บันทึกช่วยจำของกลุ่มวิจัยตัวเร่งปฏิกิริยาโลหะออกไซด์ บันทึกความจำของวิศวกรเคมีผู้ลงมือปฏิบัติ (mo.memoir@gmail.com)
วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557
ข้อพึงระวังในการแปลผลการทดลอง MO Memoir : Thursday 13 March 2557
วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ไม่รู้จะสอนยังไงแล้ว (TGA & TPx) MO Memoir : Wednesday 3 February 2553
เพื่อที่จะเข้าใจ memoir ฉบับนี้ ขอแนะนำให้ไปอ่าน memoir ฉบับวันเสาร์ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ เรื่อง "แก๊สเข้าทางไหน" ร่วมด้วย
เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีนิสิตป.โทรายหนึ่งมาถามว่าเขาสามารถใช้เอทิลีน (C2H4) ในการรีดิวซ์ตัวเร่งปฏิกิริยา CuCl2 ในเครื่อง TGA ได้หรือเปล่า ผมก็เลยถามเขากลับไปว่าแล้วรุ่นพี่ที่เขาดูแลเครื่องอยู่เขาว่ายังไง คำตอบที่ได้รับคือรุ่นพี่คนนั้น (ซึ่งเป็นนิสิตป.เอก) เขาบอกว่าน่าจะเข้าทางช่องออกซิเจนเข้าได้
ผมก็ถามต่อไปว่าตอนนี้มีการใช้ออกซิเจนด้วยหรือ คำตอบที่ได้รับคือมีการใช้ออกซิเจนในอากาศในการทดลองด้วย ผมก็ย้อนกลับไปว่าตกลงว่ามันเป็นแก๊สอะไรกันแน่ ออกซิเจนหรืออากาศ (เพราะถ้าบอกว่าออกซิเจนจะนึกถึงออกซิเจน 100% แต่ถ้าบอกว่าอากาศจะนึกถึงออกซิเจน 21% โดยส่วนที่เหลือเป็นไนโตรเจน และแก๊สทั้งสองตัวนี้มันมีความแตกต่างด้านความปลอดภัยกันมากด้วย) กว่าจะคุยกันรู้เรื่องว่าใช้ตอนนี้มีแก๊สอะไรต่อเข้าเครื่องก็เสียเวลาไปพักหนึ่ง
คำถามที่ผมถามต่อไปก็คืออากาศนั้นเข้าทางช่องไหน เขาก็ตอบว่าเข้าทางช่องอากาศเข้า (ตอบได้ตรงคำถามดีมาก) ผมเลยถามใหม่ว่าเครื่อง TGA ที่คุณจะใช้นั้นมีช่องทางแก๊สเข้ากี่ช่องทาง เขาก็ตอบว่ามีอยู่ ๒ ช่องทาง ผมก็ถามเขาต่อไปว่าแล้วไอ้ ๒ ช่องทางนั้นอยู่ตรงไหน เขาก็ไม่รู้
คำตอบของเขาทำให้ผมรู้สึก ...(บอกไม่ถูก แต่ไม่โทษเขาหรอก)... เป็นเพราะว่าเครื่องนั้นมีช่องทางแก๊สเข้าอยู่ ๔ ช่องทาง โดยทางด้านหลังเครื่อง (ดูรูปที่ ๑) จะมีช่องทางสำหรับ purge gas ๒ ช่องทาง (ที่ตอนนี้ต่อท่อไนโตรเจนกับอากาศเอาไว้ ช่องทางสองช่องนี้สำหรับป้องกันไม่ให้แก๊สจากการเผาไหม้ไหลย้อนเข้าไปในตัวเครื่องมือ) และช่องทางสำหรับ cooling gas ๑ ช่องทาง (ซึ่งตอนนี้เครื่องปั๊มอากาศและไม่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์) และมีช่องทางสำหรับให้ reactive gas เข้าอีก ๑ ช่องทางอยู่ทางด้านหลังของ furnace (ดูรูปที่ ๒ ซึ่งตอนนี้ไม่มีการต่อท่อแก๊สอะไรเข้าไป แก๊สจากช่องทางนี้จะไหลออกตรงตำแหน่งเหนือ pan ใส่ตัวอย่างพอดี) และที่สำคัญคือผมเองเป็นคนอธิบายเรื่องทางเข้าของแก๊สนี้ให้กับ "รุ่นพี่" คนที่ให้คำแนะนำกับคนที่มาถามคำถามผม ซึ่งผมได้อธิบายและเขียนเป็น memoir เพื่อให้รุ่นพี่คนนั้น "อ่านทำความเข้าใจ" เพื่อจะได้ไม่สอนหรือให้คำแนะนำแบบผิด ๆ อีก
จะว่าไปแล้วเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น (หลังจากที่ออก memoir ฉบับ ๑๗ ตค ๕๒ ไปได้ไม่นาน) ผมบังเอิญเดินผ่านไปเห็น "รุ่นพี่" คนนั้นกำลังสอนน้อง ๆ เรื่องการใช้เครื่อง TGA ที่เขาเคยมาถามปัญหาผม ผมก็เลยแวะเปิดประตูเข้าไปถามว่าได้อ่านสิ่งที่ผมเขียนตอบคุณเป็นลายลักษณ์อักษรไปหรือยัง คำตอบที่ได้รับคือ "ยัง"
คำแนะที่ผมบอกให้ทำเสมอคือให้ไปศึกษาคู่มือการใช้เครื่องที่ทางบริษัทผู้จัดจำหน่ายส่งมาให้ เนื่องจากอุปกรณ์วิเคราะห์ในบ้านเราทุกเครื่องจะส่งมาจากต่างประเทศ ดังนั้นจึงมักมีคู่มือการใช้งานเป็นภาษาอังกฤษมาให้ ในปัจจุบันอาจมาในรูปแบบของแผ่นซีดีแทน แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจคำเตือนดังกล่าว
แต่จะไปว่านิสิตแต่ฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เพราะที่เคยประสบคือตัวอาจารย์เองที่ส่งนิสิตให้ไปใช้งานเครื่องดังกล่าวยังไม่สนใจเลยว่าเครื่องดังกล่าวใช้งานอย่างไร อาจารย์รู้แต่ว่าเครื่องดังกล่าวใช้วิเคราะห์หาอะไร แต่ไม่รู้ว่าจะใช้งานได้อย่างไร สนอย่างเดียวคือผลการทดลองที่นิสิตจะเอามาให้ดู เวลาได้เครื่องมาใหม่แต่ละทีก็ให้นิสิตไปเรียนการใช้เครื่องจากเจ้าหน้าที่ของบริษัท แล้วก็ให้รุ่นพี่สอนต่อรุ่นน้องกันมา (ใครจำอะไรได้ก็จำกันเอง)
รูปที่ 1 ช่องทางสำหรับให้ purge gas ไหลเข้า (วงสีแดง) และ cooling gas (วงสีเขียว) ไหลเข้าซึ่งอยู่ข้างหลังตัวเครื่อง
รูปที่ 2 ช่องทางสำหรับให้ reactive gas เข้า (วงแดง) ซึ่งอยู่ข้างหลัง furnace
เวลาที่เจ้าหน้าที่จากบริษัทมาสอนนั้น เขาไม่ได้สอนวิธีการใช้ทุกเทคนิคที่เครื่องสามารถกระทำได้ เขาสอนได้แต่พื้นฐานการใช้และการซ่อมบำรุงเท่านั้น ที่สำคัญคือสอนเสร็จเร็วเท่าใดเขาก็เสร็จงานเร็วเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงมักพยายามสอนให้สั้นที่สุดเท่าที่จะได้ เวลาที่เราถามปัญหาเขาด้วยวาจา เขาก็ตอบด้วยวาจาเช่นเดียวกัน ซึ่งมีบางครั้งที่พบว่าคำตอบนั้นผิด (คู่มือบอกไว้อย่าง แต่เจ้าหน้าที่บริษัทบอกอีกอย่าง เช่นในกรณีของเครื่อง XRD นิสิตบอกว่าเจ้าหน้าที่บริษัทบอกให้ใช้น้ำกรองจากเครื่องทำน้ำดื่มมาใส่แทนน้ำกลั่นเพื่อระบายความร้อนจากหลอดเอ็กซ์เรย์ แต่คู่มือเครื่องนั้นเขียนไว้ชัดเจนว่าน้ำที่ใช้ได้ต้องมีค่าการนำไฟฟ้าต่ำมาก (3 ไมโครซีเมนส์) ในระดับน้ำกลั่นใช้ในห้องปฏิบัติการ) ถ้าเราไปทำตามวิธีผิด ๆ ที่เจ้าหน้าที่บริษัทบอกมา ก็จะไปกล่าวโทษเขาไม่ได้ เพราะมันไม่มีหลักฐาน ดังนั้นในการถามคำถามที่สำคัญเกี่ยวกับตัวเครื่อง โดยเฉพาะในกรณีที่คู่มือเขียนกำกวม การถามเป็นลายลักษณ์อักษรจะดีกว่า เพราะจะได้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ยืนยันเวลาที่มีปัญหาภายหลัง
ปัญหาอีกอย่างคือการสอนต่อ ๆ กันมานั้นไม่ได้มีการทำคู่มือหรือเอกสารแจก แต่ใช้วิธีจดกันเองต่อ ๆ กันมา ผลก็คือมีการผิดเพี้ยนเกิดขึ้น การสอนเจ้าหน้าที่ใหม่ที่มาประจำเครื่องจากรุ่นพี่ที่ดูแลเครื่อง (นิสิตป.เอก) ก็เป็นแบบนี้ ผมเลยแนะนำให้เขาเขียนคู่มือการใช้งานตามที่เขาได้เรียนมา และส่งคู่มือการใช้งานนั้นให้รุ่นพี่ที่เป็นคนสอนตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่ และให้ลงลายมือชื่อรับรองมา จะได้ไม่เกิดปัญหาแบบเครื่อง TPX ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ (ก็ไม่เคยบอกให้คนใช้งานตรวจสอบความดัน พอเกิดปัญหาขึ้นมาก็โยนเลยว่าเป็นเพราะผู้ใช้งานไม่ตรวจสอบความดัน จะว่าไปแล้วคนอื่นในแลปที่ทำมาก่อนหน้าก็เชื่อว่าไม่เคยตรวจสอบความดันเหมือนกัน รายนั้นก็เลยซวยไป)
ที่นี้กลับมาดูคำถามที่นิสิตป.โทมาถามผมว่าวัดได้หรือเปล่า ผมตอบเขากลับไปว่าสิ่งที่คุณจะวัดนั้นเครื่องมันสามารถมองเห็นได้หรือเปล่า ตัวเร่งปฏิกิริยาของเขามี CuCl2 อยู่เพียง 1% เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงควรคำนวณดูก่อนว่า
- จากปริมาณตัวอย่างที่ใส่เข้าเครื่องได้ (ระดับ mg เช่น 5-20 mg) จะมี CuCl2 หนักเท่าใด
- CuCl2 ในปริมาณดังกล่าวเมื่อเปลี่ยนไปเป็น Cu จะมีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักเท่าใด โดยสมมุติให้ CuCl2 เปลี่ยนแปลงทั้งหมด ซึ่งจะได้น้ำหนักที่เปลี่ยนไปมากที่สุดที่เกิดจากการรีดิวซ์ CuCl2
- น้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นเครื่อง TGA สามารถตรวจวัดได้แม่นยำหรือไม่ ถ้าตัวเลขนี้น้อยกว่าค่าที่เครื่องสามารถอ่านได้ ก็ให้ไปหาวิธีการอื่นวิเคราะห์ได้เลย ลองนึกภาพเครื่องชั่ง 5 ตำแหน่ง แม้ว่าเครื่องจะอ่านได้ระดับ 0.01 mg แต่คุณเคยเห็นตำแหน่งสุดท้ายมันนิ่งหรือไม่
- จะแยกได้อย่างไรว่าน้ำหนักที่ลดหายไปนั้นไม่ได้เกิดจากการคายน้ำของตัวอย่าง น้ำในโครงร่างผลึกหรือน้ำที่ถูกดูดซับแบบ chemisorption นั้นจะใช้อุณหภูมิสูงในการไล่ (คุณไล่น้ำจากซิลิกาเจลได้ด้วยการอบที่อุณหภูมิสูงกว่า 100 องศาเซียส แต่ถ้าใช้ molecular sieve ต้องใช้อุณหภูมิกว่า 200 องศาเซลเซียส)
- มั่นใจหรือเปล่าว่าในการวิเคราะห์นั้นจะไม่เกิด coking ขึ้น (เพราะเห็นว่าใช้เอทิลีนเป็นแก๊สรีดิวซ์) ซึ่งการเกิด coking จะทำให้น้ำหนักตัวเร่งปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น (ไม่ได้ลดลงอย่างที่เขาคาดหวัง)
เพียงแค่การคำนวณดังกล่าวข้างต้นก็ทำให้ทราบแล้วว่าควรต้องทำการทดลองโดยใช้เครื่อง TGA หรือไม่ แทนที่จะมาเสียเวลาทดลองเลยแล้วก็ได้ผลที่ไม่สามารถสรุปอะไรได้ ซึ่งสิ้นเปลืองทั้งเงินและเวลา
ก่อนส่ง memoir ฉบับนี้ได้แวะเข้าไปดูถังแก๊สของเครื่อง TPx พบว่า ... ไม่ได้มีการระบายแก๊สออกจาก pressure regulator ที่หัวถังแก๊สเมื่อไม่มีการใช้งาน ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดยังไงกัน ต้องรอให้เกิดเรื่องกันตัวเองก่อนหรือไงจึงจะยอมทำในสิ่งที่ถูกซะที
วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
น้ำหนักหายได้อย่างไร MO Memoir : Friday 13 November 2552
ตัวอย่างนั้นก็คือ MgO ซึ่งเขาวิเคราะห์ด้วยการวัดการคายซับ CO2 (CO2 desorption) ส่วนผมวิเคราะห์ด้วยการเผาแล้วดูน้ำหนักที่หายไป แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องดังกล่าวจะขอเล่าต่อในเรื่องของแก๊สในระบบกับการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักของตัวอย่างก่อน
เมื่อเดือนที่แล้วใน "MO Memoir 2552 Oct 17 Sat แก๊สเข้าทางไหน" ได้กล่าวถึงการป้อน reactive gas เข้าสู่เครื่อง TGA (Thermogravimetric analysis) โดยเราคาดหวังให้ reactive gas ที่ป้อนเข้าไปนี้เข้าไปทำปฏิกิริยากับตัวอย่างแล้วจะทำให้ตัวอย่างมีน้ำหนักเปลี่ยนไป
น้ำหนักที่เปลี่ยนไปเมื่อ reactive gas เข้าทำปฏิกิริยานั้นไม่จำเป็นต้องลดลง อาจเพิ่มขึ้นก็ได้ เช่นถ้าเราเผาตัวอย่างที่เป็นโลหะในอากาศ เมื่อโลหะเปลี่ยนไปเป็นโลหะออกไซด์ น้ำหนักของตัวอย่างก็จะเพิ่มสูงขึ้น แต่ถ้าเราเผาโลหะออกไซด์ในไฮโดรเจน เมื่อโลหะออกไซด์เปลี่ยนไปเป็นโลหะ น้ำหนักของตัวอย่างก็จะลดลง
แต่ถ้าเป็นกรณีที่ตัวอย่างสลายตัวด้วยตัวมันเองที่อุณหภูมิสูงนั้น (เช่นโดยการที่ตัวมันเองแตกตัวออกเป็นโมเลกุลที่เล็กลงหรือการที่สารประกอบโลหะออกไซด์คายออกซิเจนในโครงร่างผลึกออกมา) ถึงแม้ว่าเราเผาในบรรยากาศของแก๊สใด ๆ เราก็จะเห็นน้ำหนักของตัวอย่างลดลง
ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ใช้ในปฏิกิริยาที่มีไฮโดรคาร์บอนอยู่ในระบบนั้น มักประสบปัญหาเรื่องการเสื่อมสภาพแบบชั่วคราวเนื่องจากการสะสมของโค้ก (Coke - สารประกอบคาร์บอนโมเลกุลใหญ่ที่มีสัดส่วนอะตอมคาร์บอนสูงเมื่อเทียบกับอะตอมไฮโดรเจน หรือ H/C <<>
รูปที่ 1 เป็นผลการทดลองที่ได้จากการเผาตัวเร่งปฏิกิริยา Pt/Al2O3 ที่ใช้ปฏิกิริยา propane dehydrogenation ด้วยออกซิเจนโดยใช้ตัวอย่างตัวเร่งปฏิกิริยา 24.350 mg อัตราการให้ความร้อนคือ 10 C/min น้ำหนักที่ลดลงในช่วงแรก (ประมาณ 2.88%) นั้นเกิดจากการคายน้ำที่ตัวเร่งปฏิกิริยาดูดซับไว้ระหว่างที่สัมผัสกับอากาศ ส่วนน้ำหนักที่ลดลงในช่วงหลัง (ประมาณ 2.62%) เกิดจากการที่โค้กเผาไหม้กับออกซิเจนและกลายเป็นแก๊สหลุดออกไป ในรูปนี้มองไม่เห็นว่าโค้กนั้นเริ่มเผาไหม้ที่อุณหภูมิเท่าใด เห็นแต่น้ำหนักที่ลดลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคงที่
รูปที่ 2 เป็นการการทดลองที่ได้จากการเผาตัวเร่งปฏิกิริยาชนิดเดียวกันแต่ใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาเพียง 8.184 กรัม (เพียง 1 ใน 3 ของรูปที่ 1) ผลการทดลองนี้แสดงให้เห็นการลดลงของน้ำหนักสองครั้งชัดเจน โดยครั้งแรกคือการคายน้ำ และครั้งที่สองที่เกิดที่อุณหภูมิที่สูงกว่าคือการเผาโค้ก ซึ่งเริ่มเกิดที่อุณหภูมิประมาณ 350 C
รูปที่ 1 การเผาตัวเร่งปฏิกิริยา Pt/Al2O3 ด้วยออกซิเจนโดยใช้ตัวอย่าง 24.350 mg (Shimadzu TGA 50)
รูปที่ 2 การเผาตัวเร่งปฏิกิริยา Pt/Al2O3 ด้วยออกซิเจนโดยใช้ตัวอย่าง 8.184 mg (Shimadzu TGA 50)
สิ่งที่น่าสนใจคือทำไมกราฟการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักจึงไม่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างเดียวกันด้วยเครื่องมือชนิดเดียวกัน เพียงแต่ใช้ตัวอย่างในปริมาณที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง
อย่างที่ได้เกริ่นไว้ในตอนแรกว่าการเปลี่ยนแปลงน้ำหนัก (โดยเฉพาะการลดลงของน้ำหนักนั้น) อาจต้องมีการทำปฏิกิริยากันระหว่างตัวอย่างและ reactive gas ที่ป้อนเข้ามา ในกรณีของตัวเร่งปฏิกิริยา Pt/Al2O3 นี้จะเป็นการทำปฏิกิริยาเผาไหม้โค้กที่เกาะอยู่บนพื้นผิวของตัวเร่งปฏิกิริยาด้วยออกซิเจนที่ป้อนเข้ามากับ reactive gas ซึ่งถ้าโค้กนั้นมีการ "สัมผัส" กับออกซิเจน ณ อุณหภูมิที่สูงพอก็จะเผาไหม้กลายเป็นแก๊สหลุดออกมา ทำให้เห็นน้ำหนักตัวเร่งปฏิกิริยาลดลง แต่ถ้าโค้กนั้น "ไม่สัมผัส" กับออกซิเจน แม้ว่าอุณหภูมิจะสูงมากพอแต่ก็จะไม่เกิดการเผาไหม้หลุดออกไป น้ำหนักตัวเร่งปฏิกิริยาก็จะไม่เปลี่ยนแปลง
โค้กจะ "สัมผัส" หรือ "ไม่สัมผัส" กับออกซิเจนนั้น ขึ้นอยู่กับการบรรจุตัวอย่างลงไปใน pan ของเครื่อง TGA และรูปร่างของ pan ที่ใช้ โดยทั่วไปแล้ว pan ที่ใช้ก็มีรูปร่างเป็นถ้วยทรงกระบอกก้นแบนเตี้ย ๆ การใส่ตัวอย่างลงไปก็เพียงแค่เทหรือตักตัวอย่างใส่ลงไปใน pan แค่นั้นเอง
แล้วปริมาณตัวอย่างมันส่งผลต่อผลการวัดได้อย่างไร
รูปที่ 3 การใช้ตัวอย่างในปริมาณที่แตกต่างกัน (ซ้าย) ใช้ตัวอย่างในปริมาณมาก (ขวา) ใช้ตัวอย่างในปริมาณที่น้อยกว่า
การเผาไหม้โค้กที่เกาะอยู่บนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยานั้นต้องการออกซิเจนเข้าไปทำปฏิกิริยา ลองพิจารณากรณีการใช้ตัวอย่างในปริมาณมาก (รูปซ้ายในรูปที่ 3) เมื่อเราบรรจุตัวอย่างลงไปใน pan นั้น ภายในตัวอย่างก็จะมีออกซิเจนจากแก๊สแทรกซึมอยู่ตามช่องว่างระหว่างอนุภาคตัวเร่งปฏิกิริยา เมื่ออุณหภูมิของตัวอย่างสูงจนถึงจุดที่โค้กเกิดการเผาไหม้ ออกซิเจนที่แทรกซึมอยู่ระหว่างอนุภาคตัวเร่งปฏิกิริยาจะถูกใช้หมดไปและเกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์แพร่ออกมาแทน แต่ปริมาณออกซิเจนที่แทรกซึมอยู่ระหว่างอนุภาคตัวเร่งปฏิกิริยานั้นไม่เพียงพอที่จะเผาไหม้โค้กที่เกาะบนพื้นผิวได้หมด (จริง ๆ แล้วเผาไหม้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น) ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีแก๊สออกซิเจนใหม่ป้อนเข้ามา โดยแก๊สออกซิเจนที่ป้อนเข้ามานั้นจะเข้าไปไล่แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นและเข้าไปทำปฏิกิริยาเผาโค้ก
ในกรณีที่เราบรรจุตัวเร่งปฏิกิริยาลงไปเป็นชั้นที่หนานั้น แก๊สออกซิเจนที่เข้ามาใหม่จะทำปฏิกิริยาเผาไหม้โค้กที่อยู่บนผิวหน้าของชั้นตัวเร่งปฏิกิริยาก่อน (เพราะออกซิเจนต้องไหลผ่านตัวเร่งปฏิกิริยาในชั้นบนก่อน) โดยที่โค้กที่อยู่ลึกลงไปไม่เกิดการเผาไหม้ (เพราะว่ามันไม่มีออกซิเจน ดังนั้นแม้ว่าอุณหภูมิจะสูงมากพอแต่ถ้าไม่มีออกซิเจนก็จะไม่เกิดการเผาไหม้) โค้กที่อยู่ลึกลงไปนั้นจะเกิดการเผาไหม้ได้ก็ต่อเมื่อโค้กที่อยู่เหนือกว่าเกิดการเผาไหม้หมดไปแล้ว ดังนั้นรูปแบบการเผาไหม้โค้กจึงมีลักษณะแบบจากผิวหน้าด้านบนและค่อย ๆ เคลื่อนลงลึกสู่ด้านล่างเมื่อเวลาผ่านไป (และอุณหภูมิก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเพราะเราเพิ่มอุณหภูมิตามเวลา) ทำให้เห็นน้ำหนักตัวเร่งปฏิกิรยาที่ถูกเผานั้นค่อย ๆ ลดลงตลอดเวลาไปเรื่อย ๆ
แต่ถ้าเราบรรจุตัวเร่งปฏิกิริยาเป็นชั้นบาง ๆ (รูปขวามือในรูปที่ 3) ตัวเร่งปฏิกิริยาที่อยู่บนผิวบนสุดหรือด้านล่างสุดจะรับออกซิเจนที่ไหลป้อนเข้ามาได้ง่ายเหมือน ๆ กัน ดังนั้นเมื่ออุณหภูมิสูงพอที่จะทำให้โค้กเริ่มเกิดการเผาไหม้ โค้กก็จะเกิดการเผาไหม้ทุก ๆ จุดพร้อมกันหมดและหมดไปพร้อม ๆ กัน ทำให้เห็นน้ำหนักตัวเร่งปฏิกิริยามีการลดลงอย่างรวดเร็วเป็นขั้นบันไดดังเห็นได้ชัดในรูปที่ 2
ในกรณีที่ตัวอย่างเกิดการสลายตัวและสูญเสียน้ำหนักโดยไม่ต้องมีการทำปฏิกิริยากับแก๊สในระบบนั้น ความหนาของตัวอย่างที่บรรจุลงไปจะไม่ส่งผลที่ชัดเจนต่ออัตราการลดลงของน้ำหนัก ตัวอย่างเช่นการสลายตัวของ MgO ที่เผาในอากาศที่แสดงในภาพที่ 4 ข้างล่าง ที่อุณหภูมิประมาณ 280C MgO บางส่วนจะเกิดการสลายตัวกลายไปเป็น Mg และปลดปล่อยแก๊สออกซิเจนออกมา ดังนั้นเมื่อ MgO แต่ละอนุภาคที่บรรจุอยู่ใน pan มีอุณหภูมิสูงถึงอุณหภูมิการสลายตัว MgO ทุกอนุภาคก็ปลดปล่อยแก๊สออกซิเจนออกมาพร้อม ๆ กันทำให้เห็นน้ำหนักตัวอย่างลดลงกระทันหัน (เส้นสีเขียวในรูปที่ 4) ถ้านำอัตราการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัวอย่างไปเขียนกราฟก็จะได้พีคที่เด่นชัด (ดูเส้นสีม่วง) ณ อุณหภูมิที่ MgO เกิดการสลายตัว
ตรงนี้ต้องขอกล่าวไว้นิดนึงว่าในตัวอย่าง MgO นั้นมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่จะสลายตัวคายออกซิเจนออกมา (ไม่ได้สลายตัวทั้งหมด) ตัวอย่างที่เหลืออยู่จะเป็นสารประกอบของ MgO กับ Mg และถ้านำไปเผาซ้ำใหม่อีกครั้งก็จะไม่เห็นการลดลงของน้ำหนักอีก
รูปที่ 4 การเผา MgO 7.287 กรัมในอากาศ
การไม่เข้าใจในกลไกการสลายตัวของตัวอย่างมักจะนำไปสู่การแปลผลการทดลองที่ผิดพลาดไปได้ ตัวอย่างที่เคยพบได้แก่การวิเคราะห์การเผาไหม้ของพอลิเมอร์ ซึ่งผู้วิเคราะห์มักจะต้องนำพอลิเมอร์ที่สังเคราะห์ได้มาตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนบรรจุลงไปใน pan เวลาที่จะเผาไหม้พอลิเมอร์ได้หมดนั้นขึ้นอยู่กับขนาดและรูปร่างของชิ้นพอลิเมอร์ที่ตัดออกมา ตัวอย่างที่ถูกตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ และมีพื้นที่ผิวสูงก็จะเผาไหม้ได้หมดก่อนตัวอย่างที่ตัดออกมาเป็นชิ้นที่ใหญ่กว่าและ/หรือมีพื้นที่ผิวต่ำกว่า ดังนั้นการควบคุมรูปร่างและขนาดของตัวอย่างจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องการเปรียบเทียบอุณหภูมิการสลายตัวของพอลิเมอร์นั้น
ในการวิเคราะห์ความสามารถในการดูดซับแก๊สของของแข็งนั้น เรามักจะใช้วิธีการให้ของแข็งนั้นดูดซับแก๊สให้อิ่มตัวเอาไว้ก่อนที่อุณหภูมิต่ำ จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มอุณหภูมิของตัวอย่างและวัดปริมาณแก๊สที่คายออกมา ตัวอย่างเช่นในการวัดความเป็นเบสของพื้นผิวเราอาจให้ตัวอย่างดูดซับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ไว้ก่อน จากนั้นจึงให้ความร้อนแก่ตัวอย่างเพื่อให้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์หลุดออกมา ยิ่งใช้อุณหภูมิยิ่งสูงเท่าใดในการไล่ ก็แสดงว่าความเป็นเบสของพื้นผิวนั้นยิ่งแรง
การวัดว่ามีแก๊สหลุดออกมาจากพื้นผิวหรือไม่นั้นนิยมวัดโดยการใช้ Thermal Conductivity Detector (TCD) ซึ่งวัดการเปลี่ยนแปลงกระแสไฟฟ้าที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงค่าการนำความร้อนของแก๊ส โดยปรกติแล้วจะใช้แก๊ส He บริสุทธิ์ไหลผ่าน TCD ดังนั้นเมื่อมีแก๊สชนิดอื่นผสมเข้ามาในแก๊ส He ก็จะทำให้ค่าการนำความร้อนของแก๊ส He เปลี่ยนไป ส่งผลให้ TCD ส่งสัญญาณออกมา
เนื่องจากแก๊สใด ๆ ก็ตามที่ผสมเข้าไปกับ He ก็จะทำให้ค่าการนำความร้อนของแก๊ส He เปลี่ยนไปทั้งนั้น ดังนั้นไม่ว่าแก๊สนั้นจะเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลุดออกจากพื้นผิว หรือออกซิเจนที่เกิดจากการสลายตัวของ MgO ก็จะทำให้เห็นสัญญาณของ TCD ทั้งนั้น และสัญญาณดังกล่าวก็บอกไม่ได้ด้วยว่าเกิดจากแก๊สอะไร
ประเด็นที่ผมได้เกริ่นไว้ตอนต้นคือในผลการทดลองที่มีการนำเสนอนั้น มีการระบุว่าสัญญาณที่เห็นเป็นสัญญาณจากการคายซับคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ที่ผมจำได้คือ ณ อุณหภูมิบริเวณนั้นเป็นอุณหภูมิที่ MgO สามารถสลายตัวให้แก๊สออกซิเจนออกมาด้วย ซึ่งตรงนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าผู้วิจัยผู้นั้นทราบถึงคุณสมบัติของ MgO ในเรื่องนี้หรือเปล่า และได้มีการเตรียมการแยกผลที่เกิดจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลุดออกมาและออกซิเจนที่เกิดจากการสลายตัวไว้ด้วยหรือไม่
วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552
แก๊สเข้าทางไหน MO Memoir : Saturday 17 October 2552
เรื่องที่จะเล่าต่อไปมีการเรียบเรียงใหม่นิดหน่อย เพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้นิสิตทั้งสองคนที่ได้มาคุญกับผมในฐานะที่ต้องเข้ามาดูแลเครื่องมือนี้ด้วย
เรื่องราวมันเริ่มต้นจากมีนิสิตมาแจ้งว่าเครื่องมันเสีย วัดอุณหภูมิไม่ได้ ควบคุมอัตราการให้ความร้อนไม่ได้ ช่างที่มาตรวจแล้วเสนอให้เปลี่ยนบีม (beam - ในที่นี้คานวางตัวอย่างอย่างซึ่งมีเทอร์โมคัปเปิลอยู่ในตัว แต่ต่อจะขอเขียนทับศัพท์แล้วกันเพราะขี้เกียจกดแป้นสลับภาษา) ผมได้ฟังข้อกล่าวหาที่มีต่อเครื่องเสร็จก็เกิดความสงสัย ถามว่าตกลงว่าอะไรกันแน่ที่เสีย คำถามที่ผมถามกลับไปมี
(ก) เครื่องยังอ่านอุณหภูมิของเตาเผาได้หรือไม่ ถ้าอ่านไม่ได้ก็เป็นไปได้ว่า
- เทอร์โมคัปเปิลเสีย หรือ
- การเชื่อมต่อระหว่างเทอร์โมคับเปิลกับวงจรอิเล็กทรอนิกส์เสีย (เทอร์โมคัปเปิดไม่ได้เสีย) หรือ
- เสียทั้งสองจุดที่กล่าวมาข้างบน
(ข) ถ้าเครื่องยังอ่านอุณหภูมิของเตาเผาได้ ก็มีคำถามต่อไปอีกว่าค่าที่อ่านได้นั้นถูกหรือผิด ถ้าค่าที่อ่านได้นั้นผิดก็เป็นไปได้ว่าเทอร์โมคัปเปิลมีปัญหา
(ค) แต่ถ้าเครื่องอ่านอุณหภูมิได้ถูก ปัญหาก็ไม่น่าที่จะอยู่ที่เทอร์โมคับเปิล
ข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติมมาคือเทอร์โมคับเปิลอ่านอุณหภูมิได้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าที่อ่านนั้นมันถูกหรือผิด รู้แต่ว่าไม่สามารถควบคุมอัตราการเพิ่มอุณหภูมิของเตาเผาได้ โดยเฉพาะช่วงอุณหภูมิต่ำ ผมก็ถามต่อไปว่า
(ง) ที่ว่าควบคุมไม่ได้นั้นเป็นอย่างไร คือคอมพิวเตอร์สั่งให้เพิ่มอุณหภูมิแต่อุณหภูมิไม่เพิ่มขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้ปัญหาน่าจะอยู่ที่เตาเผาหรือไม่ก็การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับเตาเผา
(จ) หรือว่าอัตราการเพิ่มอุณหภูมิไม่เป็นไปตามที่กำหนด แกว่งไปมาเอาแน่เอานอนไม่ได้
ผมก็ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมาอีกว่า อัตราการเพิ่มอุณหภูมิควบคุมไม่ได้ ก็เลยถามต่อไปอีกว่า
(ฉ) เครื่องนี้สามารถปรับค่าพารามิเตอร์ควบคุม PID (เรียน Process Dynamic Control กันมาแล้ว น่าจะรู้จักแล้วนะว่ามันคือค่าอะไร) ได้หรือไม่ ถ้าทำได้ มีใครไปปรับเปลี่ยนมันหรือเปล่า
คำตอบที่ได้รับคือไม่รู้ และไม่รู้ด้วยว่าทำได้หรือเปล่า ที่ "รุ่นพี่" สอนกันมาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ คำตอบที่ทำให้ผมมึนไปเหมือนกันคือคำถามที่ถูกถามกลับมาว่า ค่า PID มันคืออะไรหรือ แล้วมันสำคัญอย่างไรกับการควบคุม (ว่าแต่ว่าเมื่ออ่านมาถึงจุดนี้แล้ว คุณเป็นแบบเขาหรือเปล่า)
ข้อมูลที่ได้รับทราบเพิ่มเติมจากนิสิตคือช่างบอกว่าบีมถูกกัดกร่อน และคิดว่าปัญหาน่าจะมาจากแก๊สที่เกิดจากการสลายตัวของตัวอย่าง แต่ผมก็มีคำถามที่สงสัยตามมาคือ
(ช) ตำแหน่งการติดตั้งบีมนั้นสัมพันธ์กับทิศทางการไหลของแก๊สและจุดวางตัวอย่างอย่างไร ถ้าบีมอยู่ทางด้าน upstream ของทิศทางการไหลแล้ว แก๊สที่เกิดจากการสลายตัวของตัวอย่างไม่ควรที่จะไหลย้อนกลับมากัดกร่อนบีมได้ ถ้าการกัดกร่อนนั้นเกิดจากแก๊สที่เกิดจากการสลายตัวของตัวอย่างจริง แล้วแก๊สนั้นไหลย้อนต้านการไหลของ purge gas ได้อย่างไร ต้องมีคำอธิบายตรงจุดนี้
คำตอบที่ได้รับก็คือ ไม่รู้เหมือนกันว่าแก๊สมันไหลจากไหนไปไหน รู้แต่ว่ามันเข้าทางด้านหลังเครื่อง ส่วนเตาเผาอยู่ทางด้านซ้ายมือหรือขวามือก็จำไม่ได้ บีมยื่นมาจากทางด้านไหนจะอยู่ upstream หรือ downstream ของทิศทางการไหลของแก๊สก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าใช้แก๊ส "ออกซิเจน 100%" เป็น purge gas ด้วยอัตราการไหล 100 ml/min พอผมได้ยินว่าใช้อะไรเป็น purge gas ก็นิ่งไปเหมือนกัน (พลางคิดในใจว่าพวกนี้รอดมาได้ยังไง ไม่เกิดไฟไหม้หรือระเบิดก็บุญแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ทื่ได้รับประโยชน์จากผลการทดลองนั้นรู้หรือเปล่าว่านิสิตเหล่านี้เผชิญกับอะไรอยู่ในระหว่างการทดลอง) แล้วถามต่อไปว่าใครเป็นคนต้นคิดให้ใช้แก๊สตัวนี้ คำตอบที่ได้รับก็คือใช้ต่อ ๆ กันมา ผมเองก็บอกเขาไปว่าสงสัยว่าตัวที่ทำให้บีมพังคงไม่ใช่แก๊สที่เกิดจากตัวอย่างหรอก สงสัยเป็นเพราะออกซิเจน 100% ที่ใช้เป็น purge gas ซะมากกว่าที่เป็นตัวการต้นเหตุ
ขอพักเรื่องที่เกิดไว้ตรงนี้ก่อนก็เพื่อที่จะแนะนำให้รู้จักกับเครื่อง TGA
เครื่อง TGA ที่เคยเห็นนั้นพอจะแยกออกเป็น 3 ชิ้นส่วนหลัก ๆ ด้วยกันคือ
1. ส่วนเตาเผา (Furnace) ที่ทำหน้าที่ให้ความร้อนแก่ตัวอย่าง
2. ส่วนเครื่องชั่งหนักหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ชั่งน้ำหนักตัวอย่าง
3. ส่วนควบคุม ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่อง ส่วนควบคุมนี้อาจเป็นอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่ติดมากับตัวเครื่อง หรือเป็นเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมผ่านทางซอฟแวร์ก็ได้
รูปแบบการจัดวางอุปกรณ์ (เฉพาะส่วนเตาเผาและส่วนเครื่องชั่งน้ำหนัก) ที่เคยเห็นนั้น พอจะทำให้แบ่งรูปแบบการออกแบบเครื่อง TGA ออกได้เป็น 2 รูปแบบคือ
1. รูปแบบจัดวางในแนวดิ่ง รูปแบบนี้จะจัดวางส่วนเครื่องชั่งอยู่เหนือเตาเผา (เช่นเครื่อง TGA-50 ที่มีใช้อยู่ในแลปเรา) ซึ่งมีทิศทางการไหลของแก๊ส (ทั้ง purge gas และ reactive gas) จากบนลงล่าง โดยตัวเตาเผาเป็นตัวที่เลื่อนขึ้น-ลง (ดูรูปที่ 1 ประกอบ) หรือจัดวางเตาเผาอยู่เหนือส่วนเครื่องชั่ง (เช่นเครื่อง TGA-40 ที่อยู่ที่ศูนย์เครื่องมือวิเคราะห์ ถ้าอยากเห็นก็ติดต่อมา จะพาไปดูให้ได้) ซึ่งมีทิศทางการไหลของแก๊ส (ทั้ง purge gas และ reactive gas) จากล่างขึ้นบน โดยเวลาใช้งานที่ก็เลื่อนเตาเผาลงมาสวมครอบตัวอย่างเอาไว้
2. รูปแบบการจัดวางในแนวนอน รูปแบบนี้จะวางส่วนเครื่องชั่งและส่วนเตาเผาอยู่เคียงข้างกัน โดยทิศทางการไหลของแก๊ส (ทั้ง purge gas และ reactive gas) จะอยู่ในแนวนอน (จะซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้ายก็ไม่สำคัญ ขึ้นอยู่กับคนออกแบบ (ดูรูปที่ 2 ประกอบ)
แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียของมันเอง แล้วแต่ว่าแบบไหนเหมาะสมกับงานของเรามากที่สุด
รูปที่ 1 รูปแบบเครื่อง TGA ที่ใช้วิธีแขวนตัวอย่างในแนวดิ่ง
รูปที่ 2 รูปแบบเครื่อง TGA ที่จัดรูปแบบอุปกรณ์ในแนวนอน
ลักษณะทั่วไปนั้น ส่วนเครื่องชั่ง (กล่องสีน้ำเงิน) จะเป็นส่วนที่อยู่กับที่ โดยส่วนเตาเผา (กล่องสีเขียวแก่) เป็นส่วนที่เลื่อนเข้า-ออกได้ เนื่องจากส่วนเครื่องชั่งนั้นต้องมีลวดสำหรับแขวนตัวอย่าง (สีเขียวอ่อนในรูปที่ 1) หรือบีมสำหรับวางตัวอย่าง (สีเขียวอ่อนในรูปที่ 2) โผล่ยื่นออกมาจากตัวกล่องหุ้มห่อเครื่องชั่ง ตำแหน่งที่ลวดหรือบีมนั้นโผล่ออกมาเป็นตำแหน่งที่เป็นรูเปิดเชื่อมต่อกันระหว่างตัวเครื่องชั่งกับเตาเผา ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้แก๊สที่เกิดจากการเผาไหม้เข้าไปรบกวนการวัดหรือทำความเสียหายต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องชั่ง จึงต้องทำการป้องกันบริเวณส่วนนี้ด้วยการป้อนแก๊สที่เฉื่อย (เช่น He N2 Ar หรืออากาศ) เข้าไป "ทุกครั้งและตลอดเวลา" ที่ทำการวิเคราะห์ แก๊สเหล่านี้คือ "Purge gas" ที่ได้กล่าวถึงมาก่อนหน้า
Purge gas นอกจากทำหน้าที่ป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องชั่งแล้วยังมีหน้าที่สำคัญอีกหน้าที่หนึ่งคือ ทำการ "เป่าไล่" แก๊สที่เกิดจากการสลายตัวของสารตัวอย่างให้ระบายออกไปทางด้านรูระบาย (vent) พึงสังเกตในรูปจะเห็นว่าการวางลวดแขวนตัวอย่างหรือบีมวางตัวอย่างนั้น ตัวลวดหรือตัวบีมจะอยู่ทางด้าน upstream ของการไหลของแก๊ส ส่วนตัวอย่างจะอยู่ทางด้าน downstream ของการไหลของแก๊ส ดังนั้นเมื่อตัวอย่างสลายตัว แก๊สที่เกิดจากการสลายตัวจะถูกพัดพาออกไปจากชิ้นส่วนที่บอบบางเหล่านี้
เพื่อให้มั่นใจว่าตัวอุปกรณ์ได้รับการป้องกันจากแก๊สที่เกิดจากการสลายตัว อัตราการไหลของ purge gas จึงต้องเหมาะสมกับ ปริมาตรของกล่องบรรจุเครื่องชั่ง ปริมาตรและขนาดพื้นที่หน้าตัดของเตาเผา และปริมาณแก๊สที่คาดว่าจะเกิดจากการสลายตัวของสารตัวอย่างรวมกัน โดยหลัก ๆ ก็คือเราต้องการให้แก๊สที่เกิดจากการสลายตัวนั้นถูกพัดออกไปจากตัวอุปกรณ์ทันที โดยไม่มีการฟุ้งสะสมอยู่ในเตาเผา (ถ้าให้ผมเริ่มต้นทดลอง ผมก็จะลองใช้ purge gas ที่อัตราการไหลอย่างน้อย 2 เท่าของปริมาตรของเตาเผาต่อนาทีก่อน แล้วค่อยปรับกันใหม่อีกที) เพราะถ้าอัตราการไหลของ purge gas ต่ำเกินไปก็จะทำให้แก๊สที่เกิดจากการสลายตัวสะสมอยู่ในเตาเผา
ในกรณีที่เราต้องการใช้แก๊สที่มีความว่องไวในการทำปฏิกิริยา (Reactive gas ต่าง ๆ เช่น H2 NH3 CO O2 ฯลฯ) เข้าทำปฏิกิริยากับตัวอย่างในระหว่างการเผา เราก็สามารถป้อนแก๊สเหล่านี้ไปยังตัวอย่างได้ แต่ต้องป้อนผ่านช่องทางพิเศษที่เป็นทางเข้าของ reactive gas ไม่ใช่ป้อนเข้าทางช่อง purge gas (ดังเช่นกรณีของการป้อน O2 100% ที่เล่ามาก่อนหน้านี้) ช่องทางพิเศษนี้จะนำ reactive gas ไปปล่อยออกถึงตรงตำแหน่งที่วางตัวอย่าง และโดยทั่วไปแล้วอัตราการไหลของ reactive gas ควรจะต่ำกว่าอัตราการไหลของ purge gas เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มี reactive gas ตกค้างสะสมอยู่ในเตาเผา ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรืออันตรายได้
จะว่าไปแล้วข้อห้ามและข้อกำหนดต่าง ๆ สำหรับแก๊สที่จะป้อนเข้าเครื่องได้มีบอกไว้แล้วในหนังสือคู่มือและส่วน Help ของซอฟแวร์ควบคุมการทำงาน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครคิดที่จะอ่านมัน เป็นเรื่องปรกติที่เมื่อผมถามหาหนังสือคู่มือเวลาที่อุปกรณ์ใดมีปัญหา ผมจะโดยถามกลับมาว่า "มีด้วยหรือ"
ดูเหมือนว่าคำสอนของรุ่นพี่ถือเป็นคัมภีร์ที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ส่วนคู่มือของเครื่องที่ผู้ผลิตและออกแบบอุตส่าห์เขียนขึ้นมาไม่ต้องไปสนใจ
ตัวเร่งปฏิกิริยาและการทดสอบ
- การกำจัดสีเมทิลีนบลู
- การคำนวณพื้นที่ผิวแบบ Single point BET
- การคำนวณพื้นที่ผิวแบบ Single point BET ตอนที่ ๒ ผลกระทบจากความเข้มข้นไนโตรเจนที่ใช้
- การจำแนกตำแหน่งที่เป็นกรด Brönsted และ Lewis บนพื้นผิวของแข็งด้วยเทคนิค Infrared spectroscopy และ Adsorbed probe molecules
- การจำแนกตำแหน่งที่เป็นเบส Brönsted และ Lewis บนพื้นผิวของแข็งด้วยเทคนิค Infrared spectroscopy และ Adsorbed probe molecules
- การใช้ข้อต่อสามทางผสมแก๊ส
- การใช้ Avicel PH-101 เป็น catalyst support
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๑ ขั้นตอนของการเกิดปฏิกิริยาบนตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๒ การดูดซับบนพื้นผิวของแข็ง
