แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถไฟบางบัวทอง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถไฟบางบัวทอง แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

สถานีรถไฟชุมทางบางบำหรุ MO Memoir : Monday 6 July 2563

เขียนเรื่องไกลบ้านมาเยอะแล้ว วันนี้มาเขียนเรื่องใกล้บ้านตัวเองบ้าง ถือว่าเป็นการเล่าเรื่องด้วยรูปก็แล้วกัน
 
แรก ๆ ที่ได้รู้จักสถานีนี้ (ก็เกือบสี่สิบปีแล้ว) ก็รู้สึกแปลกอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมมันถึงเป็นชุมทางและมันมีทางแยกไปไหน ทั้ง ๆ ที่สถานีที่อยู่ถัดไปทั้งสองด้านนั้นมันก็เป็นชุมทาง (คือตลิ่งชันที่แยกไปยังสถานีธนบุรี และบางซื่อที่เป็นจุดแยกลงใต้) แถมตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงไม่ง่ายอีก คืออยู่ในถนนดินเล็ก ๆ แยกออกมาจากถนนเทอดพระเกียรติ แต่เป็นสถานีใหญ่ตรงที่มีรางให้รถไฟจอดได้ตั้ง ๖ หรือ ๗ ราง มารู้เอาทีหลังว่าเดิมเป็นชุมทางสำหรับรถไฟขนถ่านหินไปป้อนที่โรงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่เชิงสะพานพระราม ๖ ซึ่งก็คือโรงจักรพระนครเหนือในปัจจุบัน
 
รถไฟขนถ่านหินเลิกวิ่งไปเมื่อใดก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเลิกไปตอนที่เขาเปลี่ยนจากการใช้ถ่านหินมาเป็นน้ำมันเตา (ที่ขนมาทางเรือ - อันนี้คุณหน้าข้างบ้านที่เคยทำงานที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวเล่าให้ฟัง) และเปลี่ยนมาเป็นใช้แก๊สธรรมชาติที่เดินท่อมาตามแนวทางรถไฟสายใต้นี้แทนในปัจจุบัน
 
ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุด สถานีบางบำหรุนี้ก็เป็นจุดตัดของรถไฟสายบางบัวทองของเจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ที่แนวทางรถไฟสายนี้เดิมน่าจะเป็นแนว ซอยสิรินธร ๔ กับถนนเทอดพระเกียรติในปัจจุบัน เดิมสองฝั่งทางรถไฟสายใต้ช่วงนี้ก็ไม่มีอะไร เป็นแค่คูน้ำหญ้าขึ้นรก จนกระทั่งเริ่มมีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าที่มาจากสถานีบางซื่อ (สร้างมาตั้งกว่า ๑๐ ปีแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดใช้เสียที) จากนั้นก็ตามด้วยการสร้างทางด่วนคร่อมทางรถไฟสายใต้ที่เริ่มวางแผนการก่อสร้างหลังน้ำท่วมใหญ่ปี ๒๕๕๔ ทางด่วนมาทีหลัง แต่สร้างเสร็จก่อน และเปิดให้ใช้บริการก่อนด้วย สถานีนี้เดิมรถไฟสายใต้ที่วิ่งทางไกลก็ไม่จอด เพิ่งจะเริ่มมาจอดก็น่าจะเป็นตอนที่มีการก่อสร้างถนนสิรินธรและบรมราชชนนี ทำให้การเดินทางเข้าถึงพื้นที่บริเวณนี้ทำได้ง่ายขึ้น (ซึ่งแต่ก่อนต้องใช้เส้นทางถนนบางกรวย-ไทรน้อย ก็ต้องเข้ามาทางถนนบางขุนนนท์ หรือซอยร่วมพัฒนา)
 
แนวทางรถไฟสายใต้ช่วงจากสะพานพระราม ๖ มาเรื่อย ๆ (อย่างน้อยก็มาจนจรดคลองบางกอกน้อย) เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างกรุงเทพและนนทบุรี ตัวทางรถไฟเองยังเป็นเสมือนคันกั้นน้ำให้กับทางฝั่งกรุงเทพเมื่อคราวน้ำท่วมปี ๒๕๓๘ ซึ่งตอนนั้นฝั่งทางด้านบางกรวยน้ำท่วมหนัก แต่ฝั่งทางด้านบางพลัดยังป้องกันได้อยู่ (อันที่จริงบางพลัดฝั่งริมแม่น้ำมาจนถึงเกาะกลางถนนจรัญสนิทวงศ์โดนน้ำท่วมหนัก เพราะเขาใช้เกาะกลางถนนเป็นคันกั้นน้ำ) จะมาประสบปัญหาก็เมื่อคราวน้ำท่วมปี ๒๕๕๔ ที่ตอนนั้นน้ำที่เอ่อล้นมาจากทางบางกรวยมีระดับที่สูงมากจนล้นข้ามทางรถไฟ สูงท่วมรางจนทำให้รถไฟสายใต้ไม่สามารถเดินได้ แต่พอระดับน้ำเริ่มลดลงต่ำกว่าระดับทางรถไฟ ทางฝั่งบางพลัดก็เริ่มทำการสูบน้ำออก ทำให้ทางฝั่งบางพลัดแห้งก่อนทางฝั่งบางกรวย

Memoir ฉบับนี้คงเป็นฉบับส่งท้ายปีที่ ๑๒ นับตั้งแต่เริ่มเขียนมา ฉบับนี้ก็เป็นฉบับที่ ๑๘๒๕ แล้ว รวม ๘๕๑๔ หน้า เฉพาะส่วนปีที่ ๑๒ ที่ผ่านมาก็เขียนไปทั้งหมด ๑๐๙ เรื่อง รวม ๔๗๗ หน้า เรียกว่าทั้งจำนวนเรื่องและจำนวนหน้าลดลงกว่าปีที่แล้วมาก และคาดว่าปีที่ ๑๓ ก็คงจะมีแนวโน้มเช่นนี้ เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะเรื่องราวสาระวิชาการต่าง ๆ ที่มีเก็บสะสมเอาไว้ก็ได้รีบเขียนออกไปจนหมดแล้ว ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้เขียน ซึ่งเราก็บอกไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด รู้แต่ว่าถ้ามีโอกาสได้ลงมือทำก็ให้ลงมือทำเลย อย่ารั้งรอ จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง และไม่ค่อยมีเวลาได้ไปเสาะหาเรื่องราวใหม่ ๆ มาเขียน

แล้วพบกันในฉบับถัดไปต้อนรับปีที่ ๑๓ ครับ :) :) :)
 

รูปที่ ๑ แผนที่แนบท้ายประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๕๔ ลงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๐๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๗๖ ตอนที่ ๑๒ ฉบับพิเศษหน้า ๑-๒ ตัวเลขที่ปรากฏในแผนที่คือที่ดินที่ถูกเวนคืนจากเจ้าของ
  
รูปที่ ๒ แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตดุสิต เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ หน้า ๒๐-๒๑ เล่ม ๑๐๑ ตอนที่ ๑๙๔ วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๒๗ เป็นการเวนคืนเพื่อการก่อสร้างสะพานพระราม ๗ ในแผนที่นี้ปรากฏแนวเส้นทางรถไฟเข้าไปยังโรงไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันด้านนอกโรงไฟฟ้าไม่เหลือร่องรอยให้เห็นแล้ว
  
รูปที่ ๓ รูปนี้ถ่ายไว้เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๔๘ บนชานชาลาที่ ๓ เป็นรูปลูกสาวคนเล็กตอนอายุได้ ๒ ขวบเศษไปส่งคุณย่าที่สถานีบางบำหรุ เป็นรูปที่เห็นตัวอาคารสถานีเก่า
  
รูปที่ ๔ ถ่ายในวันเดียวกันกับรูปที่ ๓ เป็นการมองย้อนไปทางเส้นทางที่มาจากสะพานพระราม ๖ ในรูปนี้จะเห็นว่าตัวสถานีมีรางแยกให้รถไฟจอดได้ ๖ หรือ ๗ ราง

รูปที่ ๕ ถ่ายไว้เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๓ จากสะพานข้ามทางรถไฟซอยจรัญสนิทวงศ์ ๗๕ (ที่ถูกริ้อไปแล้ว) เป็นการมองย้อนกลับไปทางเส้นทางที่มาจากสะพานพระราม ๖ เป็นช่วงที่เริ่มก่อสร้างทางรถไฟฟ้าที่มาจากสถานีกลางบางซื่อ
  
