บันทึกช่วยจำของกลุ่มวิจัยตัวเร่งปฏิกิริยาโลหะออกไซด์ บันทึกความจำของวิศวกรเคมีผู้ลงมือปฏิบัติ (mo.memoir@gmail.com)
วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2560
บันทึกเรื่องที่ต้องสอนซ้ำ บันทึกความทรงจำที่ได้พบเจอ (๑) MO Memoir : Sunday 17 December 2560
วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553
ทำให้เรียบร้อย (ตอนที่ ๒) MO Memoir : Sunday 28 March 2553
เมื่อวานพึ่งจะอ่านวิทยานิพนธ์ปริญญาโทที่จะสอบในวันจันทร์ที่ ๒๙ มีนาคมนี้จบไปทั้ง ๔ เล่ม พบว่าใน ๔ เล่มนั้นคุณภาพงานเขียนวิทยานิพนธ์ ๓ เล่มนั้นเป็นได้อย่างมากเพียงแค่ฉบับ "ร่างครั้งแรก" ไม่คู่ควรกับการเป็นฉบับส่งให้กรรมการสอบอ่านเลย ดูเหมือนผู้เขียนทำแบบขอไปที ขอให้มีส่ง หวังว่ากรรมการคงจะไม่อ่านกัน คงเป็นเพียงแค่มาฟังการนำเสนอในห้องสอบแล้วก็ให้คะแนนไปตามที่ได้ยินได้ฟัง นี่ก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าตัวอาจารย์ที่ปรึกษาเองมีโอกาสได้อ่านมาก่อนหรือเปล่า หรือรอฟังแต่ผลที่นิสิตนำมาเสนอ พอได้ผลเป็นที่น่าพอใจแล้วก็ปล่อยให้ไปเขียนกันเองโดยไม่สนเลยว่านิสิตจะเขียนอะไรลงไป บ่อยครั้งที่พบว่าอาจารย์ที่ปรึกษาทำเพียงแค่ "ได้เห็น" คือตาเห็น แต่ไม่ได้อ่านสิ่งที่นิสิตในที่ปรึกษาเขียน งานนี้กะว่าจะขอส่งวิทยานิพนธ์ทั้ง ๓ เล่มคืนนิสิตให้กลับไปทำให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยนัดสอบใหม่จะดีกว่า
บางคนคงเคยได้ยินแล้วว่ากรรมการสอบวัดคุณสมบัตินิสิตปริญญาเอกชุดที่ผมเป็นกรรมการร่วมอยู่นั้น เคยให้นิสิตปริญญาเอกผู้หนึ่งสอบวัดคุณสมบัติไม่ผ่านถึง ๒ ครั้ง ซึ่งเป็นผลให้นิสิตผู้นั้นต้องพ้นสภาพนิสิตไปตามระเบียบของมหาวิทยาลัย งานนี้กรรมการชุดนั้นทุกคนโดยหัวหน้าหน่วยงานเรียกตัวไปถามเป็นรายคนว่าทำไมถึงให้ตก ปรากฏว่ากรรมการทุกคนตอบตรงกันโดยไม่ได้นัดหมายว่างานที่นิสิตคนดังกล่าวทำส่งมานั้น "ชุ่ย" กล่าวคือสิ่งที่เขาส่งมาในรายงานกับสิ่งที่เขานำเสนอในการสอบครั้งแรกนั้นมันเป็นคนละเรื่องกัน พอโดนซักก็บอกว่าเขาเปลี่ยนแนวทาง (เหตุผลฟังไม่ขึ้น) เพราะถ้าจะเปลี่ยนเรื่องไปเลยก็ต้องแจ้งกรรมการสอบว่าขอยกเลิกเอกสารเก่า และส่งเอกสารใหม่มาให้ และนัดวันสอบใหม่ ไม่ใช่มาบอกกันในห้องสอบ ทำให้รู้ได้เลยว่ากะว่ากรรมการคงไม่อ่านเอกสาร เลยเอาอะไรต่อมิอะไรมายัดไส้ต่อเข้าด้วยกัน ดูเผิน ๆ เป็นเหมือนเอกสารสมบูรณ์ แต่พออ่านดูจะรู้ว่าเรื่องราวมันไม่เกี่ยวข้องกันเลย พอสอบใหม่ครั้งที่สองก็ยังทำแบบเดิมอีก (คงกะว่ากรรมการสอบคงนึกไม่ถึงว่าจะทำซ้ำเดิมอีก) งานนี้ก็เลยเจอดีเข้าไป
อันที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เมื่อกว่า ๑๐ ปีที่แล้วผมเคยให้นิสิตปริญญาโทที่เรียนมา ๔ ปีแล้วสอบวิทยานิพนธ์ตก กล่าวคือนิสิตคนดังกล่าวพอสอบโครงร่างเสร็จก็หายหน้าไปเลย พอเทอมสุดท้ายปี ๔ ก็โผล่หน้ามาให้อาจารย์ที่ปรึกษาเห็น ตอนสอบก็บอกว่าได้ทำไอ้นั่น ได้ทำไอ้นี้ ผลที่ได้ออกมาเป็นอย่างนี้ พอขอดูงานที่ทำจริงก็ปรากฏว่าไม่มี วิทยานิพนธ์ของเขาเป็นเพียงแค่นำเอาข้อความในคู่มือการใช้ซอร์ฟแวร์มาตัดต่อเข้าด้วยกันแค่นั้นเอง ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย งานนั้นดูเหมือนว่าจะมีผมกับกรรมการสอบอีกท่านที่ได้อ่านวิทยานิพนธ์ฉบับนั้นมาทั้งเล่มก่อนสอบ ที่น่าแปลกก็คือตัวประธานสอบกับอาจารย์ที่ปรึกษาขอให้นิสิตสอบผ่าน ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่าเขาเรียนมา ๔ ปีแล้ว (โดยที่ไม่ได้ทำวิทยานิพนธ์เป็นชิ้นเป็นอันเลยหรือ) งานนี้กรรมการสอบก็เลยตอบกลับไปว่าถ้าเช่นนั้นก็ไปหากรรมการสอบชุดใหม่เองก็แล้วกัน
สำหรับผู้ที่พึ่งจะมาเห็นบันทึกฉบับนี้ (อาจจะโดยเปิดเข้าดูเอง หรือมาตามที่ผมแจ้งไว้ในวิทยานิพนธ์ที่ส่งกลับคืนไปว่าให้มาอ่าน) ก็ขอแจ้งให้ทราบว่าก่อนหน้านี้ได้เคยกล่าวถึงเรื่องทั่วไปในการเขียนเอาไว้บ้างแล้วใน
MO Memoir 2551 Saturday 20 September 2551 การเขียนเอกสารอ้างอิง
MO Memoir 2552 Friday 6 February 2552 การเขียนวิทยานิพนธ์
MO Memoir 2552 Friday 3 April 2552 ทำให้เรียบร้อย
ซึ่งผู้ที่ต้องการให้ผมเป็นกรรมการสอบ (สำคัญมากเพราะจะไม่ทำให้กรรมการสอบอารมณ์เสียก่อนเข้าห้องสอบ) หรือผู้ที่ต้องมาแก้ไขเพื่อให้ผมตรวจใหม่นั้น กรุณาอ่านและทำตามด้วย จะเป็นประโยชน์แก่กันทั้งสองฝ่าย
ที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่ใช่รูปแบบที่ "ต้องทำ" แต่เป็นรูปแบบที่ "ควรทำ" หรือเป็นสิ่งที่ "ต้อง" ตรวจทาน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกว่าผู้เขียนวิทยานิพนธ์นั้นมีความพิถีพิถันและความตั้งใจในการทำงาน ไม่ได้ทำแบบขอไปทีโดยนึกว่ากรรมการสอบนั้นเป็นเพียงแค่ตรายาง คือคิดว่ายังไงก็ต้องผ่านเพราะว่าได้เป็น (แค่) ลูกมือทำผลแลปให้อาจารย์เอาไปเขียน paper แล้ว อาจารย์ที่ปรึกษาก็ต้องให้จบอยู่ดี (ทำนองว่ายื่นหมูยื่นแมวนั่นแหละ) โดยที่ตัวเองไม่ต้องไปสนหรือรู้ว่าได้ทำอะไรลงไป เรื่องแบบนี้ผมเจอบ่อยจนถึงกับปฏิเสธไม่ขอเป็นกรรมการสอบของนิสิตของอาจารย์หลายราย
๑. การเว้นบรรทัดระหว่างหัวข้อกับย่อหน้าแรกใต้หัวข้อ และการเว้นวรรคระหว่างเลขหัวข้อกับชื่อหัวข้อ
ในวิทยานิพนธ์นั้นมักจะมีหัวข้อต่าง ๆ อยู่หลายหัวข้อ ภายใต้หัวข้อเหล่านั้นก็จะเป็นคำบรรยาย สิ่งที่ต้องทำคือตรวจสอบว่ารูปแบบที่คุณใช้นั้น พอขึ้นหัวข้อใหม่แล้ว ก่อนที่จะขึ้นย่อหน้าแรกคุณมีการเว้นบรรทัดหรือไม่ ถ้าคิดจะเว้น ๑ บรรทัดก็ทำให้ตลอดทั้งเล่ม ถ้าจะไม่เว้นก็ทำให้เหมือนกันทั้งเล่ม และทุกบทก็เหมือนกันด้วย ตัวอย่างเช่น
๓.๒ ชื่อหัวข้อเรื่อง ........
