อันที่จริงก็เดินผ่านตรงนี้อยู่เป็นประจำ
เวลาไปกินข้าวเที่ยง
บ่ายวันนี้บังเอิญมายืนเล่นแถวนี้
พอเห็นรอย ๒
รอยบนพื้นก็เลยทำให้นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้
มีอยู่ปีหนึ่งผู้บริหารรายหนึ่งเดินมาถึงตรงนี้หลังจากฝนตกไปเมื่อคืนก่อนหน้า
มาเห็นน้ำขังอยู่บนพื้น
ก็เลยเรียกเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ
(ที่มีห้องทำงานอยู่ใกล้
ๆ ตรงนั้น)
มาต่อว่า
ว่าทำไปปล่อยให้มีน้ำขังตรงนั้น
เจ้าหน้าที่เขาก็งงครับ
ว่าอยู่ดี ๆ มาต่อว่าแกทำไป
ทำไมไม่ไปต่อว่าวิศวกรที่คุมงานก่อสร้างหรืออาจารย์ผู้ทำหน้าที่ตรวจรับงาน
ว่าคุมงานก่อสร้างอย่างไร
หรือตรวจรับได้อย่างไร
กับพื้นถนนที่เทปูนแล้วเป็นแอ่งอยู่ตรงกลาง
พื้นบริเวณนี้ก็เพิ่งมีการเทคอนกรีตใหม่ในช่วงที่มีการก่อสร้างอาคารสองอาคารที่อยู่ข้างเคียง
และอันที่จริงมองด้วยตาเปล่ามันก็ดูยาก
แต่ถ้าเทน้ำลงไปหรือมีฝนตก
จะเห็นเลยว่าน้ำไหลไปขังเป็นแอ่งต่ำอยู่ตรงกลางแทนที่จะไหลลงรางระบายน้ำข้าง
ๆ เพราะพื้นมันลาดเอียงขึ้นไปทางขอบรางระบายน้ำ
(อันที่จริงผู้บริหารคนนั้นก็เป็นวิศวกรโยธาด้วย
งานในสายวิชาชีพของแกเองแท้
ๆ และตึกอีกสองตึกที่สร้างอยู่ข้าง
ๆ ก็มีปัญหาหลังฝนตกเช่นกัน)
รูปที่
๒ ร่องหนึ่งเซาะปูนมาจนเจอขอบเหล็กสำหรับวางฝารางระบายน้ำ
รูปที่
๓
อีกร่องหนึ่งก็เซาะพื้นปูนจนมาเจอขอบเหล็กฉากที่ใช้เป็นที่วางฝารางระบายน้ำเช่นกัน
สุดท้ายก็มีใครก็ไม่รู้เหมือนกันมาเซาะพื้นถนนให้เป็นร่องสองร่อง
โดยหวังให้น้ำที่ขังอยู่ในแอ่งตอนกลางไหลลงรางระบายน้ำได้
(มาทำเมื่อไรผมก็ลืมสังเกต)
แต่พอเซาะไปแล้วก็ปรากฏว่าเจอเข้ากับเหล็กฉากที่เขาใช้ทำเป็นขอบสำหรับวางตะแกรงรางระบายน้ำ
ที่เอาเรื่องนี้มาเล่าก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะต่อว่าใคร
เพียงแต่เอามาเล่าให้ฟัง
เผื่อใครต้องไปควบคุมการก่อสร้างหรือทำหน้าที่ตรวจรับมอบงาน
จะได้รู้ว่ามันมีเรื่องอะไรที่ควรต้องดูบ้าง
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดูเหมือนเล็ก
ๆ น้อย ๆ ก็ตาม
เพราะการตามแก้ปัญหามักจะทำให้ลงท้ายด้วยความไม่สวยงามของสิ่งก่อสร้างนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น