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๓ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Freundlich
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๔ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Langmuir
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๕ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Temkin
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๖ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ BET
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๗ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๘ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET (๒)
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๙ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET (๓)
- การเตรียมตัวอย่างตัวเร่งปฏิกิริยาแบบผงให้เป็นแผ่นบาง
- การทดสอบตัวเร่งปฏิกิริยา - ผลแตกต่างหรือไม่แตกต่าง
- การทำปฏิกิริยา ๓ เฟสใน stirred reactor
- การบรรจุ inert material ใน fixed-bed
- การปรับ WHSV
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๑ ผลของความหนาแน่นที่แตกต่าง
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๒ ขนาดของ magnetic bar กับเส้นผ่านศูนย์กลางภาชนะ
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๓ ผลของรูปร่างภาชนะ
- การผสมแก๊สอัตราการไหลต่ำเข้ากับแก๊สอัตราการไหลสูง
- การระบุชนิดโลหะออกไซด์
- การลาก smooth line เชื่อมจุด
- การเลือกค่า WHSV (Weight Hourly Space Velocity) สำหรับการทดลอง
- การวัดความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง (อีกครั้ง)
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC (๒)
- การวัดพื้นที่ผิว BET
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๑)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๒)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๓)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๔)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๕)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๖)
- การไหลผ่าน Straightening vane และโมโนลิท (Monolith)
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๕๗ ตอนที่ ๑
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๕๗ ตอนที่ ๒
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๖๘
- ข้อควรระวังเมื่อใช้ออกซิเจนความเข้มข้นสูง
- ข้อพึงระวังในการแปลผลการทดลอง
- ค่า signal to noise ratio ที่ต่ำที่สุด
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๑ Volcano principle
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๒ แบบจำลอง Langmuir
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๓ แบบจำลอง Langmuir-Hinshelwood
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๔ แบบจำลอง Eley-Rideal
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๕ แบบจำลอง REDOX
- ตอบคำถามเรื่องการเตรียมตัวเร่งปฏิกิริยา
- ตัวเลขมันสวย แต่เชื่อไม่ได้
- ตัวเลขไม่ได้ผิดหรอก คุณเข้าใจนิยามไม่สมบูรณ์ต่างหาก
- ตัวไหนดีกว่ากัน (Catalyst)
- แต่ละจุดควรต่างกันเท่าใด
- ท่อแก๊สระบบ acetylene hydrogenation
- น้ำหนักหายได้อย่างไร
- ปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนและการแทนที่ไฮโดรเจนของอะเซทิลีน
- ปฏิกิริยาอันดับ 1 หรือปฏิกิริยาอันดับ 2
- ปฏิกิริยาเอกพันธ์และปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ในเบดนิ่ง
- ปั๊มสูบไนโตรเจนเหลวจากถังเก็บ
- ผลของแก๊สเฉื่อยต่อการเกิดปฏิกิริยา
- เผาในเตาแบบไหนดี (Calcination)
- พลังงานกระตุ้นกับปฏิกิริยาคายความร้อนในเครื่องปฏิกรณ์เบดนิ่ง
- เมื่อแก๊สรั่วที่ rotameter
- เมื่อพีคออกซิเจนของระบบ DeNOx หายไป
- เมื่อเส้น Desorption isotherm ต่ำกว่าเส้น Adsorption isotherm
- เมื่อ base line เครื่อง chemisorb ไม่นิ่ง
- เมื่อ Mass Flow Controller คุมการไหลไม่ได้
- เรื่องของสุญญากาศกับ XPS
- สแกนกี่รอบดี
- สมดุลความร้อนรอบ Laboratory scale fixed-bed reactor
- สรุปการประชุมวันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๓
- เส้น Cu Kα มี ๒ เส้น
- เห็นอะไรไม่สมเหตุสมผลไหมครับ
- อย่าลืมดูแกน Y
- อย่าให้ค่า R-squared (Coefficient of Determination) หลอกคุณได้
- อุณหภูมิกับการไหลของแก๊สผ่าน fixed-bed
- อุณหภูมิและการดูดซับ
- BET Adsorption-Desorption Isotherm Type I และ Type IV
- ChemiSorb 2750 : การเตรียมตัวอย่างเพื่อการวัดพื้นที่ผิว BET
- ChemiSorb 2750 : การวัดพื้นที่ผิวแบบ Single point BET
- ChemiSorb 2750 : ผลของอัตราการไหลต่อความแรงสัญญาณ
- Distribution functions
- Electron Spin Resonance (ESR)
- GHSV หรือ WHSV
- in situ กับ operando
- Ion-induced reduction ขณะทำการวิเคราะห์ด้วย XPS
- MO ตอบคำถาม การทดลอง gas phase reaction ใน fixed-bed
- MO ตอบคำถาม การวัดความเป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็ง
- Monolayer หรือความหนาเพียงชั้นอะตอมเดียว
- NH3-TPD - การลาก base line
- NH3-TPD - การลาก base line (๒)
- NH3-TPD - การไล่น้ำและการวาดกราฟข้อมูล
- NH3-TPD ตอน ตัวอย่างผลการวิเคราะห์ ๑
- NH3-TPD ตอน ตัวอย่างผลการวิเคราะห์ ๒
- Physisorption isotherms Type I และ Type IV
- Scherrer's equation
- Scherrer's equation (ตอนที่ 2)
- Scherrer's equation (ตอนที่ ๓)
- Scherrer's equation (ตอนที่ ๔)
- Supported metal catalyst และ Supported metal oxide catalyst
- Temperature programmed reduction ด้วยไฮโดรเจน (H2-TPR)
- Temperature programmed reduction ด้วยไฮโดรเจน (H2-TPR) ภาค ๒
- UV-Vis - peak fitting
- XPS ตอน การแยกพีค Mo และ W
- XPS ตอน จำนวนรอบการสแกน
- XRD - peak fitting
คณิตศาสตร์สำหรับวิศวกรรมเคมี
- การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญปัญหาเงื่อนไขค่าเริ่มต้นด้วยระเบียบวิธี Bogacki-Shampine และ Predictor-Evaluator-Corrector-Evaluator (PECE)
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๑
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๒
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๓
- การแก้สมการเชิงอนุพันธ์สามัญด้วยการใช้ Integrating factor
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๐)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๑)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๒)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๓)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๒)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๓)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๔)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๕)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๖)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๗)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๘)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๙)
- การคำนวณค่าฟังก์ชันพหุนาม
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๑)
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๒)
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๓)
- การหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร x และ y
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๒)
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๒) (pdf)
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๓)
- ข้อสอบเก่าชุดที่ ๑
- ข้อสอบเก่าชุดที่ ๒
- ค่าคลาดเคลื่อน (error)
- จำนวนที่น้อยที่สุดที่เมื่อบวกกับ 1 แล้วได้ผลลัพธ์ไม่ใช่ 1
- โจทย์ผิดหรือถูกคะ??
- ใช่ว่าคอมพิวเตอร์จะคิดเลขถูกเสมอไป
- ตัวเลขที่เท่ากันแต่ไม่เท่ากัน
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธีนิวตัน-ราฟสัน
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี Müller และ Inverse quadratic interpolation
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี successive iteration
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี successive iteration (pdf)
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วย Function fzero ของ GNU Octave
- ตัวอย่างการคำนวณหาพื้นที่ใต้กราฟ ด้วยระเบียบวิธี Gaussian quadrature
- ตัวอย่างการคำนวณหาพื้นที่ใต้กราฟ ด้วยระเบียบวิธี Gaussian quadrature (pdf)
- ตัวอย่างผลของรูปแบบสมการต่อคำตอบของ ODE-IVP
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๑
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๒
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๓
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๔
- ทบทวนเรื่องการคูณเมทริกซ์
- ทบทวนเรื่อง Taylor's series
- ทศนิยมลงท้ายด้วยเลข 5 จะปัดขึ้นหรือปัดลง
- บทที่ ๑ การคำนวณตัวเลขในระบบทศนิยม
- บทที่ ๒ การแก้ปัญหาระบบสมการพีชคณิตเชิงเส้น
- บทที่ ๓ การแก้ปัญหาระบบสมการพีชคณิตไม่เชิงเส้น
- บทที่ ๔ การประมาณค่าในช่วง
- บทที่ ๕ การหาค่าอนุพันธ์
- บทที่ ๖ การหาค่าอินทิกรัล
- บทที่ ๗ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญ ระบบสมการปัญหาเงื่อนไขค่าเริ่มต้น
- บทที่ ๘ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญ ระบบสมการปัญหาเงื่อนไขค่าขอบเขต
- บทที่ ๙ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์ย่อย
- ปฏิกิริยาคายความร้อนใน CSTR (ตอนที่ ๑)
- ปฏิกิริยาคายความร้อนใน CSTR (ตอนที่ ๒)
- เปรียบเทียบการแก้ปัญหาสมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วย solver ของ GNU Octave
- เปรียบเทียบการแก้ Stiff equation ด้วยระเบียบวิธี Runge-Kutta และ Adam-Bashforth
- เปรียบเทียบระเบียบวิธี Runge-Kutta
- เปรียบเทียบ Gauss elimination ที่มีและไม่มีการทำ Pivoting
- เปรียบเทียบ Gauss elimination ที่มีและไม่มีการทำ Pivoting (Spreadsheet)
- ฟังก์ชันแกมมา (Gamma function) และ ฟังก์ชันเบสเซล (Bessel function)
- เมื่อ 1 ไม่เท่ากับ 0.1 x 10
- ระเบียบวิธี Implicit Euler และ Crank-Nicholson กับ Stiff equation
- เลขฐาน ๑๐ เลขฐาน ๒ จำนวนเต็ม จำนวนจริง
- Distribution functions
- LU decomposition ร่วมกับ Iterative improvement
- LU decomposition ร่วมกับ Iterative improvement (pdf)
- Machine precision กับ Machine accuracy
เคมีสำหรับวิศวกรเคมี
- กรด-เบส : อ่อน-แก่
- กรด-เบส : อะไรควรอยู่ในบิวเรต
- กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4)
- กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4) ตอนที่ ๒
- กราฟการไทเทรตกรดที่ให้โปรตอนได้ ๒ ตัว
- กราฟการไทเทรตกรดที่ให้โปรตอนได้ ๓ ตัว
- กราฟการไทเทรตกรดไฮโปคลอรัส (HOCl)
- กราฟอุณหภูมิการกลั่นของน้ำมันเบนซิน (Gasoline distillation curve)
- กลิ่นกับอันตรายของสารเคมี
- การกำจัดสีเมทิลีนบลู
- การเกิดปฏิกิริยาเคมี
- การเจือจางไฮโดรคาร์บอนในน้ำ
- การใช้ pH probe
- การใช้ Tetraethyl lead นอกเหนือไปจากการเพิ่มเลขออกเทน
- การดูดกลืนคลื่นแสงของแก้ว Pyrex และ Duran
- การดูดกลืนแสงสีแดง
- การเตรียมสารละลายด้วยขวดวัดปริมาตร
- การเตรียมหมู่เอมีนและปฏิกิริยาของหมู่เอมีน (การสังเคราะห์ฟีนิลบิวตาโซน)
- การทำน้ำให้บริสุทธิ์สำหรับห้องปฏิบัติการ
- การทำปฏิกิริยาของโพรพิลีนออกไซด์ (1,2-Propylene oxide) ตอนที่ ๑
- การทำปฏิกิริยาของโพรพิลีนออกไซด์ (1,2-Propylene oxide) ตอนที่ ๒
- การทำปฏิกิริยาของหมู่ Epoxide ในโครงสร้าง Graphene oxide
- การทำปฏิกิริยาต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์
- การเทของเหลวใส่บิวเรต
- การไทเทรต 1,1-Diamino-2,2-dinitroethene (FOX-7)
- การน๊อคของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน และสารเพิ่มเลขออกเทนของน้ำมัน
- การเปลี่ยนพลาสติกเป็นน้ำมัน
- การเปลี่ยนเอทานอล (Ethanol) ไปเป็นอะเซทัลดีไฮด์ (Acetaldehyde)
- การเรียกชื่อสารเคมี
- การลดการระเหยของของเหลว
- การละลายของแก๊สในเฮกเซน (Ethylene polymerisation)
- การละลายเข้าด้วยกันของโมเลกุลมีขั้ว-ไม่มีขั้ว
- การวัดความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง (อีกครั้ง)
- การวัดปริมาณ-ความแรงของตำแหน่งที่เป็นกรดบนพื้นผิว
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC
- การวัดปริมาตรของเหลว
- การหาความเข้มข้นสารละลายมาตรฐานกรด
- การหาจุดสมมูลของการไทเทรตจากกราฟการไทเทรต
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส (ตอนที่ ๒)
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส (ตอนที่ ๓)
- แก๊สมัสตาร์ดกับกลิ่นทุเรียน
- ข้อควรระวังเมื่อใช้ออกซิเจนความเข้มข้นสูง
- คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับงานเคมีวิเคราะห์
- ความกระด้าง (Hardness) ของน้ำกับปริมาณของแข็งทั้งหมด ที่ละลายอยู่ (Total Dissolved Solid - TDS)
- ความดันกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี
- ความเป็นกรดของหมู่ไฮดรอกซิล (Hydroxyl group) ตอนที่ ๑
- ความเป็นกรดของหมู่ไฮดรอกซิล (Hydroxyl group) ตอนที่ ๒
- ความเป็นกรดของอัลฟาไฮโดรเจนอะตอม (alpha-Hydrogen atom) ตอน กรดบาร์บิทูริก (Barbituric acid)
- ความเป็นกรดของอัลฟาไฮโดรเจนอะตอม (alpha-Hydrogen atoms)
- ความเป็นขั้วบวกของอะตอม C และการทำปฏิกิริยาของอีพิคลอโรไฮดริน (epichlorohydrin)
- ความเป็นไอออนิก (Percentage ionic character)
- ความสัมพันธ์ระหว่างสีกับชนิดและปริมาณธาตุ
- ความสำคัญของเคมีวิเคราะห์และเคมีอินทรีย์ในงานวิศวกรรมเคมี
- ความเห็นที่ไม่ลงรอยกับโดเรมี่
- ค้างที่ปลายปิเปตไม่เท่ากัน
- คำตอบของ Cubic equation of state
- จากกลีเซอรอล (glycerol) ไปเป็นอีพิคลอโรไฮดริน (epichlorohydrin)
- จากเบนซาลดีไฮด์ (Benzaldehyde) ไปเป็นกรดเบนซิลิก (Benzilic acid)
- จากโอเลฟินส์ถึงพอลิอีเทอร์ (From olefins to polyethers)
- จาก Acetone เป็น Pinacolone
- จาก Alkanes ไปเป็น Aramids
- จาก Aniline ไปเป็น Methyl orange
- จาก Benzene ไปเป็น Butter yellow
- จาก Hexane ไปเป็น Nylon
- จาก Toluene และ m-Xylene ไปเป็นยาชา
- ดำหรือขาว
- ไดโพรพิลเอมีน (Dipropylamine)
- ตกค้างเพราะเปียกพื้นผิว
- ตอบคำถามแบบแทงกั๊ก
- ตอบคำถามให้ชัดเจนและครอบคลุม
- ตำราสอนการใช้ปิเปตเมื่อ ๓๓ ปีที่แล้ว
- ไตรเอทานอลเอมีน (Triethanolamine)
- ถ่านแก๊ส หินแก๊ส แก๊สก้อน
- ทอดไข่เจียวให้อร่อยต้องใช้น้ำมันหมู
- ทำไมน้ำกระด้างจึงมีฟอง
- ที่แขวนกล้วย
- เท่ากับเท่าไร
- โทลูอีน (Toluene)
- ไทโอนีลคลอไรด์ (Thionyl chloride)
- นานาสาระเคมีวิเคราะห์
- น้ำด่าง น้ำอัลคาไลน์ น้ำดื่ม
- น้ำดื่ม (คิดสักนิดก่อนกดแชร์ เรื่องที่ ๑๑)
- น้ำตาลทราย ซูคราโลส และยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย
- น้ำบริสุทธิ์ (Purified water)