เนื้อหาในเรื่องนี้มีอยู่ว่า ...........
ซึ่งตรงนี้มีการเว้นบรรทัด แต่พออ่านไปกลับไปเจอ
๔.๑ ชื่อหัวข้อเรื่อง ...........
เนื้อหาในเรื่องนี้มีอยู่ว่า ............
กลับกลายเป็นว่าไม่เว้นบรรทัดระหว่างหัวข้อกับย่อหน้าแรก
นอกจากนี้ยังเคาะวรรคไม่เท่ากันอีก กล่าวคือระหว่างเลข ๓.๒ กับชื่อหัวข้อมีการเคาะวรรค ๒ วรรค แต่ระหว่างเลข ๔.๑ กับชื่อหัวข้อมีการเคาะวรรคแค่วรรคเดียว จะทำแบบใดก็เลือกเอาแบบหนึ่งให้เหมือนกันทั้งเล่ม
๒. ไม่ยอมตรวจหาคำที่พิมพ์ผิด
ที่แปลกใจก็คือวิทยานิพนธ์ที่ผมกำลังจะสอบในวันจันทร์พรุ่งนี้มีที่พิมพ์ผิดเยอะมาก ทั้ง ๆ ที่คำที่พิมพ์ผิดเหล่านี้ตัวโปรแกรมที่ใช้พิมพ์ (ซึ่งเชื่อว่าเกือบทุกคนคงใช้ Microsoft Office และมีส่วนน้อยที่ใช้ Latex) นั้นสามารถตรวจพบได้ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมใช้มันตรวจ หรือว่าไม่ได้สนใจว่ามันบอกว่าพิมพ์ผิด ที่ผมยังสงสัยคือทำไมโปรแกรม Open Office ที่ผมใช้พิมพ์ Memoir นี้มันไม่แสดงคำที่พิมพ์ผิด ทั้ง ๆ ที่ผมตั้งค่าเอาไว้ให้มันตรวจหาคำพิมพ์ผิดระหว่างพิมพ์เอาไว้ด้วย
สักสิบกว่าปีที่แล้วผมก็เคยเจอแบบนี้ พอถามนิสิตกลับไปว่าทำไมถึงไม่ใช้โปรแกรมแก้ไขคำที่พิมพ์ผิด เขาก็ตอบกลับมาว่ามันมีเยอะมากและเสียเวลาแก้ไขมาก ผมก็เลยถามกลับไปว่าแล้วคุณคิดว่าเวลาของกรรมการสอบนั้นมันไม่มีค่าหรือไง ในการที่ต้องมานั่งอ่านและตรวจแก้ไขคำที่พิมพ์ผิดให้คุณ ทั้ง ๆ ที่คุณใช้โปรแกรมตรวจหาในไฟล์ของคุณจะง่ายกว่าและเสียเวลาน้อยกว่ามาก
อีกรายหนึ่ง (แลปเดียวกับพวกเรา แต่อยู่คนละกลุ่มกัน) ที่อยู่ในรุ่นเดียวกับคนในย่อหน้าข้างบนก็มาอีกแบบหนึ่ง คือเขาไม่ยอมไปตรวจหาเอง ใช้วิธีการแก้ไขเฉพาะที่กรรมการตรวจเจอเท่านั้น (แต่กรรมการบอกไว้ชัดเจนว่าให้ไปตรวจดูทั้งเล่มใหม่หมดด้วย ไม่ใช่ตรวจแก้เฉพาะตรงที่กรรมการวงแดงเอาไว้) โดยคิดว่ากรรมการคงไม่ตรวจเพิ่มอีก งานนี้ผมก็เลยยังไม่ยอมลงชื่อในฉบับสมบูรณ์ ส่งกลับไปให้แก้ไขจนกระทั่งวันสุดท้ายของการส่ง ก็ยังพบว่ามีที่ผิดที่เขายังไม่ไปแก้ไขอีก ตอนที่เขามาหาผมที่ห้องทำงานพร้อมกับเพื่อนของเขอเพื่อขอให้ผมลงชื่อนั้น เขาก็สัญญาว่าขอให้อาจารย์ลงชื่อให้เขาส่งงานให้ได้ก่อน เพราะวันนี้วันสุดท้ายแล้ว แล้วเขาจะแก้ไขให้ พอผมลงชื่อในเอกสารและยื่นส่งคืนให้เขา พอเขารับเอกสารไปเรียบร้อยเขาก็พูดต่อหน้าผมและเพื่อนของเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ว่า "แล้วอาจารย์คิดหรือว่าหนูจะกลับมาให้เห็นอีก" ผมฟังแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปและไม่ได้เล่าให้อาจารย์ท่านใดฟัง
ปรากฏว่าเขาไปได้งานเป็นอาจารย์ที่สถาบันแห่งหนึ่ง บังเอิญว่าทางสถาบันนั้นมีทุนให้อาจารย์ที่ยังไม่จบระดับปริญญาเอกให้เรียนต่อปริญญาเอกในประเทศ เขาก็สมัครมาเรียนที่เดิมโดยขอกลับมาเรียนกับอาจารย์ที่ปรึกษาคนเดิมของเขา บังเอิญว่าอดีตอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมเพื่อวางตัวอาจารย์ผู้สอนและผู้ดูแล งานนี้ผมเลยขอปฏิเสธพร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟัง ส่วนท่านอื่นจะตัดสินใจอย่างไรนั้นผมไม่มีความเห็นและไม่ขอออกความเห็นใด ๆ ทั้งสิ้น
สุดท้ายได้ยินมาว่าเขาได้ทุนไปเรียนต่อเอกต่างประเทศ และในขณะนี้จบการศึกษาและกลับมาทำงานเป็นอาจารย์ได้หลายปีแล้ว
๓. เคาะวรรคไม่สม่ำเสมอ
อันนี้เจอเป็นประจำกับพวกที่เขียนวิทยานิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษ คือแต่ละคำในแต่ละประโยคนั้นเคาะวรรคไม่สม่ำเสมอ บางทีก็เคาะวรรค ๑ วรรค บางทีก็ ๒ วรรค ตอนที่ผมเรียนพิมพ์ดีดนั้น ครูผู้สอนก็ย้ำเสมอว่าเพื่อให้งานออกมาดูสวยงาม ระยะระหว่างคำในแต่ละประโยคให้เว้น 1 วรรค ส่วนระยะระหว่างประโยค (หลังจุด full stop จนถึงอักษรตัวแรกของประโยคถัดไป) ให้เว้น ๒ วรรค
แต่พอมาใช้คอมพิวเตอร์นั้น ผมก็ยังใช้เกณฑ์นี้อยู่ อาจมียกเว้นบ้างในกรณีที่ใช้การกั้นหน้าสม่ำเสมอซ้าย-ขวา ถ้าพบว่าการเว้นวรรค ๒ วรรคระหว่างประโยคนั้นทำให้การตัดประโยคขึ้นบรรทัดใหม่นั้นดูไม่สวยงาม ก็อาจมีการเปลี่ยนเป็น ๑ วรรคหรือเป็น ๓ วรรคระหว่างประโยค แต่ก็เป็นการกระทำเพียงบางจุดเท่านั้น ไม่ใช่เอาแน่เอานอนไม่ได้
คำที่อยู่หน้าเครื่องหมาย "," บางทีก็ไม่เคาะวรรค เช่น
....... for example, .....
แต่บางทีก็เคาะวรรค เช่น
....... for example , .....
โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแบบแรก (ที่ไม่เคาะวรรค) มากกว่า
๔ เล็กบ้าง-ใหญ่บ้าง เต็มบ้าง-ย่อบ้าง
ที่พบเป็นประจำคือคำว่า table และ figure ที่อยู่ในประโยคและไม่ได้เป็นคำแรกของประโยค
กล่าวคือจะเขียนแบบ ..... as shown in figure ...... (ตัวเล็ก) หรือ ..... as shown in Figure ..... (ตัวใหญ่) ก็เลือกเอาแบบใดแบบหนึ่ง
อีกแบบคือ ..... as shown in figure ..... (แบบไม่ย่อ) หรือ ..... as shown in fig. ..... (แบบย่อ แต่อย่างลืมใส่จุด (.) ด้วยนะ) ก็เลือกเอาแบบใดแบบหนึ่ง
อีกอันหนึ่งที่เจอก็คือไม่เติม "s" เมื่อมีมากกว่า 1 กล่าวคือ
ถ้าเป็นรูปเดียวเช่น ..... as shown in figure 4.4 .... ก็ไม่ต้องเติม s
แต่ถ้ามีสองรูปเช่น ..... as shown in figures 4.4 and 4.5 ต้องเติม s ท้ายคำ figure
และถ้ามีมากกว่าสองรูปเช่น ..... as shown in figures 4.4 - 4.7 ก็ต้องมี s และใช้เครื่องหมาย hyphen (-) คั่นระหว่างรูปแรกและรูปสุดท้ายได้เลย ไม่ใช่เขียนเป็น ..... as shown in figure 4.4, 4.5, 4.6, and 4.7 ...
คำว่า Figure x.x ที่กำกับรูปหรือคำว่า Table x.x ที่กำกับตาราง ควรใช้ตัวพิมพ์เข้ม เพื่อเน้นให้เด่นจากข้อความปรกติและตัวคำบรรยายรูปภาพหรือตาราง เช่น
Figure 4.4 Flow diagram of ....
Table 4.1 Parameters ....
และควรมีการเว้น ๑ บรรทัดระหว่างข้อความกับรูปภาพหรือตารางด้วย โดยชื่อรูปควรอยู่ใต้รูป และชื่อตารางควรอยู่เหนือตาราง
๕. ย่อหน้าไม่สม่ำเสมอ
บางคนนั้นเวลาที่มีหัวข้อย่อย ก็จะทำการย่อหน้าลึกเข้าไปทางขวาเรื่อย ๆ ตัวอย่างเช่น
xxxxx5.1 Effects of .....
xxxxxเนื้อหาหัวข้อ 5.1
xxxxxxxxxx5.1.1 Effects of .....
xxxxxxxxxxเนื้อหาหัวข้อ 5.1.1 .....
แต่บางคนก็จะคงระยะย่อหน้าไว้คงที่เสมอ เช่น
xxxxx5.1 Effects of .....
xxxxxเนื้อหาหัวข้อ 5.1
xxxxx5.1.1 Effects of .....
xxxxxเนื้อหาหัวข้อ 5.1.1 .....
เรื่องการย่อหน้าเข้ามานี้ บางที่ก็มีระเบียบบังคับไว้เลยว่าถ้าเป็นหัวข้อย่อยก็ให้ถอยลึกเข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้บางรายที่มีหัวข้อย่อหลายหัวข้อต้องย่อหน้าเข้ามากว่าครึ่งหน้า (เห็นแล้วดูไม่ได้เลย ไม่รู้คนคิดระเบียบนั้นคิดได้อย่างไร) ถ้าไม่มีระเบียบการเขียนกำหนดไว้ ก็ให้เลือกเอาแบบใดแบบหนึ่งให้เหมือนกันทั้งเล่ม
๖. มีจุด full stop ปิดท้ายด้วย
เป็นเรื่องประจำที่พบว่าผู้ที่เขียนวิทยานิพนธ์นั้นลืมใส่จุด full stop (.) ไว้ที่ท้ายประโยค จุดหนึ่งที่เห็นลืมกันมากที่สุดคือในส่วนเอกสารอ้างอิงที่เป็นฉบับภาษาอังกฤษ ที่ต้องมีจุด full stop ปิดท้ายด้วย และที่ชื่อรูปภาพและชื่อตารางด้วย
๗. ไม่ยอมเคาะวรรค
ระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ ระหว่างคำกับตัวเลข ระหว่าง คำ/ตัวเลขกับเครื่องหมายเปิดวงเล็บ หรือระหว่างเครื่องหมายปิดวงเล็บกับคำ/ตัวเลข ควรมีการเว้นวรรค 1 วรรคเพื่อให้ข้อความดูสวยงามและอ่านง่าย เช่น
รูปที่๓.๒แสดงให้เห็นว่า ..... ให้เขียนเป็น รูปที่ ๓.๒ แสดงให้เห็นว่า ..... (มีวรรค 1 วรรคอยู่หน้าเลข ๓ และหลังเลข ๒)
Figure4.1 shows that ...... ให้เขียนเป็น Figure 4.1 shows that ..... (มีวรรค 1 วรรคอยู่หน้าเลข 4)
ข้อมูล(ซึ่งได้มา ...... นั้น)แสดงให้เห็นว่า..... ให้เขียนเป็น ข้อมูล (ซึ่งได้มา ...... นั้น) แสดงให้เห็นว่า..... (มีวรรค 1 วรรคอยู่หน้าเครื่องหมายเปิดวงเล็บและหลังเครื่องหมายปิดวงเล็บ)
๘. คำอธิบายสัญลักษณ์
สำหรับงานที่มีสมการคณิตศาสตร์มากนั้น ควรมีการรวบรวมสัญลักษณะต่าง ๆ มาอธิบายไว้ข้างหน้า โดยต้องเรียงลำดับสัญลักษณ์ต่าง ๆ ตามตัวอักษรจาก A-Z ต่อจากนั้นจึงเป็นคำอธิบาย superscript และ subscript และตามด้วยคำอธิบายอักษร Greek ไม่ใช่ใส่เอาแบบตามใจชอบแล้วให้คนอ่านไปหาเอาเองว่าซ่อนไว้ตรงไหน
และควรระบุด้วยว่าตัวแปรแต่ละตัวมีหน่วยเป็นอะไรหรือเป็นตัวแปรที่ไม่มีหน่วย หน่วยบางหน่วยนั้นสามารถเขียนแบบกลาง ๆ ได้ เช่นพื้นที่ผิวภายนอกต่อหน่วยปริมาตร อาจเขียนเป็น m2/m3 หรือ l2/l3 (ความยาวกำลัง 2 ต่อความยาวกำลัง 3 เมื่อ l คือความยาว) ก็ได้
๙. ตกลงว่าจะพิมพ์สีหรือขาวดำ
ปัญหานี้พบประจำเวลาที่ทำรูปกราฟต่าง ๆ บนคอมพิวเตอร์ชอบที่จะทำเป็นรูปสี แต่ตอนพิมพ์วิทยานิพนธ์กลับใช้เครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ได้แต่สีดำ ผลที่ตามมาคือไม่สามารถอ่านภาพได้ เส้นที่เป็นสีอ่อนจะหายไป เส้นที่เป็นสีเข้มจะดูเหมือนกันหมด หรือรูปที่เป็นการแรเงาไล่สีจะดูออกมาดำไปหมด
ดังนั้นถ้าคิดจะใช้เครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ได้แต่สีดำ การสร้างกราฟหรือรูปภาพต่าง ๆ บนคอมพิวเตอร์ก็ควรจะทำให้เป็นสีดำ (หรือภาพขาว-ดำ) ซึ่งจะทำให้เห็นก่อนว่าถ้าพิมพ์ออกมาแล้วจะอ่านได้หรือเปล่า
อนึ่งพึงระลึกว่าข้อความเรื่องการจัดรูปแบบใน memoir นี้เขียนโดยใช้โปรแกรม OpenOffice แต่เมื่อนำไปลงใน blog แล้วอาจมีรูปแบบที่เพี้ยนไปได้ (เนื่องจากตัว blog เองไม่ได้มีฟังก์ชันให้จัดรูปแบบได้เหมือนโปรแกรมพิมพ์งานทั่วไป)
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552
การเขียนเอกสารอ้างอิง MO Memoir : วันเสาร์ที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๑
ปัญหาหนึ่งที่พบประจำไม่ว่าจะเป็นการเขียนโครงร่างหรือตัววิทยานิพนธ์เองคือการเขียนเอกสารอ้างอิง วิธีการเขียนหลัก ๆ ที่ใช้กันมีอยู่
ในการอ้างอิงโดยใช้ตัวเลขกำกับนั้น ต้องเรียงลำดับตัวเลขจากเอกสารอ้างอิงฉบับแรก โดยให้เป็นเลข (1) ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสิ้นสุด ตัวเลขต้องไม่กระโดดไปมา ไม่ใช่ว่าเอกสารอ้างอิงฉบับแรกโผล่มาก็เป็นเลข (7) หรืออ้างอิงจาก (1) ไปเรื่อย ๆ จนถึง (6) แล้วก็กระโดดไปเป็น (12) ก็ไม่ถูก การอ้างอิงแบบใช้ตัวเลขเหมาะสำหรับกรณีที่มีเอกสารอ้างอิงเป็นจำนวนมาก เพราะจะทำให้ไม่ยืดยาว เช่นเราต้องการบอกว่า
Several previous works ([12]-[20]) have reported that ...