รูปที่ ๖ ถ่ายไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ ในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ หลังจากที่น้ำลดระดับลงไปจากระดับสูงสุดประมาณ ๖๐ เซนติเมตร จากบริเวณเลยจุดกลับรถตัดทางรถไฟมาหน่อย เป็นภาพที่มองไปยังสถานีรถไฟบางบำหรุ
  
รูปที่ ๗ ภาพนี้ถ่ายจากสะพานลอยข้ามทางรถไฟ ที่เชื่อมระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ ๗๕ กับหมู่บ้านฝั่งบางกรวย เป็นการมองไปยังทิศทางสถานีรถไฟบางบำหรุ จะเห็นวัดเพลง (บางพลัด) อยู่ทางด้านซ้ายของรูป

รูปที่ ๘ ถ่ายในวันเดียวกับรูปที่ ๗ แต่เป็นการมองย้อนกลับไปยังเส้นทางที่มาจากสะพานพระราม ๖ ตอนนี้มีทางด่วนคร่อมทางรถไฟแล้ว

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

รถไฟสายบางบัวทองในหนังสือประวัติเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๘๕) MO Memoir : Saturday 31 January 2558

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาผมได้กล่าวถึงหนังสือ "ประวัติเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ พระยาภิรมย์ภักดี และประวัติโรงเบียร์ โชคชาตาในชีวิตที่พอใจ" ที่จัดพิมพ์ในปีพ.ศ. ๒๕๐๖ โดยในหนังสือเล่มนี้ ม.ล. ยิ่งศักดิ์ อิศรเสนา ซึ่งเป็นบุตรชายของเจ้าพระยาวงพงษ์พิพัฒน์ เป็นผู้เขียนประวัติของเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ และได้มีการบันทึกเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างทางรถไฟจากบริเวณวัดบวรมงคล ผ่าน อ.บางกรวย ไปท่าน้ำเมืองนนท์ ตรงไป อ.บางบัวทอง และเลยออกไปยังเขตจังหวัดปทุมธานี ที่เป็นที่รู้จักกันในปัจจุบันว่า "รถไฟสายบางบัวทอง"
  
เนื้อหาในหนังสือนี้ (ฉบับพิมพ์ปีพ.ศ. ๒๕๐๖) มีปรากฏอีกครั้งในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพท่านผู้หญิงเยี่ยม จรัญสนิทวงศ์ (ม.ล. เยี่ยม สนิทวงศ์) ที่จัดพิมพ์ในปีพ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งเมื่อตรวจสอบดูแล้วพบว่ามีเนื้อหาเดียวกัน เว้นแต่การสะกดชื่อตรงคำว่า "พงษ์" (ดู Memoir ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๙๓๒ วันอังคารที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ เรื่อง "รถไฟสายบางบัวทองกับถนนจรัญสนิทวงศ์(ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำตอนที่ ๘๔)") โดยในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพท่านผู้หญิงเยี่ยม จรัญสนิทวงศ์ (ม.ล. เยี่ยม สนิทวงศ์) นั้นระบุว่าประวัติของเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ที่นำมาตีพิมพ์ใหม่นี้นำมาจากหนังสือที่พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ (ม.ร.ว. เย็น อิศรเสนา) ณ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๔
  
ประวัติรถไฟสายบางบัวทองที่เห็นมีปรากฏในอินเทอร์เน็ตนั้นมักจะเป็นในรูปแบบประวัติที่เป็นทางการ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเขียนตามหลักฐานราชการที่มี หรือไม่ก็ไม่สามารถสืบต่อไปได้ว่าต้นเรื่องที่นำมาเล่านั้นมาจากไหน (มีแต่เรื่องเล่า แต่ไม่มีการอ้างอิงที่มาข้อมูล) แต่สิ่งที่ปรากฏในหนังสือที่ ม.ล. ยิ่งศักดิ์ เป็นผู้เขียนนั้นผมเห็นว่าน่าสนใจ และก็อ่านสนุกด้วย เพราะเป็นการเขียนแบบเล่าบรรยายให้บรรยากาศรู้สึกเหมือนกับได้นั่งฟังผู้เขียนเล่าให้ฟัง
  
เรื่องราวของรถไฟสายบางบัวทองที่เขียนโดยผู้เขียนที่เป็นผู้ที่ได้สัมผัสโดยตรงกับทั้งเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์และทางรถไฟสายบางบัวทองนั้นเป็นอย่างไร ก็ขอเชิญอ่านได้จากรูปต่าง ๆ ที่สแกนมาให้ดูกัน (คัดมาเฉพาะหน้าที่เกี่ยวข้องกับรถไฟสายบางบัวทอง)
  
หนังสือนี้ยังบันทึกไว้ว่าเจ้าพระยาวรพงษ์ก็เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟสายสั้น ๆ ที่เริ่มจากสถานีเพชรบุรีไปยังหาดเจ้าสำราญในสมัยรัชกาลที่ ๖ ด้วย (หน้า ๘๙)
  
ท้ายสุดคงต้องขอบันทึกไว้ว่า ในหนังสือประวัติของเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์นั้นระบุไว้ว่า ท่านถึงแก่กรรมในวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ เวลา ๒๑.๕๓ น. ตรง (หน้า ๑๒๐ ในหนังสือ) ซึ่งตรงนี้ไม่ตรงกับที่มักมีการอ้างอิงกันในอินเทอร์เน็ตว่าเป็นวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔ เช่นที่ http://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์_(หม่อมราชวงศ์เย็น_อิศรเสนา))













วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

รถไฟสายบางบัวทองกับถนนจรัญสนิทวงศ์ (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๘๔) MO Memoir : Tuesday 27 January 2558

บ่อยครั้งที่ผมขับรถกลับบ้านโดยใช้เส้นทางผ่านถนนจรัญสนิทวงศ์ ไปกลับรถใต้สะพานต่างระดับสิรินธร วกเข้าถนนสิรินธร จากนั้นเลี้ยวเข้า "ซอยสิรินธร ๔" ซึ่งเป็นซอยสั้น ๆ แคบ ๆ พอแค่รถเก๋งวิ่งสวนทางกันได้ เพื่อออกถนนคู่ขนานทางรถไฟในการเดินทางกลับบ้าน ถนนเส้นนี้ปัจจุบันเริ่มมีรถมาใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงเช้า เนื่องจากเป็นทางลัดไปออกสะพานพระราม ๗ โดยไม่ต้องไปออกถนนจรัญสนิทวงศ์ (ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างรถไฟลอยฟ้า) ก่อนมีการก่อนสร้างถนนเลียบทางรถไฟ (ช่วงปีพ.ศ. ๒๕๕๔) ซอยนี้ก็แทบไม่มีใครใช้ เพราะมันเป็นแค่ซอยเล็ก ๆ เชื่อมสถานีรถไฟบางบำหรุกับถนนสิรินธร ส่วนผู้เดินทางไปบางกรวยก็จะไปใช้ถนนเทอดพระเกียรติที่ตัดทางรถไฟสายใต้อยู่ใกล้ ๆ เพราะถนนนั้นมันกว้างกว่าและดีกว่า

แต่จะว่าไปแล้ว ซอยเล็ก ๆ ดูธรรมดา ๆ เส้นนี้มันก็มีประวัติความเป็นมาของมันเหมือนกัน

อีกฟากของทางรถไฟที่อยู่ตรงข้ามกับซอยสิรินธร ๔ คือ "ถนนเทอดพระเกียรติ" ที่มุ่งหน้าสู่ อ. บางกรวย ส่วนอีกฟากของถนนสิรินธรที่อยู่ตรงข้ามกับซอยสิรินธร ๔ คือ "ซอยสิรินธร ๗" เมื่อเทียบกับแผนที่แนวเส้นทางรถไฟสายบางบัวทองแล้วทำให้เชื่อได้ว่าซอยสิรินธร ๔ นี้ในอดีตคงเป็นส่วนหนึ่งของแนวเส้นทางรถไฟสายบางบัวทองที่เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์เคยสร้างเอาไว้ (ดูแผนที่ในรูปที่ ๑ ที่เป็นรูปเดียวกันกับที่เคยนำมาลงใน Memoir ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๕๙๘ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖ เรื่อง "รถไฟสายบางบัวทอง(ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำตอนที่ ๓๘)"
  
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วไปได้หนังสือลดราคา 70% จากร้านหนังสือส่งเสริมการอ่านที่ตั้งอยู่บนชั้น ๓ อาคารจัตุรัสจามจุรีเรื่อง “ธนบุรีมีอดีต” เขียนโดย ป. บุนนาค จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Than Books เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๓ ในหนังสือดังกล่าวมีเรื่องเกี่ยวกับรถไฟสายบางบัวทอง เขียนไว้สั้น ๆ ไม่กี่หน้า (หน้า ๓๑๗-๓๒๔) แต่ที่สำคัญคือมีการอ้างอิงไปยังหนังสืออีก ๒ เล่มคือ "ประวัติเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ พระยาภิรมย์ภักดี และประวัติโรงเบียร์ โชคชาตาในชีวิตที่พอใจ" และหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพท่านผู้หญิงเยี่ยม จรัญสนิทวงศ์ (ม.ล. เยี่ยม สนิทวงศ์) ทำให้อดไม่ได้ว่าต้องไปค้นดูว่าหนังสือต้นฉบับนั้นเขียนอะไรไว้บ้าง และก็โชคดีที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยมีหนังสือดังกล่าวทั้ง ๒ เล่ม คือ "หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพท่านผู้หญิงเยี่ยม จรัญสนิทวงศ์ (ม.ล. เยี่ยม สนิทวงศ์)" ที่จัดพิมพ์เพื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๑ และหนังสือ "ประวัติเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ พระยาภิรมย์ภักดี และประวัติโรงเบียร์ โชคชาตาในชีวิตที่พอใจ" ที่เป็นฉบับจัดพิมพ์ในปีพ.ศ. ๒๕๐๖ (รูปที่ ๒)
  
ในหนังสือ "ประวัติเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ พระยาภิรมย์ภักดี และประวัติโรงเบียร์ โชคชาตาในชีวิตที่พอใจ" นั้น ม.ล. ยิ่งศักดิ์ อิศรเสนา ซึ่งเป็นบุตรชายของเจ้าพระยาวงพงษ์พิพัฒน์ เป็นผู้เขียนประวัติของเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ ซึ่งเขียนไว้ยาวถึง ๑๑๙ หน้า (เอาไว้วันหลังจะคัดมาให้ดูเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับรถไฟสายบางบัวทอง) ในส่วนของประวัติพระยาภิรมย์ภักดีและประวัติโรงเบียร์นั้นเขียนโดยตัวพระยาภิรมย์ภักดีเอง และเรื่องสุดท้ายคือโชคชาตาในชีวิตที่พอใจนั้นเขียนโดย ม.ร.ว. ถัด สีหศักดิ์สนิทวงศ์ ชุมสาย (พระยาสีหศักดิ์สนิทวงศ์)
  
รูปที่ ๑ รูปนี้จากแผนที่ในหน้า ๒๓ ของเอกสาร Air objective folder Thailand ซอยสิรินธร ๔ อยู่ใกล้จุดตัดทางรถไฟสายใต้ที่สถานีรถไฟบางบำหรุ แนวทางรถไฟคือตามเส้นประเขียว
  
รูปที่ ๒ เล่มซ้ายคือ "หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพท่านผู้หญิงเยี่ยม จรัญสนิทวงศ์ (ม.ล. เยี่ยม สนิทวงศ์)" เล่มกลางคือปกด้านในของหนังสือ "ประวัติเจ้าพระยาวงพงษ์พิพัฒน์ พระยาภิรมย์ภักดี และประวัติโรงเบียร์ โชคชาตาในชีวิตที่พอใจ” และเล่มขวาคือหนังสือ "ธนบุรีมีอดีต"

ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพท่านผู้หญิงเยี่ยม จรัญสนิทวงศ์ (ม.ล. เยี่ยม สนิทวงศ์) มีการนำเรื่อง "ประวัติเจ้าคุณพ่อ" ที่เขียนโดย ม.ล. ยิ่งศักดิ์ อิศรเสนา ผู้บุตร ซึ่งมีการระบุว่าบุตรและธิดาร่วมกันพิมพ์แจก ในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ (ม.ร.ว. เย็น อิศรเสนา) ณ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๔ ซึ่งเมื่อตรวจสอบดูแล้วเป็นเนื้อหาเดียวกันกับที่ปรากฏในหนังสือ "ประวัติเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ ฯลฯ" ที่ตีพิมพ์ในปีพ.ศ. ๒๕๐๖ แต่มีความแตกต่างกันตรงการสะกดชื่อตรงคำว่า “พงษ์” โดยในหนังสือฉบับพิมพ์ปีพ.ศ. ๒๕๐๖ ใช้คำว่า “พงษ์” (รูปที่ ๒) แต่ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพปี ๒๕๔๑ ใช้ “พงศ” (รูปที่ ๔ และ ๕)
  
ท่านผู้หญิงเยี่ยม จรัญสนิทวงศ์ (ม.ล. เยี่ยม สนิทวงศ์) เป็นธิดาองค์ใหญ่ของเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ ซึ่งต่อมาท่านได้แต่งานออกเรือนไปกับหลวงจรัญสนิทวงศ์ (ม.ล. จรัญ สนิทวงศ์) ที่ต่อมาได้รับราชการจนดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งต่อมาชื่อของท่านได้ถูกนำมาตั้งชื่อถนนสายหนึ่งทางฝั่งธนบุรี ที่ตัดจากแยกท่าพระขึ้นเหนือมายังสะพานพระราม ๖ (พอสร้างสะพานพระราม ๗ ถนนนี้ก็เชื่อมเข้ากับสะพานพระราม ๗ แทน) ถนนนี้เดิมมีการสะกดเป็น "จรัลสนิทวงศ์" คือใช้ "ล" แทน "ญ" ในคำว่าจรัญ (ตอนผมเด็ก ๆ ก็ยังสะกดโดยใช้ "ล") ต่อมาภายหลังมีการแก้ไขให้ถูกต้องโดยสะกดด้วย "ญ" แทน "ล" เพื่อให้ตรงกับชื่อของผู้ที่นำมาตั้งเป็นเกียรติ แต่ก็ยังเห็นป้ายเก่า ๆ ตามสถานที่ต่าง ๆ (เช่นป้ายสาขาธนาคาร) ที่ยังใช้ "ล" สะกดคำจรัล อยู่

ถ้ารถไฟสายบางบัวทองเกี่ยวข้องกับเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ก่อสร้าง ถนนจรัญสนิทวงศ์ก็คงเกี่ยวข้องกับท่านในฐานะที่เป็นชื่อของบุตรเขยของท่าน
  


รูปที่ ๓ เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์เมื่อครั้งยังเป็นเจ้าหมื่นเสมอใจราช
  
รูปที่ ๔ รูปท่านผู้หญิงวรพงศพิพัฒน์ ภริยาของเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์
  
รูปที่ ๕ เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์
  

รูปที่ ๖ ท่านผู้หญิงเยี่ยม จรัญสนิทวงศ์ บุตรีคนโตของเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

รถไฟสายบางบัวทอง (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๓๘) MO Memoir : Thursday 28 March 2556

"ความเจริญในเวลานี้ทำให้คล้ายกับว่าบ้านเมืองแคบเข้ามา เพราะว่าทั้งรถทั้งเรือทันใจไปมาสะดวก สมัยผมยังเด็ก อยู่กับคุณย่าที่ตลาดแก้วตลาดขวัญเมืองนนท์โน่น จะไปมาทีต้องนั่นรถรางไปลงบางกระบือ แล้วลงเรืออีกทีจึงจะถึงเมืองนนท์ แต่เดี๋ยวนี้สะดวกเลย เวลานี้ผมย้ายบ้านไปอยู่บางบัวทองแล้ว จะไปมาก็สะดวก ถ้าเป็นแต่ก่อนจะยุ่งมาก ต้องลงเรือที่ท่าเตียนเป็นเรือเมล์แดงเมล์เขียว หรือถ้าจะไปทางลัดก็ต้องนั่งรถรางไปลงที่เทเวศน์แล้วข้ามเรือจ้างไปฝั่งธน จะมีสถานีรถยนต์รางของเจ้าคุณวรพงษ์วิ่งตัดสวนต่าง ๆ ไปออกทุ่งนาตรงไปตลาดบางบัวทอง รถรางของท่านเจ้าคุณท่านนี้สร้างตัวรถแบบเดียวกับรถยนต์รางที่ปากลัดพระประแดง คือไม่มีฝาไม่มีตัวถัง รถเปิดโปร่ง มีม้านั่งเป็นแถว ๆ ไป เวลานี้เขาเลิกเสียหมดแล้ว ผมยังนึกเสียดายอยู่ หลานสาวเป็นครูก็อยากรู้อะไรต่ออะไรรอบ ๆ ตัว ผมเป็นตาเป็นปู่รู้อะไรจำอะไรก็เล่าให้ฟังไปเท่าที่รู้ตามระเบียบของคนที่เกิดก่อนเขา เห็นอะไรก่อนเขา"

จากเรื่อง "ชีวิตคุณย่า" โดย เหม เวชกร ในหนังสือชุด "ภูติ ผี ปิศาจ ไทย ๑๐๐ ปี เหม เวชกร" ตอนใครอยู่ในอากาศ โดยสำนักพิมพ์วิริยะ พิมพ์ครั้งที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๗

"จากเรื่องผีของครูเหม ทำให้ได้รู้ว่าในอดีตเคยมีรถไฟวิ่งจากบางยี่ขันไปบางบัวทอง, ปากคลองตลาดเคยเป็นที่ตั้งห้างฝรั่ง ..." คำนิยมในหนังสือชุด "ภูติ ผี ปิศาจ ไทย ๑๐๐ ปี เหม เวชกร" โดย จุลศักดิ์ อมรเวช หรือ จุก เบี้ยวสกุล

นิยายเรื่อง "ชีวิตคุณย่า" ที่ยกมาข้างต้นนั้น ให้คำบรรยายถึงรถยนต์รางหรือรถไฟขนาดเล็ก ที่เคยวิ่งจากริมแม่น้ำเจ้าพระยาแถววัดบวรมงคล (หรือวัดลิงขบ) ไปตัดกับทางรถไฟสายใต้ที่มาจากสะพานพระราม ๖ ที่สถานีบางบำหรุ ก่อนผ่านไปยังบางกรวยและบางบัวทอง รถไฟสายบางบัวทองนี้มีบางที่จะเรียกชื่อตามเจ้าของคือ "รถไฟสายเจ้าคุณวรพงษ์" หรือ "รถไฟสายพระยาวรพงษ์" แนวเส้นทางรถไฟสายนี้ส่วนที่เริ่มจากวัดบวรมงคลปัจจุบันคือซอยพระยาวรพงษ์หรือซอยจรัญสนิทวงศ์ ๔๖ นั่นเอง ตัดไปยังซอยฝั่งตรงข้าม (จรัญสนิทวงศ์ ๕๗) ไปโผล่ที่สถานีรถไฟบางบำหรุ ส่วนถัดไปจากนั้นคือแนวถนนเทอดพระเกียรติไปจนบรรจบถนนสายบางกรวย-ไทรน้อย และตามถนนสายบางกรวย-ไทรน้อยไปยังท่าน้ำนนท์ฝั่งตรงข้ามศาลากลาง (หลังเก่า) และอำเภอบางบัวทอง
  
ในนิยายเรื่องดังกล่าวยังกล่าวถึงรถยนต์รางที่ "ปากลัดพระประแดง" เส้นทางสายนี้ B.R. Whyte กล่าวไว้ในหนังสือของเขา (รูปที่ ๔) ว่าเป็นเส้นทางสั้น ๆ ยาวประมาณ 1900 เมตร
  
หนังสือเรื่องผีของ เหม เวชกร นั้น หวังว่าในงานสัปดาห์หนังสือที่กำลังจะถึงในวันศุกร์นี้ยังพอหาซื้อได้ ที่ร้านหนังสือสารคดี ถ้าใครยังไม่มีก็ขอแนะนำให้ซื้อเก็บเอาไว้

ผมรู้จักเส้นทางรถไฟสายนี้ครั้งแรกตอนที่มหาวิทยาลัยจัดแสดงนิทรรศการแผนที่เก่าของกรุงเทพที่หอสมุดกลาง แล้วไปสังเกตเห็นว่าแถวบ้านเคยมีทางรถไฟจากริมแม่น้ำเจ้าพระยาไปบางบัวทอง เส้นทางรถไฟสายบางบัวทองนี้มีกลุ่มคนสนใจศึกษาประวัติศาสตร์กันมาก ที่รวบรวมไว้ดีมากที่หนึ่งคือที่เว็บ "รถไฟไทยดอทคอม - http://portal.rotfaithai.com" หรือจะไปอ่านที่ http://www.th.wikipedia.org ก็ได้
  
ในที่นี้ผมเพียงเอารูปที่เกี่ยวกับรถไฟสายนี้จากเอกสารที่มีในมือมาเล่าให้ฟังคือ "Air objective folder Thailand" ซึ่งเป็นคู่มือของกองทัพอากาศสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่มีแผนที่เส้นทางรถไฟในประเทศไทยที่เป็นเป้าหมายโจมตีทางอากาศ และจากหนังสือที่เขียนโดยชาวต่างชาติอีกสองเล่มคือ "The Railway Atlas of Thailand, Laos and Cambodia" โดย R.R. Whyte และ "The Railways of Thailand" โดย R. Ramaer และเท่าที่ค้นเจอในราชกิจจานุเบกษา

รูปที่ ๑ แผนที่แนบท้ายราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๕๔ หน้า ๑๘๕๙ วันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ เรื่อง "พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี พุทธศักราช ๒๔๘๐" จะเห็นแนวทางรถไฟปรากฏอยู่ในแผนที่ (ตามแนวเส้นประสีแดง)

รูปที่ ๒ หน้าสารบัญของเอกสาร Air objective folder Thailand ฉบับวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๑๙๔๓ (พ.ศ. ๒๔๘๖) ของหน่วยข่าวกรองทางทหารของสหรัฐในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในเอกสารนี้มีรายละเอียดเป้าหมายการทิ้งระเบิดของสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในกรุงเทพและรูปถ่ายสถานที่ที่เป็นเป้าหมาย มีการระบุเอาไว้ด้วยว่าห้ามเอาติดขึ้นเครื่องเมื่อออกปฏิบัติการโจมตี เอาไว้ว่าง ๆ จะค่อย ๆ ตัดตอนออกมาเล่าสู่กันฟัง

รูปที่ ๓ รูปนี้ขยายออกมาจากแผนที่ในหน้า ๒๓ ของเอกสาร Air objective folder Thailand มีปรากฏชื่อสถานีรถไฟบางบัวทอง (ปัจจุบันคือบริเวณวัดบวรมงคล) และจุดตัดทางรถไฟสายใต้ที่สถานีรถไฟบางบำหรุ แนวทางรถไฟคือตามเส้นประสีแดง


รูปที่ ๔ หนังสือ "The Railway Atlas of Thailand, Laos and Cambodia" โดย ฺB.R. Whyte และ "The Railways of Thailand" โดย R. Ramaerที่มีการรวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ ของเส้นทางรถไฟต่าง ๆ ที่เคยมีในเมืองไทยในอดีต


รูปที่ ๕ ภาพเขียนหัวรถจักรรถไฟสายบางบัวทอง (จากหนังสือ "The Railways of Thailand" โดย R. Ramaer หน้า ๑๘๓)

รูปที่ ๖ ภาพหัวรถจักรรถไฟสายบางบัวทอง (จากหนังสือ "The Railways of Thailand" โดย R. Ramaer หน้า ๑๘๔)


รูปที่ ๗ หัวรถจักรรถไฟสายบางบัวทอง หลังจากเลิกกิจการได้ถูกขายต่อให้กับบริษัทส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย (ภาพจากหนังสือ "The Railways of Thailand" โดย R. Ramaer หน้า ๑๘๔)


รูปที่ ๘ แผนที่แนบท้ายราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๔๗ หน้า ๑๐ วันที่ ๑๑ พฤษภาคมพ.ศ. ๒๔๗๓ เรื่อง พระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นสร้างรถไฟราษฎร์สายบางบัวทอง รูปนี้แสดงบริเวณแยกไปทางน้ำนนท์ฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัดหลังเก่า


รูปที่ ๙ แผนที่แนบท้ายราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๗๓ ตอนที่ ๖๐ ฉบับพิเศษหน้า ๗ วันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ เรื่อง "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องจัดตั้งสุขาภิบาลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี" จะเห็นว่ามีการระบุแนวทางรถไฟพระยาวรพงษ์ (เดิม) ปรากฏอยู่ในแผนที่