่ทำการบริษัทปูนซิเมนต์ไทยในปัจจุบัน
ในวงเหลืองคือสะพานสูงบางซื่อที่ข้ามคลองเปรมประชากร
รูปที่
๒ข คำบรรยายรูปที่ ๒ก
จากรอยตรายางประทับวันที่
(ตรงเส้นประสีแดง)
มีการประทับตราลงวันที่
๒ กุมภาพันธ์ ค.ศ.
๑๙๔๕
แสดงว่าวันที่ที่เขียนว่า
1-6-1945
ที่เขียนในรูปที่
๒ก นั้นเป็นการเขียนแบบอเมริกาคือ
เดือน-วัน-ปี
เช่นเดียวกัน
รูปที่
๓ ภาพอีกมุมหนึ่งหลังการทิ้งระเบิดสถานีรถไฟบางซื่อ
(ในกรอบสีเขียว)
ภาพนี้ระบุว่าเป็นการทิ้งระเบิดขนาด
500
ปอนด์
(ต่อหนึ่งลูก)
ในวันที่
๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๔๘๗
(ค.ศ.
๑๙๔๔)
รูปที่
๔ ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณสถานีรถไฟบางซื่อในปัจจุบัน
ในวงสีเหลืองคือสะพานสูงบางซื่อที่เดียวกับในรูปที่
๒ก
รูปที่
๕ สะพานพระราม ๖
บอกว่าเผยแพร่เมื่อวันที่
๖ มิถุนายน ค.ศ.
๑๙๔๕
ด้านบนของรูปคือฝั่งกรุงเทพ
ด้านล่างของรูปคือฝั่งบางกรวย
นนทบุรี คำบรรยายรูปบอกว่าเป็นรูปก่อนการทิ้งระเบิด
ดังนั้นภาพนี้ควรจะถ่ายเอาไว้ก่อนวันที่
๒๘ กุมภาพันธ์ ค.ศ.
๑๙๔๕
ที่มีการทิ้งระเบิดทำลาย
(ดูรูปที่
๕ และ ๖)
รูปที่
๖ การทิ้งระเบิดสะพานพระราม
๖ ระบุว่าได้รับภาพนี้มาเมื่อวันที่
๒๘ กุมภาพันธ์ ค.ศ.
๑๙๔๕
ดังนั้นวันทิ้งระเบิดจริงควรจะเกิดก่อนหน้านี้
รูปที่
๗ สะพานพระราม ๖ หลังถูกทิ้งระเบิด
ตรงลูกศรสีแดงชี้เป็นช่วงคานสะพานที่โดนระเบิดทำลาย