การอ้างอิงโดยใช้ตัวเลขยังมีข้อเสียข้อหนึ่งตรงที่ถ้าหากมีการเพิ่มเติมเอกสารอ้างอิงเข้าไป จะต้องทำการเรียงลำดับเอกสารและเปลี่ยนตัวเลขในเนื้อหาใหม่หมด ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงต้องตรวจข้อความกันใหม่ทั้งฉบับ ในปัจจุบันแม้ว่าตัวซอร์ฟแวร์จะช่วยได้โดยการสร้างลิงค์ระหว่างแฟ้มที่เป็นเนื้อหากับแฟ้มที่เป็นเอกสารอ้างอิง วิธีการดังกล่าวทำงานได้ดีเมื่อแฟ้มข้อมูลทั้งหมดอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเท่านั้น แต่จะเกิดปัญหาเมื่อต้องการทำแฟ้มข้อมูลสำรองเอาไว้หรือเอาไปใช้กับเครื่องอื่นทำการย้ายข้อมูลไปบนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เพราะเกิดปัญหาตำแหน่งที่อยู่ของแฟ้มอยู่ไม่ตรงกัน ทำให้โปรแกรมหาไม่เจอ
ดังนั้นเพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายแฟ้มข้อมูลไปเก็บสำรองหรือนำไปอ่านเครื่องอื่นได้ จึงควรให้แต่ละแฟ้มข้อมูลมีความสมบูรณ์ในตัวเอง และหลีกเลี่ยงการลิงค์แฟ้มข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกัน (เช่นลิงค์กราฟจาก Excel เข้ากับแฟ้มข้อมูล Word เพราะตอนทำเห็นว่าสะดวกดี เพียงแต่แก้แฟ้ม Excel รูปภาพใน Word ก็เปลี่ยนตาม แต่พอเก็บข้อมูลสำรองลงแผ่นซีดีแล้วเปิดแฟ้ม Word ดูกลับพบว่ารูปภาพหายไป เพราะตำแหน่งแฟ้มข้อมูล Excel บนเครื่องที่สร้างแฟ้มข้อมูลกับเครื่องที่นำมาเปิดดูไม่เหมือนกัน และไม่สามารถตามต่อได้ว่าอยากดูรูปต้องไปดูที่ไหน ทางที่ดีคือคัดลอกรูปกราฟมาเป็นรูปภาพวางในแฟ้ม Word เลย)
ลองดูตัวอย่างข้างล่าง ถ้าเขียนอ้างอิงโดยใช้เลขหมายกำกับแล้ว จะหลีกเลี่ยงการเขียนที่มีการเอ่ยถึงชื่อผู้แต่งควรเขียนในทำนอง เช่น
TS-1 samples of different particle size have been synthesized and investigated [3]. It was found that smaller particles were more active than larger particles. (เมื่อ [3] คือเอกสารอ้างอิงของผลการทดลองดังกล่าว)
ในขณะที่ถ้าเขียนแบบอ้างอิงโดยใช้ชื่อผู้แต่งจะเขียนในทำนอง
Van der Pol et al. (1992) synthesized and investigated TS-1 samples of different particle size. Smaller particles were more active than larger particles.
แต่อย่าเขียนผสมคือ
Van der Pol et al. [3] synthesized and investigated TS-1 samples of different particle size. Smaller particles were more active than larger particles
ซึ่งเป็นรูปแบบการเขียนที่ไม่ถูกต้อง
การอ้างอิงโดยใช้ชื่อผู้แต่งและปีที่ตีพิมพ์นั้น ถ้ามีผู้แต่งคนเดียวก็จะเขียนชื่อผู้แต่งและปีที่พิมพ์กำกับ และถ้ามีผู้แต่งสองคนก็จะเขียนทั้งสองคน เช่น
Gao, X., and Xu, J. (2006). A new application of clay-supported vanadium oxide catalyst to selective hydroxylation of benzene to phenol. Applied Clay Science, 33(1), 1-6
จะย่อเป็น Gao and Xu (2006) และที่สำคัญคือจะเอามาแต่นามสกุลเท่านั้น ไม่มีการนำชื่อย่อ (ในที่นี้คือ X. และ J. มาด้วย ดังนั้นจะไม่เขียนเป็น Gao, X. and Xu, J. (2006) ซึ่งเป็นการเขียนที่ผิด
แต่ถ้ามีผู้แต่ตั้งแต่สามคนขึ้นไป จะเขียนเฉพาะคนแรกเท่านั้น และตามด้วย et al. (ปีค.ศ.) เช่น
Imre, B., Halasz, J., Frey, K., Varga, K. and Kiricsi,
จะย่อเป็น Imre et al. (2001)
อีกจุดหนึ่งที่เป็นปัญหาคือในกรณีที่มีการอ้างอิงไปยังผู้แต่งเดียวกันที่มีผลงานตีพิมพ์ในปีเดียวกัน (หรือเป็นผู้แต่งสองคนที่ชื่อซ้ำกันและมีผลงานตีพิมพ์ในปีเดียวกัน) ถ้าหากเขียนอ้างอิงแล้วออกมาเหมือนกัน ก็จะต้องมีอักษร a b กำกับตรงปีค.ศ. เอาไว้ ตัวอย่างเช่น
Mongkhonsi, T., Pimanmas, P., and Praserthdam, P., ........, (2000):968-969.
Mongkhonsi, T., Youngwanishsate, W., Kittikerdkulchai, S. and Praserthdam, P., ....... (2000):183-186.
ซึ่งทั้งสองฉบับเมื่อเขียนย่อจะเป็น Mongkhonsi et al. (2000) เหมือนกัน ต้องแก้ไขใหม่โดยเขียนในรูปแบบ
Mongkhonsi, T., Pimanmas, P., and Praserthdam, P., ........, (2000a):968-969.
Mongkhonsi, T., Youngwanishsate, W., Kittikerdkulchai, S. and Praserthdam, P., ....... (2000b):183-186.
และผลงานฉบับแรกจะย่อเป็น Mongkhonsi et al. (2000a) ส่วนฉบับที่สองจะเป็น Mongkhonsi (2000b)
แต่ถ้าเป็นลักษณะที่ย่อออกมาแล้วไม่เหมือนกัน ก็จะไม่มีการใส่ตัวอักษร a b เช่น
Kumar, R., and Bhaumik, A. ....... , (1999) 497-504.
Kumar, R., Mukherjee, P., and Bhaumik, A. ....... , (1999) 185-191.
โดยผลงานฉบับแรกจะเขียนย่อเป็น Kumar and Bhaumik (1999) ส่วนฉบับที่สองเมื่อเขียนย่อจะมีรูปแบบเป็น Kumar et al. (1999) ซึ่งแตกต่างกัน ทำให้ไม่ต้องมีการใส่ตัวอักษรกำกับปีค.ศ.
และเมื่อใช้การอ้างอิงในรูปแบบการใช้ชื่อผู้แต่งแล้ว ลำดับการเรียบเอกสารอ้างอิงต้องทำตามลำดับตัวอักษรจาก A-Z โดยพิจารณาเฉพาะผู้แต่งคนแรกเท่านั้น (จะว่าไปแล้วคือนามสกุลนั่นเอง ที่มีปัญหาคือบางฉบับใช้ชื่อย่อกับนามสกุล แต่บางฉบับเขียนทั้งชื่อเต็มและนามสกุล ประเภทหลังนี้เวลาจะจัดเรียงต้องเอานามสกุลมาจัดเรียง ไม่ใช่เอาชื่อมาจัดเรียง) และถ้าชื่อผู้แต่งมีการซ้ำซ้อนกันให้เอาฉบับที่เก่ากว่าขึ้นนำก่อน ตามด้วยฉบับที่ใหม่กว่าเรียงไปเรื่อย ๆ
อีกประเภทหนึ่งคือการอ้างอิงบทความที่ 1 ที่ถูกอ้างอิงในบทความที่ 2 (กล่าวคือเราอ่านบทความที่ 2 โดยเขาอ้างอิงไปยังบทความที่ (1) โดยที่เราไม่ได้ตามไปอ่านบทความที่ (1)) ในกรณีนี้ก็ต้องมีการบอกเอาไว้ด้วย เช่น
Mongkhonsi et al. (1998) (in Yang et al. (2002)) has found that .....