- ไนโตรเจนเป็นแก๊สเฉื่อยหรือไม่
- บีกเกอร์ 250 ml
- แบบทดสอบก่อนเริ่มเรียนวิชาเคมีสำหรับนิสิตวิศวกรรมเคมี
- ปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนและการแทนที่ไฮโดรเจนของอะเซทิลีน (Hydrogenation and replacement of acetylenic hydrogen)
- ปฏิกิริยาการผลิต Vinyl chloride
- ปฏิกิริยาการออกซิไดซ์
- ปฏิกิริยา alpha halogenation และการสังเคราะห์ tertiary amine
- ปฏิกิริยา ammoxidation หมู่เมทิลที่เกาะอยู่กับวงแหวนเบนซีน
- ปฏิกิริยา Benzene alkylation
- ปฏิกิริยา Dehydroxylation
- ปฏิกิริยา Electrophilic substitution ของ m-Xylene
- ปฏิกิริยา Nucleophilic substitution ของสารประกอบ Organic halides
- ประโยชน์ของ Nitric oxide ในทางการแพทย์
- ปัญหาการสร้าง calibration curve ของ ICP
- ปัญหาการหาความเข้มข้นสารละลายกรด
- ปัญหาของไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว
- โป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย
- ผลของค่าพีเอชต่อสีของสารละลายเปอร์แมงกาเนต
- ผลของอุณหภูมิต่อการแทนที่ตำแหน่งที่ 2 บนวงแหวนเบนซีน
- ฝึกงานภาคฤดูร้อน ๒๕๕๓ ตอนที่ ๑ อธิบายศัพท์
- พีคเหมือนกันก็แปลว่ามีหมู่ฟังก์ชันเหมือนกัน
- ฟลูออรีนหายไปไหน
- ฟอสฟอรัสออกซีคลอไรด์ (Phosphorus Oxychloride)
- ฟีนอล แอซีโทน แอสไพริน พาราเซตามอล สิว โรคหัวใจ และงู
- มุมมองที่ถูกจำกัด
- เมทานอลกับเจลล้างมือ
- เมื่อคิดในรูปของ ...
- เมื่อตำรายังพลาดได้ (Free radical polymerisation)
- เมื่อน้ำเพิ่มปริมาตรเองได้
- เมื่อหมู่คาร์บอนิล (carbonyl) ทำปฏิกิริยากันเอง
- รังสีเอ็กซ์
- เรื่องของสไตรีน (คิดสักนิดก่อนกด Share เรื่องที่ ๑)
- แลปการไทเทรตกรด-เบส ภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา ๒๕๖๐
- ศัพท์เทคนิค-เคมีวิเคราะห์
- สรุปคำถาม-ตอบการสอบวันศุกร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๒
- สีหายไม่ได้หมายความว่าสารหาย
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๑)
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๒)
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๓)
- หมู่ทำให้เกิดสี (chromophore) และหมู่เร่งสี (auxochrome)
- หลอกด้วยข้อสอบเก่า
- อะเซทิลีน กลีเซอรีน และไทออล
- อะโรมาติก : การผลิต การใช้ประโยชน์ และปัญหา
- อัลคิลเอมีน (Alkyl amines) และ อัลคิลอัลคานอลเอมีน (Alkyl alkanolamines)
- อีเทอร์กับการเกิดสารประกอบเปอร์ออกไซด์
- อุณหภูมิ อัตราการเกิดปฏิกิริยา สมดุลเคมี
- เอา 2,2-dimethylbutane (neohexane) ไปทำอะไรดี
- เอาเบนซีนกับเอทานอลไปทำอะไรดี
- เอา isopentane ไปทำอะไรดี
- เอา maleic anhydride ไปทำอะไรดี
- เอา pentane ไปทำอะไรดี
- ไอโซเมอร์ (Isomer)
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กับพอลิโพรพิลีน
- Acentric factor
- Aldol condensation กับ Cannizzaro reaction
- Aldol condesation ระหว่าง Benzaldehyde กับ Acetone
- A-Level เคมี ปี ๖๖ ข้อพอลิเอทิลีน
- A-Level เคมี ปี ๖๘ ข้อการแยกสารด้วยการกลั่น
- Beilstein test กับเตาแก๊สที่บ้าน
- Benzaldehyde กับปฏิกิริยา Nitroaldol
- BOD และ COD
- BOD หรือ DO
- Carbocation - การเกิดและเสถียรภาพ
- Carbocation - การทำปฏิกิริยา
- Carbocation ตอนที่ ๓ การจำแนกประเภท-เสถียรภาพ
- Chloropicrin (Trichloronitromethane)
- Compressibility factor กับ Joule-Thomson effect
- Conjugated double bonds กับ Aromaticity
- Cubic centimetre กับ Specific gravity
- Dehydration, Esterification และ Friedle-Crafts Acylation
- Electrophilic addition ของอัลคีน
- Electrophilic addition ของอัลคีน (๒)
- Electrophilic addition ของ conjugated diene
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 1 บนวงแหวนเบนซีน
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 2 บนวงแหวนเบนซีน ตอน ผลของอุณหภูมิการทำปฏิกิริยา
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 3 บนวงแหวนเบนซีน
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 3 บนวงแหวนเบนซีน ตอน การสังเคราะห์ 2,4-Dinitrophenol
- Esterification of hydroxyl group
- Gibbs Free Energy กับการเกิดปฏิกิริยาและการดูดซับ
- Halogenation ของ alkane
- Halogenation ของ alkane (๒)
- HCl ก่อน ตามด้วย H2SO4 แล้วจึงเป็น HNO3
- I2 ในสารละลาย KI กับไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว
- Infrared spectrum interpretation
- Interferometer
- IR spectra ของโทลูอีน (Toluene) เอทิลเบนซีน (Ethylbenzene) โพรพิลเบนซีน (Propylbenzene) และคิวมีน (Cumene)
- IR spectra ของเบนซีน (Benzene) และไซลีน (Xylenes)
- IR spectra ของเพนทีน (Pentenes)
- Kjeldahl nitrogen determination method
- Malayan emergency, สงครามเวียดนาม, Seveso และหัวหิน
- MO ตอบคำถาม การวัดความเป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็ง
- Nucleophile กับ Electrophile
- PAT2 เคมี ปี ๖๕ ข้อการไทเทรตกรดเบส
- Peng-Robinson Equation of State
- Phenol, Ether และ Dioxin
- Phospharic acid กับ Anhydrous phosphoric acid และ Potassium dioxide
- pH Probe
- Picric acid (2,4,6-Trinitrophenol) และ Chloropicrin
- PV diagram กับการอัดแก๊ส
- Pyrophoric substance
- Reactions of hydroxyl group
- Reactions of hydroxyl group (ตอนที่ ๒)
- Redlich-Kwong Equation of State
- Redlich-Kwong Equation of State (ตอนที่ ๒)
- Soave-Redlich-Kwong Equation of State
- Standard x-ray powder diffraction pattern ของ TiO2
- Sulphur monochloride และ Sulphur dichloride
- Thermal cracking - Thermal decomposition
- Thiols, Thioethers และ Dimethyl thioether
- Van der Waals' Equation of State
- Vulcanisation
ประสบการณ์ Gas chromatograph/Chromatogram
- 6 Port sampling valve
- กระดาษความร้อน (thermal paper) มี ๒ หน้า
- การแก้ปัญหา packing ในคอลัมน์ GC อัดตัวแน่น
- การฉีดแก๊สเข้า GC ด้วยวาล์วเก็บตัวอย่าง
- การฉีดตัวอย่างที่เป็นของเหลวด้วย syringe
- การฉีด GC
- การใช้ syringe ฉีดตัวอย่างที่เป็นแก๊ส
- การดึงเศษท่อทองแดงที่หักคา tube fitting ออก
- การตั้งอุณหภูมิคอลัมน์ GC
- การติดตั้ง Integrator ให้กับ GC-8A เพื่อวัด CO2
- การเตรียมคอลัมน์ GC ก่อนการใช้งาน
- การปรับความสูงพีค GC
- การวัดปริมาณไฮโดรเจนด้วย GC-TCD
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับ FPD (ตอนที่ ๒)
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับ FPD (Flame Photometric Detector)
- โครมาโทกราฟแยกสารได้อย่างไร
- ชนิดคอลัมน์ GC
- ตรวจโครมาโทแกรม ก่อนอ่านต้วเลข
- ตัวอย่างการแยกพีค GC ที่ไม่เหมาะสม
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๑
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๒
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๓
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๔
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๕
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๖
- ทำไมพีคจึงลากหาง
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๑
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๒
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๓
- พีคที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับ packing ในคอลัมน์ GC
- พีคประหลาดจากการใช้อากาศน้อยไปหน่อย
- มันไม่เท่ากันนะ
- เมื่อความแรงของพีค GC ลดลง
- เมื่อจุดไฟ FID ไม่ได้
- เมื่อพีค GC หายไป
- เมื่อพีค GC ออกมาผิดเวลา
- เมื่อพีค GC ออกมาผิดเวลา(อีกแล้ว)
- เมื่อพีค HPLC ออกมาผิดเวลา
- เมื่อเพิ่มความดันอากาศให้กับ FID ไม่ได้
- เมื่อ GC ถ่านหมด
- เมื่อ GC มีพีคประหลาด
- ลากให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน
- สัญญาณจาก carrier gas รั่วผ่าน septum
- สารพัดปัญหา GC
- สิ่งปนเปื้อนในน้ำ DI
- สิ่งปนเปื้อนในน้ำ DI (ตอนที่ ๒)
- Chromatograph principles and practices
- Flame Ionisation Detector
- GC-2014 ECD & PDD ตอนที่ ๗ ข้อสังเกตเกี่ยวกับ ECD (Electron Capture Detector)
- GC detector
- GC - peak fitting ตอนที่ ๑ การหาพื้นที่พีคที่เหลื่อมทับ
- GC principle
- LC detector
- LC principle
- MO ตอบคำถาม การแยกพีค GC ด้วยโปรแกรม fityk
- MO ตอบคำถาม สารพัดปัญหาโครมาโทแกรม
- Relative Response Factors (RRF) ของสารอินทรีย์ กับ Flame Ionisation Detector (FID)
- Thermal Conductivity Detector
- Thermal Conductivity Detector ภาค 2
สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items - DUI)
- การก่อการร้ายด้วยแก๊สซาริน (Sarin) ในรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว MO Memoir : Friday 6 September 2567
- การผลิตกรดไนตริกความเข้มข้นสูง
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๐ ฟังก์ชันเข้ารหัสรีโมทเครื่องปรับอากาศ
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๑ License key
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๒ สารเคมี (Chemicals)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๓ ไม่ตรงตามตัวอักษร (สารเคมี)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๔ ไม่ตรงตามตัวอักษร (Heat exchanger)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๕ Sony PlayStation
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๖ เส้นใยคาร์บอน (Carbon fibre)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๗ The Red Team : Centrifugal separator
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๘ The Blue Team : Spray drying equipment
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๙ เครื่องสลายนิ่วในไตด้วยคลื่นกระแทก (Lithotripter)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑ ตัวเก็บประจุ (Capacitor)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๐ เรซินแลกเปลี่ยนไอออน (Ion-exchange resin)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๑ ไม่ตรงตามตัวอักษร (Aluminium tube)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๒ เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า (Defibrillator)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๓ เครื่องยนต์ดีเซล
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๔ มุมมองจากทางด้านเทคนิค
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๕ Printed Circuit Board (PCB)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒ เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๓ เครื่องแปลงความถี่ไฟฟ้า (Frequency Changer)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๔ อุปกรณ์เข้ารหัส (Encoding Device)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๕ Insulated Gate Bipolar Transistor (IGBT)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๖ Toshiba-Kongsberg Incident
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๗ รายงานผลการทดสอบอุปกรณ์
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๘ Drawing อุปกรณ์
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๙ ซอร์ฟแวร์ควบคุมการทำงานอุปกรณ์
- ความลับแตกเพราะทัวร์ผู้นำ (Pressure transducer)
- เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนสำหรับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
- แคลเซียม, แมกนีเซียม และบิสมัท กับการผลิตอาวุธทำลายล้างสูง
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑๐
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑๑
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๒
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๓
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๔
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๕
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๖
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๗
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๘
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๙
- สินค้าที่ไม่ใช่ DUI ที่เป็นสินค้า DUI - ไตรบิวทิลฟอสเฟต (Tributyl phosphate)
- สินค้าที่ไม่ใช่ DUI ที่เป็นสินค้า DUI - Karl Fischer moisture equipment
API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๐)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๓)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๔)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๕)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๖)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๗)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๘)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๙)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๐)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๓)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๔)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๕)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๖)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๗)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๘)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๙)
โน๊ตเพลง
- "กำลังใจ" และ "ถึงเพื่อน"
- "ใกล้รุ่ง" และ "อาทิตย์อับแสง"
- "คนดีไม่มีวันตาย" "หนึ่งในร้อย (A Major) และ "น้ำตาแสงใต้ (A Major)"
- "ความฝันอันสูงสุด" และ "ยามเย็น"
- "จงรัก" และ "ความรักไม่รู้จบ"
- "ฉันยังคอย" และ "ดุจบิดามารดร"
- "ชาวดง" และ "ชุมนุมลูกเสือไทย"
- "ตัดใจไม่ลง" และ "ลาสาวแม่กลอง"
- "เติมใจให้กัน" และ "HOME"
- "แต่ปางก่อน" "ความรักไม่รู้จบ" "ไฟเสน่หา" และ "แสนรัก"
- "ทะเลใจ" "วิมานดิน" และ "เพียงแค่ใจเรารักกัน"
- "ที่สุดของหัวใจ" "รักล้นใจ" และ "รักในซีเมเจอร์"
- "ธรณีกรรแสง" และ "Blowin' in the wind"
- "นางฟ้าจำแลง" "อุษาสวาท" และ "หนี้รัก"
- "แผ่นดินของเรา" และ "แสงเทียน"
- "พรปีใหม่" และ "สายฝน"
- "พี่ชายที่แสนดี" "หลับตา" และ "หากรู้สักนิด"
- เพลงของโรงเรียนเซนต์คาเบรียล
- "มหาจุฬาลงกรณ์" "ยูงทอง" และ "ลาภูพิงค์"
- "ยังจำไว้" "บทเรียนสอนใจ" และ "ความในใจ"
- "ร่มจามจุรี" และ "เงาไม้"
- "ลมหนาว" และ "ชะตาชีวิต"
- "ลองรัก" และ "วอลซ์นาวี"
- "ลาแล้วจามจุรี"
- "วันเวลา" และ "โลกทั้งใบให้นายคนเดียว"
- "วิหคเหินลม" และ "พรานทะเล"
- "สายชล" และ "เธอ"
- "สายใย" และ "ความรัก"
- "สายลม" และ "ไกลกังวล"
- "สายลมเหนือ" และ "เดียวดายกลางสายลม"
- "หน้าที่ทหารเรือ" และ "ทหารพระนเรศวร"
- "หนึ่งในร้อย" และ "น้ำตาแสงใต้"
- "หากันจนเจอ" และ "ลมหายใจของกันและกัน"