มุขตลกมันก็มีอยู่หลายรูปแบบ
บางเรื่องก็เป็นแบบที่อ่านเมื่อไรก็เข้าใจ
เพราะอิงกับชีวิตประจำวันทั่วไป
บางเรื่องก็ต้องรู้ว่าช่วงเวลานั้นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
เพราะเป็นการเอาสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นที่รับรู้กันทั่วไปในสังคมในขณะนั้นมาเขียน
ในแวดวงวรรณกรรมคงไม่ได้จัดให้หนังสือการ์ตูนตลกมีคุณค่าอะไรที่จะนำมาแจกรางวัล
แต่จะว่าไปผมก็ว่ามันก็มีค่าในแง่มุมหนึ่งคือ
การบันทึกเรื่องราวชีวิตประจำวันทั่วไปของคนธรรมดา
ๆ ด้วยรูปแบบที่ไม่ควรตีความออกมาโดยตรง
แต่เป็นการล้อเลียนให้ดูขำขันมากกว่า
การ์ตูนขายหัวเราะเป็นหนังสือที่ผมซื้อเป็นประจำเวลาแวะร้านหนังสือ
และมักมีทั้งเล่มเก่าและเล่มใหม่วางไว้หัวนอนหลายเล่ม
เอาไว้อ่านก่อนนอน
อย่างเช่นเรื่องที่เอามาลงในวันนี้
ก็เอามาจากขายหัวเราะ ปีที่
๓๐ ฉบับที่ ๑๓๔๖ ประจำวันพุธที่
๒๐ -
๒๖
พฤษภาคม ๒๕๕๘ ลองอ่านดูเอาเองนะครับ
เวลาที่มีคนมาถามผมเรื่องการเรียนปริญญาเอกในบ้านเรา
ผมถึงถามกลับไปว่าเขาต้องการอะไร
คนที่เรียนจบป.ตรีและเลือกเรียนต่อเอกเลยนั้นเขามักจะมี
"ความเชื่อ"
หนึ่งอยู่ในความคิดของเขาว่าเรียนจบแล้วจะเป็นอย่างไร
ส่วนคนที่กำลังทำงานอยู่และต้องการเรียนต่อเอกนั้น
ก็มักจะมีอีก "วัตถุประสงค์"
หนึ่งที่แตกต่างกันอยู่ในความคิดของเขา
ว่าเรียนจบแล้วจะได้อะไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น