หมายความว่าคุณอ่านบทความของ Yang et al. (2002) โดยพบการอ้างอิงบทความของ Mongkhonsi et al. (1998) ไว้ในบทความของ Yang et al. (2002) โดยที่คุณไม่ได้ตามไปอ่านบทความของ Mongkhonsi et al. (1998) แต่อยากยกมาอ้างอิงเอาไว้ด้วย
สำหรับผู้ที่เริ่มหัดเขียนนั้นมักจะพบว่าการใช้รูปแบบชื่อผู้แต่งจะทำให้เขียนได้ง่ายกว่า เพราะการใช้ตัวเลขนั้นมักต้องอ่านบทความนั้นอย่างละเอียดและเข้าใจ จึงจะย่อบทความได้ถูกต้อง ไม่เหมือนกับการใช้ชื่อผู้แต่ง เพราะบ่อยครั้งที่พบว่ายกเอาบทคัดย่อของบทความนั้นมาดัดแปลงแก้ไขเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ตัวเร่งปฏิกิริยาและการทดสอบ
- การกำจัดสีเมทิลีนบลู
- การคำนวณพื้นที่ผิวแบบ Single point BET
- การคำนวณพื้นที่ผิวแบบ Single point BET ตอนที่ ๒ ผลกระทบจากความเข้มข้นไนโตรเจนที่ใช้
- การจำแนกตำแหน่งที่เป็นกรด Brönsted และ Lewis บนพื้นผิวของแข็งด้วยเทคนิค Infrared spectroscopy และ Adsorbed probe molecules
- การจำแนกตำแหน่งที่เป็นเบส Brönsted และ Lewis บนพื้นผิวของแข็งด้วยเทคนิค Infrared spectroscopy และ Adsorbed probe molecules
- การใช้ข้อต่อสามทางผสมแก๊ส
- การใช้ Avicel PH-101 เป็น catalyst support
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๑ ขั้นตอนของการเกิดปฏิกิริยาบนตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๒ การดูดซับบนพื้นผิวของแข็ง
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๓ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Freundlich
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๔ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Langmuir
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๕ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Temkin
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๖ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ BET
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๗ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๘ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET (๒)
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๙ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET (๓)
- การเตรียมตัวอย่างตัวเร่งปฏิกิริยาแบบผงให้เป็นแผ่นบาง
- การทดสอบตัวเร่งปฏิกิริยา - ผลแตกต่างหรือไม่แตกต่าง
- การทำปฏิกิริยา ๓ เฟสใน stirred reactor
- การบรรจุ inert material ใน fixed-bed
- การปรับ WHSV
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๑ ผลของความหนาแน่นที่แตกต่าง
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๒ ขนาดของ magnetic bar กับเส้นผ่านศูนย์กลางภาชนะ
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๓ ผลของรูปร่างภาชนะ
- การผสมแก๊สอัตราการไหลต่ำเข้ากับแก๊สอัตราการไหลสูง
- การระบุชนิดโลหะออกไซด์
- การลาก smooth line เชื่อมจุด
- การเลือกค่า WHSV (Weight Hourly Space Velocity) สำหรับการทดลอง
- การวัดความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง (อีกครั้ง)
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC (๒)
- การวัดพื้นที่ผิว BET
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๑)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๒)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๓)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๔)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๕)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๖)
- การไหลผ่าน Straightening vane และโมโนลิท (Monolith)
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๕๗ ตอนที่ ๑
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๕๗ ตอนที่ ๒
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๖๘
- ข้อควรระวังเมื่อใช้ออกซิเจนความเข้มข้นสูง
- ข้อพึงระวังในการแปลผลการทดลอง
- ค่า signal to noise ratio ที่ต่ำที่สุด
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๑ Volcano principle
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๒ แบบจำลอง Langmuir
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๓ แบบจำลอง Langmuir-Hinshelwood
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๔ แบบจำลอง Eley-Rideal
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๕ แบบจำลอง REDOX
- ตอบคำถามเรื่องการเตรียมตัวเร่งปฏิกิริยา
- ตัวเลขมันสวย แต่เชื่อไม่ได้
- ตัวเลขไม่ได้ผิดหรอก คุณเข้าใจนิยามไม่สมบูรณ์ต่างหาก
- ตัวไหนดีกว่ากัน (Catalyst)
- แต่ละจุดควรต่างกันเท่าใด
- ท่อแก๊สระบบ acetylene hydrogenation
- น้ำหนักหายได้อย่างไร
- ปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนและการแทนที่ไฮโดรเจนของอะเซทิลีน
- ปฏิกิริยาอันดับ 1 หรือปฏิกิริยาอันดับ 2
- ปฏิกิริยาเอกพันธ์และปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ในเบดนิ่ง
- ปั๊มสูบไนโตรเจนเหลวจากถังเก็บ
- ผลของแก๊สเฉื่อยต่อการเกิดปฏิกิริยา
- เผาในเตาแบบไหนดี (Calcination)
- พลังงานกระตุ้นกับปฏิกิริยาคายความร้อนในเครื่องปฏิกรณ์เบดนิ่ง
- เมื่อแก๊สรั่วที่ rotameter
- เมื่อพีคออกซิเจนของระบบ DeNOx หายไป
- เมื่อเส้น Desorption isotherm ต่ำกว่าเส้น Adsorption isotherm
- เมื่อ base line เครื่อง chemisorb ไม่นิ่ง
- เมื่อ Mass Flow Controller คุมการไหลไม่ได้
- เรื่องของสุญญากาศกับ XPS
- สแกนกี่รอบดี
- สมดุลความร้อนรอบ Laboratory scale fixed-bed reactor
- สรุปการประชุมวันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๓
- เส้น Cu Kα มี ๒ เส้น
- เห็นอะไรไม่สมเหตุสมผลไหมครับ
- อย่าลืมดูแกน Y
- อย่าให้ค่า R-squared (Coefficient of Determination) หลอกคุณได้
- อุณหภูมิกับการไหลของแก๊สผ่าน fixed-bed
- อุณหภูมิและการดูดซับ
- BET Adsorption-Desorption Isotherm Type I และ Type IV
- ChemiSorb 2750 : การเตรียมตัวอย่างเพื่อการวัดพื้นที่ผิว BET
- ChemiSorb 2750 : การวัดพื้นที่ผิวแบบ Single point BET
- ChemiSorb 2750 : ผลของอัตราการไหลต่อความแรงสัญญาณ
- Distribution functions
- Electron Spin Resonance (ESR)
- GHSV หรือ WHSV
- in situ กับ operando
- Ion-induced reduction ขณะทำการวิเคราะห์ด้วย XPS
- MO ตอบคำถาม การทดลอง gas phase reaction ใน fixed-bed
- MO ตอบคำถาม การวัดความเป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็ง
- Monolayer หรือความหนาเพียงชั้นอะตอมเดียว
- NH3-TPD - การลาก base line
- NH3-TPD - การลาก base line (๒)
- NH3-TPD - การไล่น้ำและการวาดกราฟข้อมูล
- NH3-TPD ตอน ตัวอย่างผลการวิเคราะห์ ๑
- NH3-TPD ตอน ตัวอย่างผลการวิเคราะห์ ๒
- Physisorption isotherms Type I และ Type IV
- Scherrer's equation
- Scherrer's equation (ตอนที่ 2)
- Scherrer's equation (ตอนที่ ๓)
- Scherrer's equation (ตอนที่ ๔)
- Supported metal catalyst และ Supported metal oxide catalyst
- Temperature programmed reduction ด้วยไฮโดรเจน (H2-TPR)
- Temperature programmed reduction ด้วยไฮโดรเจน (H2-TPR) ภาค ๒
- UV-Vis - peak fitting
- XPS ตอน การแยกพีค Mo และ W
- XPS ตอน จำนวนรอบการสแกน
- XRD - peak fitting
คณิตศาสตร์สำหรับวิศวกรรมเคมี
- การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญปัญหาเงื่อนไขค่าเริ่มต้นด้วยระเบียบวิธี Bogacki-Shampine และ Predictor-Evaluator-Corrector-Evaluator (PECE)
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๑
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๒
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๓
- การแก้สมการเชิงอนุพันธ์สามัญด้วยการใช้ Integrating factor
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๐)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๑)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๒)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๓)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๒)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๓)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๔)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๕)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๖)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๗)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๘)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๙)
- การคำนวณค่าฟังก์ชันพหุนาม
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๑)
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๒)
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๓)
- การหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร x และ y
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๒)
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๒) (pdf)
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๓)
- ข้อสอบเก่าชุดที่ ๑
- ข้อสอบเก่าชุดที่ ๒
- ค่าคลาดเคลื่อน (error)
- จำนวนที่น้อยที่สุดที่เมื่อบวกกับ 1 แล้วได้ผลลัพธ์ไม่ใช่ 1
- โจทย์ผิดหรือถูกคะ??
- ใช่ว่าคอมพิวเตอร์จะคิดเลขถูกเสมอไป
- ตัวเลขที่เท่ากันแต่ไม่เท่ากัน
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธีนิวตัน-ราฟสัน
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี Müller และ Inverse quadratic interpolation
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี successive iteration
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี successive iteration (pdf)
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วย Function fzero ของ GNU Octave
- ตัวอย่างการคำนวณหาพื้นที่ใต้กราฟ ด้วยระเบียบวิธี Gaussian quadrature
- ตัวอย่างการคำนวณหาพื้นที่ใต้กราฟ ด้วยระเบียบวิธี Gaussian quadrature (pdf)
- ตัวอย่างผลของรูปแบบสมการต่อคำตอบของ ODE-IVP
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๑
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๒
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๓
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๔
- ทบทวนเรื่องการคูณเมทริกซ์
- ทบทวนเรื่อง Taylor's series
- ทศนิยมลงท้ายด้วยเลข 5 จะปัดขึ้นหรือปัดลง
- บทที่ ๑ การคำนวณตัวเลขในระบบทศนิยม
- บทที่ ๒ การแก้ปัญหาระบบสมการพีชคณิตเชิงเส้น
- บทที่ ๓ การแก้ปัญหาระบบสมการพีชคณิตไม่เชิงเส้น
- บทที่ ๔ การประมาณค่าในช่วง
- บทที่ ๕ การหาค่าอนุพันธ์
- บทที่ ๖ การหาค่าอินทิกรัล
- บทที่ ๗ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญ ระบบสมการปัญหาเงื่อนไขค่าเริ่มต้น
- บทที่ ๘ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญ ระบบสมการปัญหาเงื่อนไขค่าขอบเขต
- บทที่ ๙ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์ย่อย
- ปฏิกิริยาคายความร้อนใน CSTR (ตอนที่ ๑)
- ปฏิกิริยาคายความร้อนใน CSTR (ตอนที่ ๒)
- เปรียบเทียบการแก้ปัญหาสมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วย solver ของ GNU Octave
- เปรียบเทียบการแก้ Stiff equation ด้วยระเบียบวิธี Runge-Kutta และ Adam-Bashforth
- เปรียบเทียบระเบียบวิธี Runge-Kutta
- เปรียบเทียบ Gauss elimination ที่มีและไม่มีการทำ Pivoting
- เปรียบเทียบ Gauss elimination ที่มีและไม่มีการทำ Pivoting (Spreadsheet)
- ฟังก์ชันแกมมา (Gamma function) และ ฟังก์ชันเบสเซล (Bessel function)
- เมื่อ 1 ไม่เท่ากับ 0.1 x 10
- ระเบียบวิธี Implicit Euler และ Crank-Nicholson กับ Stiff equation
- เลขฐาน ๑๐ เลขฐาน ๒ จำนวนเต็ม จำนวนจริง
- Distribution functions
- LU decomposition ร่วมกับ Iterative improvement
- LU decomposition ร่วมกับ Iterative improvement (pdf)
- Machine precision กับ Machine accuracy
เคมีสำหรับวิศวกรเคมี
- กรด-เบส : อ่อน-แก่
- กรด-เบส : อะไรควรอยู่ในบิวเรต
- กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4)
- กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4) ตอนที่ ๒
- กราฟการไทเทรตกรดที่ให้โปรตอนได้ ๒ ตัว
- กราฟการไทเทรตกรดที่ให้โปรตอนได้ ๓ ตัว
- กราฟการไทเทรตกรดไฮโปคลอรัส (HOCl)
- กราฟอุณหภูมิการกลั่นของน้ำมันเบนซิน (Gasoline distillation curve)
- กลิ่นกับอันตรายของสารเคมี
- การกำจัดสีเมทิลีนบลู
- การเกิดปฏิกิริยาเคมี
- การเจือจางไฮโดรคาร์บอนในน้ำ
- การใช้ pH probe
- การใช้ Tetraethyl lead นอกเหนือไปจากการเพิ่มเลขออกเทน
- การดูดกลืนคลื่นแสงของแก้ว Pyrex และ Duran
- การดูดกลืนแสงสีแดง
- การเตรียมสารละลายด้วยขวดวัดปริมาตร
- การเตรียมหมู่เอมีนและปฏิกิริยาของหมู่เอมีน (การสังเคราะห์ฟีนิลบิวตาโซน)
- การทำน้ำให้บริสุทธิ์สำหรับห้องปฏิบัติการ
- การทำปฏิกิริยาของโพรพิลีนออกไซด์ (1,2-Propylene oxide) ตอนที่ ๑
- การทำปฏิกิริยาของโพรพิลีนออกไซด์ (1,2-Propylene oxide) ตอนที่ ๒
- การทำปฏิกิริยาของหมู่ Epoxide ในโครงสร้าง Graphene oxide
- การทำปฏิกิริยาต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์
- การเทของเหลวใส่บิวเรต
- การไทเทรต 1,1-Diamino-2,2-dinitroethene (FOX-7)
- การน๊อคของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน และสารเพิ่มเลขออกเทนของน้ำมัน
- การเปลี่ยนพลาสติกเป็นน้ำมัน
- การเปลี่ยนเอทานอล (Ethanol) ไปเป็นอะเซทัลดีไฮด์ (Acetaldehyde)
- การเรียกชื่อสารเคมี
- การลดการระเหยของของเหลว
- การละลายของแก๊สในเฮกเซน (Ethylene polymerisation)
- การละลายเข้าด้วยกันของโมเลกุลมีขั้ว-ไม่มีขั้ว
- การวัดความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง (อีกครั้ง)
- การวัดปริมาณ-ความแรงของตำแหน่งที่เป็นกรดบนพื้นผิว
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC
- การวัดปริมาตรของเหลว
- การหาความเข้มข้นสารละลายมาตรฐานกรด
- การหาจุดสมมูลของการไทเทรตจากกราฟการไทเทรต
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส (ตอนที่ ๒)
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส (ตอนที่ ๓)
- แก๊สมัสตาร์ดกับกลิ่นทุเรียน
- ข้อควรระวังเมื่อใช้ออกซิเจนความเข้มข้นสูง
- คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับงานเคมีวิเคราะห์
- ความกระด้าง (Hardness) ของน้ำกับปริมาณของแข็งทั้งหมด ที่ละลายอยู่ (Total Dissolved Solid - TDS)
- ความดันกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี
- ความเป็นกรดของหมู่ไฮดรอกซิล (Hydroxyl group) ตอนที่ ๑
- ความเป็นกรดของหมู่ไฮดรอกซิล (Hydroxyl group) ตอนที่ ๒
- ความเป็นกรดของอัลฟาไฮโดรเจนอะตอม (alpha-Hydrogen atom) ตอน กรดบาร์บิทูริก (Barbituric acid)
- ความเป็นกรดของอัลฟาไฮโดรเจนอะตอม (alpha-Hydrogen atoms)
- ความเป็นขั้วบวกของอะตอม C และการทำปฏิกิริยาของอีพิคลอโรไฮดริน (epichlorohydrin)
- ความเป็นไอออนิก (Percentage ionic character)
- ความสัมพันธ์ระหว่างสีกับชนิดและปริมาณธาตุ
- ความสำคัญของเคมีวิเคราะห์และเคมีอินทรีย์ในงานวิศวกรรมเคมี
- ความเห็นที่ไม่ลงรอยกับโดเรมี่
- ค้างที่ปลายปิเปตไม่เท่ากัน
- คำตอบของ Cubic equation of state
- จากกลีเซอรอล (glycerol) ไปเป็นอีพิคลอโรไฮดริน (epichlorohydrin)
- จากเบนซาลดีไฮด์ (Benzaldehyde) ไปเป็นกรดเบนซิลิก (Benzilic acid)
- จากโอเลฟินส์ถึงพอลิอีเทอร์ (From olefins to polyethers)
- จาก Acetone เป็น Pinacolone
- จาก Alkanes ไปเป็น Aramids
- จาก Aniline ไปเป็น Methyl orange
- จาก Benzene ไปเป็น Butter yellow
- จาก Hexane ไปเป็น Nylon
- จาก Toluene และ m-Xylene ไปเป็นยาชา
- ดำหรือขาว
- ไดโพรพิลเอมีน (Dipropylamine)
- ตกค้างเพราะเปียกพื้นผิว
- ตอบคำถามแบบแทงกั๊ก
- ตอบคำถามให้ชัดเจนและครอบคลุม
- ตำราสอนการใช้ปิเปตเมื่อ ๓๓ ปีที่แล้ว
- ไตรเอทานอลเอมีน (Triethanolamine)
- ถ่านแก๊ส หินแก๊ส แก๊สก้อน
- ทอดไข่เจียวให้อร่อยต้องใช้น้ำมันหมู
- ทำไมน้ำกระด้างจึงมีฟอง
- ที่แขวนกล้วย
- เท่ากับเท่าไร
- โทลูอีน (Toluene)
- ไทโอนีลคลอไรด์ (Thionyl chloride)
- นานาสาระเคมีวิเคราะห์
- น้ำด่าง น้ำอัลคาไลน์ น้ำดื่ม
- น้ำดื่ม (คิดสักนิดก่อนกดแชร์ เรื่องที่ ๑๑)
- น้ำตาลทราย ซูคราโลส และยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย
- น้ำบริสุทธิ์ (Purified water)
- ไนโตรเจนเป็นแก๊สเฉื่อยหรือไม่
- บีกเกอร์ 250 ml
- แบบทดสอบก่อนเริ่มเรียนวิชาเคมีสำหรับนิสิตวิศวกรรมเคมี
- ปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนและการแทนที่ไฮโดรเจนของอะเซทิลีน (Hydrogenation and replacement of acetylenic hydrogen)
- ปฏิกิริยาการผลิต Vinyl chloride
- ปฏิกิริยาการออกซิไดซ์
- ปฏิกิริยา alpha halogenation และการสังเคราะห์ tertiary amine
- ปฏิกิริยา ammoxidation หมู่เมทิลที่เกาะอยู่กับวงแหวนเบนซีน
- ปฏิกิริยา Benzene alkylation
- ปฏิกิริยา Dehydroxylation
- ปฏิกิริยา Electrophilic substitution ของ m-Xylene
- ปฏิกิริยา Nucleophilic substitution ของสารประกอบ Organic halides
- ประโยชน์ของ Nitric oxide ในทางการแพทย์
- ปัญหาการสร้าง calibration curve ของ ICP
- ปัญหาการหาความเข้มข้นสารละลายกรด
- ปัญหาของไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว
- โป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย
- ผลของค่าพีเอชต่อสีของสารละลายเปอร์แมงกาเนต
- ผลของอุณหภูมิต่อการแทนที่ตำแหน่งที่ 2 บนวงแหวนเบนซีน
- ฝึกงานภาคฤดูร้อน ๒๕๕๓ ตอนที่ ๑ อธิบายศัพท์
- พีคเหมือนกันก็แปลว่ามีหมู่ฟังก์ชันเหมือนกัน
- ฟลูออรีนหายไปไหน
- ฟอสฟอรัสออกซีคลอไรด์ (Phosphorus Oxychloride)
- ฟีนอล แอซีโทน แอสไพริน พาราเซตามอล สิว โรคหัวใจ และงู
- มุมมองที่ถูกจำกัด
- เมทานอลกับเจลล้างมือ
- เมื่อคิดในรูปของ ...
- เมื่อตำรายังพลาดได้ (Free radical polymerisation)
- เมื่อน้ำเพิ่มปริมาตรเองได้
- เมื่อหมู่คาร์บอนิล (carbonyl) ทำปฏิกิริยากันเอง
- รังสีเอ็กซ์
- เรื่องของสไตรีน (คิดสักนิดก่อนกด Share เรื่องที่ ๑)
- แลปการไทเทรตกรด-เบส ภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา ๒๕๖๐
- ศัพท์เทคนิค-เคมีวิเคราะห์
- สรุปคำถาม-ตอบการสอบวันศุกร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๒
- สีหายไม่ได้หมายความว่าสารหาย
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๑)
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๒)
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๓)
- หมู่ทำให้เกิดสี (chromophore) และหมู่เร่งสี (auxochrome)
- หลอกด้วยข้อสอบเก่า
- อะเซทิลีน กลีเซอรีน และไทออล
- อะโรมาติก : การผลิต การใช้ประโยชน์ และปัญหา
- อัลคิลเอมีน (Alkyl amines) และ อัลคิลอัลคานอลเอมีน (Alkyl alkanolamines)
- อีเทอร์กับการเกิดสารประกอบเปอร์ออกไซด์
- อุณหภูมิ อัตราการเกิดปฏิกิริยา สมดุลเคมี
- เอา 2,2-dimethylbutane (neohexane) ไปทำอะไรดี
- เอาเบนซีนกับเอทานอลไปทำอะไรดี
- เอา isopentane ไปทำอะไรดี
- เอา maleic anhydride ไปทำอะไรดี
- เอา pentane ไปทำอะไรดี
- ไอโซเมอร์ (Isomer)
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กับพอลิโพรพิลีน
- Acentric factor
- Aldol condensation กับ Cannizzaro reaction
- Aldol condesation ระหว่าง Benzaldehyde กับ Acetone
- A-Level เคมี ปี ๖๖ ข้อพอลิเอทิลีน
- A-Level เคมี ปี ๖๘ ข้อการแยกสารด้วยการกลั่น
- Beilstein test กับเตาแก๊สที่บ้าน
- Benzaldehyde กับปฏิกิริยา Nitroaldol
- BOD และ COD
- BOD หรือ DO
- Carbocation - การเกิดและเสถียรภาพ
- Carbocation - การทำปฏิกิริยา
- Carbocation ตอนที่ ๓ การจำแนกประเภท-เสถียรภาพ
- Chloropicrin (Trichloronitromethane)
- Compressibility factor กับ Joule-Thomson effect
- Conjugated double bonds กับ Aromaticity
- Cubic centimetre กับ Specific gravity
- Dehydration, Esterification และ Friedle-Crafts Acylation
- Electrophilic addition ของอัลคีน
- Electrophilic addition ของอัลคีน (๒)
- Electrophilic addition ของ conjugated diene
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 1 บนวงแหวนเบนซีน
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 2 บนวงแหวนเบนซีน ตอน ผลของอุณหภูมิการทำปฏิกิริยา
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 3 บนวงแหวนเบนซีน
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 3 บนวงแหวนเบนซีน ตอน การสังเคราะห์ 2,4-Dinitrophenol
- Esterification of hydroxyl group
- Gibbs Free Energy กับการเกิดปฏิกิริยาและการดูดซับ
- Halogenation ของ alkane
- Halogenation ของ alkane (๒)
- HCl ก่อน ตามด้วย H2SO4 แล้วจึงเป็น HNO3
- I2 ในสารละลาย KI กับไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว
- Infrared spectrum interpretation
- Interferometer
- IR spectra ของโทลูอีน (Toluene) เอทิลเบนซีน (Ethylbenzene) โพรพิลเบนซีน (Propylbenzene) และคิวมีน (Cumene)
- IR spectra ของเบนซีน (Benzene) และไซลีน (Xylenes)
- IR spectra ของเพนทีน (Pentenes)
- Kjeldahl nitrogen determination method
- Malayan emergency, สงครามเวียดนาม, Seveso และหัวหิน
- MO ตอบคำถาม การวัดความเป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็ง
- Nucleophile กับ Electrophile
- PAT2 เคมี ปี ๖๕ ข้อการไทเทรตกรดเบส
- Peng-Robinson Equation of State
- Phenol, Ether และ Dioxin
- Phospharic acid กับ Anhydrous phosphoric acid และ Potassium dioxide
- pH Probe
- Picric acid (2,4,6-Trinitrophenol) และ Chloropicrin
- PV diagram กับการอัดแก๊ส
- Pyrophoric substance
- Reactions of hydroxyl group
- Reactions of hydroxyl group (ตอนที่ ๒)
- Redlich-Kwong Equation of State
- Redlich-Kwong Equation of State (ตอนที่ ๒)
- Soave-Redlich-Kwong Equation of State
- Standard x-ray powder diffraction pattern ของ TiO2
- Sulphur monochloride และ Sulphur dichloride
- Thermal cracking - Thermal decomposition
- Thiols, Thioethers และ Dimethyl thioether
- Van der Waals' Equation of State
- Vulcanisation
ประสบการณ์ Gas chromatograph/Chromatogram
- 6 Port sampling valve
- กระดาษความร้อน (thermal paper) มี ๒ หน้า
- การแก้ปัญหา packing ในคอลัมน์ GC อัดตัวแน่น
- การฉีดแก๊สเข้า GC ด้วยวาล์วเก็บตัวอย่าง
- การฉีดตัวอย่างที่เป็นของเหลวด้วย syringe
- การฉีด GC
- การใช้ syringe ฉีดตัวอย่างที่เป็นแก๊ส
- การดึงเศษท่อทองแดงที่หักคา tube fitting ออก
- การตั้งอุณหภูมิคอลัมน์ GC
- การติดตั้ง Integrator ให้กับ GC-8A เพื่อวัด CO2
- การเตรียมคอลัมน์ GC ก่อนการใช้งาน
- การปรับความสูงพีค GC
- การวัดปริมาณไฮโดรเจนด้วย GC-TCD
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับ FPD (ตอนที่ ๒)
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับ FPD (Flame Photometric Detector)
- โครมาโทกราฟแยกสารได้อย่างไร
- ชนิดคอลัมน์ GC
- ตรวจโครมาโทแกรม ก่อนอ่านต้วเลข
- ตัวอย่างการแยกพีค GC ที่ไม่เหมาะสม
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๑
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๒
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๓
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๔
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๕
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๖
- ทำไมพีคจึงลากหาง
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๑
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๒
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๓
- พีคที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับ packing ในคอลัมน์ GC
- พีคประหลาดจากการใช้อากาศน้อยไปหน่อย
- มันไม่เท่ากันนะ
- เมื่อความแรงของพีค GC ลดลง
- เมื่อจุดไฟ FID ไม่ได้
- เมื่อพีค GC หายไป
- เมื่อพีค GC ออกมาผิดเวลา
- เมื่อพีค GC ออกมาผิดเวลา(อีกแล้ว)
- เมื่อพีค HPLC ออกมาผิดเวลา
- เมื่อเพิ่มความดันอากาศให้กับ FID ไม่ได้
- เมื่อ GC ถ่านหมด
- เมื่อ GC มีพีคประหลาด
- ลากให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน
- สัญญาณจาก carrier gas รั่วผ่าน septum
- สารพัดปัญหา GC
- สิ่งปนเปื้อนในน้ำ DI
- สิ่งปนเปื้อนในน้ำ DI (ตอนที่ ๒)
- Chromatograph principles and practices
- Flame Ionisation Detector
- GC-2014 ECD & PDD ตอนที่ ๗ ข้อสังเกตเกี่ยวกับ ECD (Electron Capture Detector)
- GC detector
- GC - peak fitting ตอนที่ ๑ การหาพื้นที่พีคที่เหลื่อมทับ
- GC principle
- LC detector
- LC principle
- MO ตอบคำถาม การแยกพีค GC ด้วยโปรแกรม fityk
- MO ตอบคำถาม สารพัดปัญหาโครมาโทแกรม
- Relative Response Factors (RRF) ของสารอินทรีย์ กับ Flame Ionisation Detector (FID)
- Thermal Conductivity Detector
- Thermal Conductivity Detector ภาค 2
สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items - DUI)
- การก่อการร้ายด้วยแก๊สซาริน (Sarin) ในรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว MO Memoir : Friday 6 September 2567
- การผลิตกรดไนตริกความเข้มข้นสูง
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๐ ฟังก์ชันเข้ารหัสรีโมทเครื่องปรับอากาศ
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๑ License key
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๒ สารเคมี (Chemicals)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๓ ไม่ตรงตามตัวอักษร (สารเคมี)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๔ ไม่ตรงตามตัวอักษร (Heat exchanger)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๕ Sony PlayStation
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๖ เส้นใยคาร์บอน (Carbon fibre)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๗ The Red Team : Centrifugal separator
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๘ The Blue Team : Spray drying equipment
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๙ เครื่องสลายนิ่วในไตด้วยคลื่นกระแทก (Lithotripter)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑ ตัวเก็บประจุ (Capacitor)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๐ เรซินแลกเปลี่ยนไอออน (Ion-exchange resin)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๑ ไม่ตรงตามตัวอักษร (Aluminium tube)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๒ เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า (Defibrillator)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๓ เครื่องยนต์ดีเซล
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๔ มุมมองจากทางด้านเทคนิค
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๕ Printed Circuit Board (PCB)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒ เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๓ เครื่องแปลงความถี่ไฟฟ้า (Frequency Changer)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๔ อุปกรณ์เข้ารหัส (Encoding Device)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๕ Insulated Gate Bipolar Transistor (IGBT)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๖ Toshiba-Kongsberg Incident
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๗ รายงานผลการทดสอบอุปกรณ์
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๘ Drawing อุปกรณ์
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๙ ซอร์ฟแวร์ควบคุมการทำงานอุปกรณ์
- ความลับแตกเพราะทัวร์ผู้นำ (Pressure transducer)
- เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนสำหรับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
- แคลเซียม, แมกนีเซียม และบิสมัท กับการผลิตอาวุธทำลายล้างสูง
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑๐
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑๑
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๒
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๓
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๔
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๕
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๖
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๗
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๘
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๙
- สินค้าที่ไม่ใช่ DUI ที่เป็นสินค้า DUI - ไตรบิวทิลฟอสเฟต (Tributyl phosphate)
- สินค้าที่ไม่ใช่ DUI ที่เป็นสินค้า DUI - Karl Fischer moisture equipment
API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๐)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๓)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๔)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๕)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๖)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๗)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๘)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๙)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๐)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๓)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๔)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๕)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๖)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๗)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๘)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๙)
โน๊ตเพลง
- "กำลังใจ" และ "ถึงเพื่อน"
- "ใกล้รุ่ง" และ "อาทิตย์อับแสง"
- "คนดีไม่มีวันตาย" "หนึ่งในร้อย (A Major) และ "น้ำตาแสงใต้ (A Major)"
- "ความฝันอันสูงสุด" และ "ยามเย็น"
- "จงรัก" และ "ความรักไม่รู้จบ"
- "ฉันยังคอย" และ "ดุจบิดามารดร"
- "ชาวดง" และ "ชุมนุมลูกเสือไทย"
- "ตัดใจไม่ลง" และ "ลาสาวแม่กลอง"
- "เติมใจให้กัน" และ "HOME"
- "แต่ปางก่อน" "ความรักไม่รู้จบ" "ไฟเสน่หา" และ "แสนรัก"
- "ทะเลใจ" "วิมานดิน" และ "เพียงแค่ใจเรารักกัน"
- "ที่สุดของหัวใจ" "รักล้นใจ" และ "รักในซีเมเจอร์"
- "ธรณีกรรแสง" และ "Blowin' in the wind"
- "นางฟ้าจำแลง" "อุษาสวาท" และ "หนี้รัก"
- "แผ่นดินของเรา" และ "แสงเทียน"
- "พรปีใหม่" และ "สายฝน"
- "พี่ชายที่แสนดี" "หลับตา" และ "หากรู้สักนิด"
- เพลงของโรงเรียนเซนต์คาเบรียล
- "มหาจุฬาลงกรณ์" "ยูงทอง" และ "ลาภูพิงค์"
- "ยังจำไว้" "บทเรียนสอนใจ" และ "ความในใจ"
- "ร่มจามจุรี" และ "เงาไม้"
- "ลมหนาว" และ "ชะตาชีวิต"
- "ลองรัก" และ "วอลซ์นาวี"
- "ลาแล้วจามจุรี"
- "วันเวลา" และ "โลกทั้งใบให้นายคนเดียว"
- "วิหคเหินลม" และ "พรานทะเล"
- "สายชล" และ "เธอ"
- "สายใย" และ "ความรัก"
- "สายลม" และ "ไกลกังวล"
- "สายลมเหนือ" และ "เดียวดายกลางสายลม"
- "หน้าที่ทหารเรือ" และ "ทหารพระนเรศวร"
- "หนึ่งในร้อย" และ "น้ำตาแสงใต้"
- "หากันจนเจอ" และ "ลมหายใจของกันและกัน"