วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สำนักพระอานนท์ MO Memoir : Saturday 18 December 2553


เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ยินว่ามีหลายคนสงสัยว่าป้าย "ยินดีต้อนรับสู่สำนักพระอานนท์" ที่จู่ ๆ ที่โผล่มาบนบอร์ดของแลปมีที่มาที่ไปอย่างไร

แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับพระอานนท์ก่อนดีไหม

จากหนังสือพระอานนท์ฉบับการ์ตูนของสำนักพิมพ์อมรินทร์คอมมิกส์ พิมพ์ปีพ.ศ. ๒๕๕๐ เล่าไว้ว่า เจ้าชายอานนท์และเจ้าชายสิทธัตถะประสูตรในวันเวลาเดียวกัน ถ้านับลำดับเครือญาติแล้วเจ้าชายอานนท์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้าชายสิทธัตถะ โดยเจ้าชายอานนท์มีศักดิ์เป็นน้อง

หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะได้ออกบวชและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เจ้าชายอานนท์ก็ได้ออกบวชตาม ต่อมาพระอานนท์ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพระอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้า หมายถึงเป็นผู้คอยรับใช้พระพุทธเจ้าอย่างใกล้ชิด แต่ก่อนที่พระอานนท์จะรับตำแหน่งดังกล่าวได้ขอพร ๘ ประการจากพระพุทธเจ้า โดยพรข้อที่ ๘ คือ "เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาเรื่องอะไรในขณะที่ข้าพระองค์ไม่ได้ฟังอยู่ด้วย ขอให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรมนั้นแก่ข้าพระองค์อีกครั้งหนึ่ง"

พระอานนท์ได้รับการยกย่องว่าเป็น "พหูสูตร" คือสามารถจำพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ เรียกว่าอาจารย์พูดอะไรออกไป ลูกศิษย์ก็จำได้หมดทุกตัวอักษร

แต่พระอานนท์ก็ไม่สำเร็จเป็นพระอรหันต์

พระอานนท์ได้อยู่รับใช้พระพุทธเจ้าเป็นเวลาถึง ๒๕ พรรษาจนถึงวันเสด็จดับขันธปรินิพาน

หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพานแล้ว ก็ได้มีการประชุมเพื่อสังคายนาพระธรรมคำสอน ซึ่งในงานดังกล่าวมีการเชิญพระภิกษุสงฆ์ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ถึง ๔๙๙ รูป และพระอานนท์ซึ่งในขณะนั้นยังไม่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ แต่ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าร่วมเนื่องจากเป็น "พหูสูตร"

โชคดีที่พระอานนท์สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในคืนก่อนเริ่มการประชุม

เมื่อบ่ายวันพฤหัส (ที่ ๑๖) ระหว่างเข้าไปนั่งกินกาแฟในห้องพักคนชรา (ห้องปริญญาเอก) ผมได้ยินนิสิตปริญญาเอกรายหนึ่งกำลังให้นิสิตปริญญาเอกอีกรายหนึ่งสอนเรื่องเกี่ยวกับตัวเร่งปฏิกิริยาตระกูลหนึ่งอยู่ ผมก็เลยถามไปว่าทำไมไม่อ่านเอาเองล่ะ เขาก็ตอบกลับมาในทำนองที่ว่าได้ฟังจากผู้รู้ดีกว่าการต้องไปเสียเวลาอ่านเอง ผมก็เลยตอบกลับไปว่าเดี๋ยวนี้เขานิยมเรียนหนังสือกันแบบพระอานนท์ คืออาจารย์สอนอะไรก็จำได้หมดทุกคำพูดทุกตัวอักษร เอาไปเล่าต่อให้คนอื่นฟังได้เป็นฉาก ๆ แต่ก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่พูดออกไป ดูเผิน ๆ เหมือนคนพูดจะรู้เรื่องดี แต่ถ้าซักเข้าจริง ๆ ก็จะพบว่าไม่รู้อะไรเลย เหมือนกับพระอานนท์ซึ่งได้อยู่ใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามากที่สุด จดจำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้ทุกตัวอักษร แต่กว่าจะบรรลุและเข้าใจในคำสั่งสอนนั้นได้ ก็ต้องรอให้อาจารย์ตายก่อน ถ้าคิดเราเรียนหนังสือกันแบบนี้หมดทุกคน ก็ควรเปลี่ยนชื่อจากห้องแลปตัวเร่งปฏิกิริยาเป็นสำนักพระอานนท์


พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็มีคนเอาป้ายยินดีต้อนรับเข้าสู่สำนักมาติดให้เห็นเลย ไม่รู้ว่าต้องตั้งให้เป็นตำแหน่งลูกศิษย์อุปัฏฐากของพระอาจารย์หรือเปล่า :)

ไม่มีความคิดเห็น: