Memoir
ฉบับนี้เกี่ยวข้องกับบันทึกฉบับก่อนหน้านี้
๓ ฉบับด้วยกันคือ
ปีที่
๓ ฉบับที่ ๒๗๙ วันพุธที่ ๓๐
มีนาคม พ.ศ.
๒๕๕๔
เรื่อง "GC-2014
ECD & PDD ตอนที่
๑ แผนผังระบบเก็บแก๊สตัวอย่าง"
ปีที่
๓ ฉบับที่ ๒๘๖ วันอาทิตย์ที่
๑๐ เมษายน พ.ศ.
๒๕๕๔
เรื่อง "GC-2014
ECD & PDD ตอนที่
๓ ข้อสังเกตเกี่ยวกับ PDD
(Pulsed Discharge Detector)"
ปีที่
๔ ฉบับที่ ๓๙๒ วันจันทร์ที่
๓๐ มกราคม พ.ศ.
๒๕๕๕
เรื่อง "GC-2014
ECD & PDD ตอนที่
๑๔ ตำแหน่งพีค N2O"
ช่วงที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเรามีปัญหาเรื่องความแรงของสัญญาณ
PDD
นั้นเปลี่ยนแปลงไป
กล่าวคือแม้ว่าเส้น base
line นั้นจะอยู่ที่ระดับเดิม
แต่พื้นที่พีคที่ได้นั้นเปลี่ยนแปลงไปแม้ว่าจะฉีดตัวอย่างที่มีความเข้มข้นเดียวกันเข้าไป
ซึ่งผมได้ตั้งสมมุติฐานเอาไว้ว่า
(ก)
mass flow controller ทำงานปรกติ
แต่ตัว PDD
ให้การตอบสนอง
(response)
ที่เปลี่ยนแปลงไป
หรือ
(ข)
PDD ทำงานปรกติ
แต่ปัญหาอยู่ mass
flow controller คุมการไหลได้ไม่นิ่ง
ทำให้ความเข้มข้นที่แท้จริงของแก๊สเปลี่ยนไปจากที่คิดเอาไว้
ในกรณี
mass
flow controller ทำงานผิดปรกตินั้นผมคิดว่าอาจจะไม่ใช่
(แต่ก็ยังไม่ตัดทิ้งไป)
ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
๑.
ที่ผ่านมาเรายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแนวท่อของระบบ
และแนวท่อที่ใช้อยู่นั้นก็ให้การไหลที่นิ่งที่เราเห็นมาตั้งแต่ช่วงที่ใช้
NOx
analyser
๒.
ถ้า
mass
flow controller ทำงานไม่นิ่ง
เราก็ควรที่จะเห็นพีคที่ได้นั้นมีขนาดเอาแน่เอานอนไม่ได้แม้ว่าจะฉีดตัวอย่างเดียวกันในการวิเคราะห์ต่อเนื่องกันก็ตาม
(เช่นครั้งแรก
ได้พื้นที่ 170000
ครั้งที่สองได้พื้นที่
120000
ครั้งที่สามได้พื้นที่
200000)
แต่สิ่งที่เห็นก็คือเมื่อเปิดเครื่องแต่ละครั้งแล้วทดลองฉีดตัวอย่าง
พบว่าแม้ว่าจะตั้ง mass
flow controller ค่าเดียวกันกับการทดลองก่อนหน้า
แต่พื้นที่พีคที่ได้ก็แตกต่างไปจากการทดลองก่อนหน้า
(เช่นวันก่อนหน้าวัดติดต่อกัน
3
ครั้งได้พื้นที่อยู่ที่ระดับ
170000
ตลอด
แต่พอวันถัดมาวัดติดต่อกัน
3
ครั้งได้พื้นที่
140000
ตลอด)
หรือในการทดลองเดียวกันที่เปิดเครื่องติดต่อกันข้ามวัน
พอกลับมาวัดองค์ประกอบของแก๊สเริ่มต้นใหม่
กลับพบว่าสัญญาณมีการเปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้นในขณะนี้จึงมุ่งไปที่ประเด็นการตอบสนองของ
PDD
เปลี่ยนแปลงไป
บังเอิญเมื่อวันศุกร์ผ่านไปเห็นสาวน้อยร้อยแปดสิบเซนต์ทำการทดลองอยู่
ซึ่งเขาได้มาปรึกษาปัญหาเรื่องสัญญาณ
PDD
ที่เปลี่ยนไป
ผมลองเปิดดูแผนผังการไหลของแก๊สก็เลยสงสัยว่าเป็นไปได้ไหมว่า
PDD
สกปรกด้วยสาเหตุที่อัตราการไหลของฮีเลียมที่ใช้เป็น
purge
gas นั้นต่ำเกินไป
ก็เลยลองถามดูว่าตั้งอัตราการไหลของฮีเลียมที่ใช้เป็น
purge
gas นั้นไว้ที่เท่าไร
คำตอบที่ได้ทำเอาผม ....
ไปเหมือนกัน
เราพลาดไปเรื่องหนึ่ง
รูปที่
๑ แผนผังการไหลของแก๊ส
(เอามาแสดงใหม่อีกครั้ง)
ผมยืนดูแผนผังการไหลของแก๊สจากคู่มือที่วางไว้ข้างเครื่อง
เห็น APC5
เป็นตัวคุมอัตราการไหลของแก๊สเข้า
PDD
ก็เลยถามสาวน้อยร้อยแปดสิบเซนต์ว่าปรกติตั้ง
APC5
ไว้ที่ค่าเท่าไร
ก็เลยได้คำตอบกลับมาว่า
"0"
kPa พอกลับไปตรวจกับข้อมูลการตั้งค่าความดัน
APC
ที่ผมบันทึกไว้เองใน
memoir
ฉบับที่
๓๙๒ ก็พบว่าผมจดเอาไว้เป็น
"0"
kPa และเมื่อตรวจสอบกับ
method
ที่ทางเจ้าหน้าที่ของทางบริษัทตั้งเอาไว้ก็พบว่าเขาตั้งค่าความดันของ
APC5
และ
APC6
เป็น
"0"
kPa
ผมเลยย้อนไปตรวจสอบที่คู่มือ
PDDพบว่า
PDD
นั้นต้องมีแก๊สฮีเลียมเข้า
purge
ตัว
detector
โดยทำหน้าที่เป็น
discharge
gas และคอยปกป้องบริเวณ
ground
pin อัตราการไหลของแก๊สดังกล่าวกำหนดไว้ที่อย่างน้อย
30
ml/min
ผมเลยให้สาวน้อยร้อยแปดสิบเซนต์ตรวจสอบก่อนว่าท่อฮีเลียมของเครื่องเรานั้นต่อเอาไว้อย่างไร
และก็พบว่าฮีเลียมจากถังแก๊สต่อเข้า
He
purifier ก่อนที่จะแยกไปยัง
APC
ต่าง
ๆ
รูปที่
๒ รูปโครงสร้าง PDD
จากรูปที่
๑ ของคู่มือ Pulsed
Discharge Detector Model D-4-I-SH17-R ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้กับเครื่อง
GC-2014
ECD & PDD ของเรา
จะเห็นว่าต้องมีแก๊สฮีเลียม
purge
ground pin ด้วย
แก๊สจากคอลัมน์จะไหลตามเส้นสีเขียวเข้ามาใน
discharge
region แล้วไหลวกกลับออกทาง
Vent
และต้องมีฮีเลียมเข้าทางด้านบนเพื่อทำหน้าที่เป็น
discharge
gas และคอยป้องกันส่วน
ground
pin เอาไว้
รูปที่
๓ วิธีการต่อท่อแก๊สที่แสดงในรูปที่
๕ ในคู่มือ PDD
จะเห็นว่ามีการต่อฮีเลียมเข้า
purge
ที่ตัว
PDD
และมีการกำหนดอัตราการไหลขั้นต่ำไว้ที่
30
ml/min
รูปที่
๔ แนวเส้นประสีเหลืองคือท่อฮีเลียม
make
up gas เข้า
PDD
รูปที่
๕ การตั้งความดันให้กับ
APC
ต่าง
ๆ ในรูปนี้ได้เปลี่ยนค่าความดันของ
APC5
จากเดิม
0
เป็น
40
kPa ส่วนของ
APC1
APC2 และ
APC3
ซึ่งใข้กับ
ECD
นั้นมีการปรับลดลงเหลือ
20
kPa (เพราะในขณะนี้เราไม่ได้ใช้
ECD)
เพื่อประหยัดแก๊สไนโตรเจน
เมื่อตรวจสอบตัวเครื่องก็พบว่ามีการต่อท่อแก๊สฮีเลียมเข้าที่
PDD
โดยตรง
(รูปที่
๔)
นั่นแสดงว่าที่ผ่านมานั้นเราใช้ฮีเลียมที่เป็น
carrier
gas ทำหน้าที่เป็น
discharge
gas ไปพร้อมกัน
ส่วน ground
pin ไม่ได้รับการป้องกันจากตัวอย่างที่มากับ
carrier
gas ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าไปทำให้เกิดปัญหาเรื่องความสะอาดของ
PDD
จนทำให้การตอบสนองเปลี่ยนไปหรือเปล่า
ก็เลยให้เขาทดลองตั้ง APC5
เป็น
40
kPa ก่อน
ส่วนค่าความดันของ APC1
APC2 และ
APC3
ที่เป็นของ
ECD
นั้นได้ลดลงเหลือ
20
kPa ก่อนเพื่อเป็นการประหยัดแก๊สไนโตรเจน
เพราะในขณะนี้เรายังไม่ใช้
ECD
เพียงแค่เปิดเพื่อให้มีแก๊สไหลผ่านคอลัมน์และ
ECD
เท่านั้นในระหว่างการวิเคราะห์ด้วย
PDD
(ก่อนหน้านี้เราต้องเปลี่ยนถังไนโตรเจนทุกสัปดาห์
ตอนนี้ก็รอดูก่อนว่าจะเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน)
ค่าความดันของ
APC5
ควรเป็นเท่าไรเพื่อให้ได้อัตราการไหลอย่างน้อย
30
ml/min นั้นก็บอกไม่ได้เหมือนกัน
เพราะเราไม่ได้วัด
(ถ้าจะวัดกันจริงก็ต้องถอดท่อที่ต่อเข้า
PDD
และเอา
bubble
flow meter วัด)
ก็เลยให้ตั้งไว้คร่าว
ๆ ที่ 40
kPa ก่อน
จากนั้นก็ทดสอบโดยการดูความแรงสัญญาณและวัดตัวอย่าง
ที่พบคือระดับเส้น base
line ยังคงอยู่ที่เดิม
ส่วนความแรงสัญญาณนั้นดูเหมือนจะยังคงอยู่ที่เดิม
(เมื่อวันศุกร์สาวน้อยร้อยแปดสิบเซนต์ได้ค่าสัญญาณแรงเป็นพิเศษตอนที่เปิดเครื่อง)
สิ่งที่ต้องตามกันต่อไปคือ
"เสถียรภาพ"
ของการตอบสนองของ
PDD
ว่าจะคงเดิมตลอดไปหรือไม่
รูปที่
๖ ข้อความนี้ผมคัดมาจากหน้า
๙ ของคู่มือ (ตามเลขหน้าในคู่มือ)
เขาเขียนไว้ว่าให้ตั้งความดันฮีเลียมไว้ที่
60
psi (หรือ
4
bar)
ซึ่งผมคิดว่าตัวเลขนี้ไม่น่าจะเป็นความดันที่เราต้องตั้งที่ตัวเครื่อง
แต่น่าจะเป็นความดันที่ต้องตั้งที่
pressure
regulator ที่ถังแก๊ส
รูปที่
๗ ตามแผนผังการไหลของแก๊ส
เข้าใจว่าท่อพวกนี้น่าจะเป็นของ
APC3
และ
APC6
สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเป็นท่อแก๊สสำหรับ
purge
sampling valve หรือเปล่า
อีกจุดหนึ่งที่ผมเคยตั้งคำถามเอาไว้สมัยที่เราทดสอบการทำงานของ
ECD
คือท่อแก๊สที่มันต่อเข้าอีกทางด้านหนึ่งของ
sampling
valve นั้นคืออะไร
ตรวจดูแล้วมันไม่ใช่ท่ออากาศที่ใช้ขยับวาล์ว
ถ้าดูตามแผนผังการไหลของแก๊สพบว่า
ท่อดังกล่าวสำหรับวาล์ว 1
และวาล์ว
2
(ท่อสีน้ำเงินในรูปที่
๗)
จะเป็นท่อไนโตรเจนที่ใช้เป็น
carrier
gas และควบคุมอัตราการไหลด้วย
APC3
ท่อสำหรับวาล์ว
3
และวาล์ว
4
(ท่อสีเขียวในรูปที่
๗)
จะเป็นท่อฮีเลียมที่ใช้เป็น
carrier
gas และควบคุมอัตราการไหลด้วย
APC6
ผมสงสัยว่าท่อเหล่านี้เป็น
purge
gas ป้องกันการรั่วไหลเข้าปนเปื้อนเวลาที่วาล์วขยับตัว
แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่คิดเอาไว้ถูกต้องหรือไม่
เพราะไม่มีแบบโครงสร้างของตัววาล์วและก็ไม่สามารถอดวาล์วออกมาตรวจสอบได้
(เกรงว่าตอนประกอบกลับจะมีชิ้นส่วนเหลือ)
เอาเป็นว่าตอนนี้ขอให้เปิด
APC5
ในระหว่างการวิเคราะห์ด้วย
แล้วค่อยดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร