กิจกรรมเดียวกัน
หรือคำพูดเดียวกัน
เมื่อเกิดขึ้นซ้ำสอง
แม้ว่าจะเป็นสถานที่เดิม
บุคคลเข้าร่วมก็คนเดิม
ช่วงเวลาที่เกิดก็เป็นช่วงเวลาเดิม
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีทางเหมือนเมื่อเกิดขึ้นครั้งแรกก็คือ
"ความรู้สึก"
ของผู้ที่เข้าร่วม
"ยินดีที่ได้พบ"
ประโยคที่มีความหมายเพียงแค่ครั้งเดียว
คือเมื่อได้พบปะเจอหน้ากันครั้งแรก
ในพิธีชงชาของญี่ปุ่น
ก็แฝงด้วยปรัชญาที่ลึกซึ้ง
ด้วยวลี “อิจิโกะ อิจิเอะ
(Ichigo
Ichie)” ซึ่งหมายถึง
“การได้พบกันครั้งเดียวในชีวิต”
อันมาจากแนวความคิดที่ว่าการที่เราได้พบกันในพิธีชงชานั้นอาจจะเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต
แล้วหลังจากนี้จะไม่ได้มีโอกาสพบกันอีกแล้วเลยก็ได้
ดังนั้นช่วงเวลาที่ได้พบกันจึงเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า
ที่เราควรปฏิบัติต่อกันให้ดีที่สุด
ในช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัยของพวกคุณ
เชื่อว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกคุณอยากกระทำ
แต่ไม่มีโอกาสได้กระทำ
นั่นอาจเป็นเพราะกิจกรรมนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พวกคุณเรียนอยู่
หรือด้วยติดกิจอย่างอื่นจนไม่สามารถเข้าร่วมได้
บางกิจกรรมแม้ว่าจะมีการเกิดขึ้นซ้ำอีกในปีถัดไป
แต่ด้วยสถานะที่เปลี่ยนไป
ความรู้สึกของการได้เข้าร่วมนั้นก็คงยากที่จะเหมือนครั้งแรกที่ได้เข้าร่วม
หรือที่ได้ยินมาจากผู้ที่ได้เข้าร่วมครั้งก่อน
พวกคุณเข้ามาเรียนปีแรก
สถานการณ์โควิด-19
ยังไม่คลี่คลาย
จำเป็นต้องเรียนออนไลน์จากทางบ้าน
ได้เข้ามาเรียนในสถานที่ในมหาวิทยาลัยก็ตอนขึ้นปี
๒ แต่การสอนในสถานที่ก็ยังคงเป็นแบบจำกัดอยู่
กิจกรรมอย่างเช่นกีฬาฟุตบอลประเพณี
ก็เพิ่งจะกลับมาจัดใหม่อีกครั้งตอนพวกคุณอยู่ปี
๔
และกิจกรรมบางอย่างทั้งในระดับคณะและมหาวิทยาลัยที่เคยมีมาก่อนหน้านั้นก็คงจะสูญหายไปตามกาลเวลา
โดยไม่รู้ว่าจะมีการกลับมาอีกหรือไม่
วันเสาร์ปลายเดือนที่แล้ว
เพื่อนร่วมรุ่นวิศวเคมีนัดกินข้าวเย็นกัน
คุยกันเรื่องเปื่อยไปเรื่อย
ๆ กับเรื่องที่ได้ประสบพบเห็นกันมา
วันรุ่งขึ้นเพื่อนคนหนึ่งก็ส่งข้อความข้างล่างเช้ามาในไลน์กลุ่ม
ได้มาเรียนสถาบันเดียวกัน
ถือเป็น "วาสนา"
จบแล้วต่างคนต่านสร้างฐานะ
ถือเป็น "โชคชะตา"
ระหว่างทางยังคงคบหา
ถือเป็น "พรหมลิขิต"
มีโอกาสช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ถือเป็น "กัลยาณมิตร"
แก่แล้วยังคบกันใกล้ชิด
ถือเป็น "มิตรแท้"
มิตรภาพที่ไม่มีวันจางหาย
คือความหมายของคำว่า "เพื่อน"
ใครเป็นคนเขียนข้อความนี้เป็นคนแรกก็ไม่รู้
แต่จากเท่าที่ผ่านมาจนถึงวันนี้
ก็รู้ว่ามันก็เป็นเช่นนั้นจริง
คนที่มีโอกาสเป็นเพื่อนกัน
ก็เป็นได้เพียงแค่ครั้งเดียว
เพราะถ้ามีอะไรมาทำให้ความรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกันนั้นสูญเสียไป
ก็ไม่มีทางที่จะทำกลับมาให้เหมือนเดิมได้
๑๔
ปีที่แล้ว ก่อนน้ำท่วมใหญ่
นิสิตรหัส ๕๑ นำกระดาษชิ้นเล็ก
ๆ มาเหน็บไว้หน้าห้องผม
เพื่อให้ผมเขียนอะไรบางอย่างเล็กน้อยในโอกาสที่พวกเขาจะสำเร็จการศึกษา
และนั่นก็เป็นที่มาของการเขียนบันทึกเรื่องราวของพวกเขาและคำอวยพรที่มีให้ในวันสุดท้ายของการเรียนของพวกเขา
ซึ่งได้เขียนมาจนถึงวันนี้
(MO
Memoir ฉบับวันเสาร์ที่
๒๔ มีนาคม ๒๕๕๕ "๔
ปีที่ผ่านมา (สำหรับนิสิตป.ตรีรหัส
๕๑)")
ในบันทึกฉบับแรกนั้นผมเริ่มด้วยข้อความว่า
"กระดาษแผ่นเล็ก
ๆ แผ่นนั้นอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้
ที่พวกคุณเอามาเหน็บไว้หน้าห้องผมก่อนน้ำท่วม
เพื่อให้ผมเขียนอะไรก็ได้เป็นที่ระลึกก่อนจบการศึกษา
แต่จวบจนป่านนี้ผมก็ยังไม่ได้เขียนสักที
แต่จะว่าไปก็ไม่ได้คิดจะเขียนลงกระดาษแผ่นนั้นอยู่แล้ว
เพราะคิดว่าที่มันไม่พอ
ในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาหลายคนจะโดนผมทักว่า
"เป็นไง
ชีวิตนิสิตใช้คุ้มค่าหรือยัง
สิทธิพิเศษที่เขามีให้เฉพาะนิสิตก็รีบ
ๆ ใช้ซะนะ"
หรือถ้าผมเห็นนิสิตหญิงที่แต่งชุดธรรมดามามหาวิทยาลัย
ผมก็จะถามว่า "ไม่แต่งชุดนิสิตมาเหรอ
เวลาที่จะแต่งได้เหลือน้อยแล้วนะ
พอหมดโอกาสแล้วจะรู้สึกคิดถึงขึ้นมา
...."
ในช่วงท้ายของบทความผมก็ได้บันทึกประสบการณ์ที่ตัวเองได้พบเจอมาเพื่อฝากไว้เป็นข้อคิดให้กับพวกเขาดังนี้
"หลายปีมาแล้วก่อนเริ่มสอนแลปเคมีวิเคราะห์
มีนิสิตหญิงคนหนึ่งมานั่งคุยและนั่งร้องไห้อยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องแลป
ช่วงนั้นเป็นช่วงจัดกิจกรรมรับน้อง
เขาได้เข้ามาปรึกษาผมเรื่องการที่ไม่ค่อย
ๆ มีเพื่อน ๆ เข้าช่วยทำงาน
ผมก็ตอบเขาไปว่า
งานกิจกรรมนั้นเป็นงานอาสา
ไม่มีการบังคับว่าใครต้องมาทำ
และคนที่ทำก็ต้องไม่คิดว่าฉันดีกว่าคนที่ไม่มาทำ
การที่เขาไม่มาร่วมงานกับเรานั้น
เราก็ต้องกลับไปพิจารณาด้วยว่าสิ่งที่เราทำนั้นเขาเห็นชอบหรือไม่
การที่เขาไม่มาร่วมงานนั้นอาจเป็นเพราะว่าเขาคิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมันไม่เหมาะสม
เขาอยากเปลี่ยนแปลง
แต่ทำไม่ได้ก็เลยไม่เข้ามาร่วม
อย่าด่วนคิดว่าคนที่ไม่มาร่วมทำนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัว
การที่คนส่วนใหญ่ไม่มาร่วมงานก็ต้องกลับมาพิจารณาแล้วว่าเป็นเพราะว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นมันไม่เหมาะสมหรือไม่
ทำไปเพื่อจุดประสงค์อะไร
แล้วเขาเห็นด้วยหรือไม่
ถ้าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมีจุดประสงค์ที่ดี
แต่คนส่วนใหญ่ไม่มาร่วม
เราก็ต้องหาทางชักชวนให้เขามาร่วม
นั่นหมายถึงการเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน
รูปแบบเดิมนั้นอาจใช้ได้ดีในสมัยหนึ่ง
ในสภาพสังคมหนึ่ง
แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนไปเราก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบ
โดยที่ยังคงสามารถบรรจุจุดประสงค์ที่ตั้งเอาไว้
แต่ถ้าสิ่งที่เราทำนั้นมีจุดประสงค์ที่เลื่อนลอย
ก็ควรพิจารณาว่าจะจัดต่อไปหรือไม่
ผมบอกเขาต่อว่า
ถ้าคุณเหนื่อยมากก็ถอนตัวออกไปซิ
งานจะล้มก็ช่างหัวมัน
ดูจากการที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้ามาร่วมก็แปลได้ว่าคนส่วนใหญ่เขาไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณทำอยู่แล้วนี่
ดังนั้นถ้างานนี้มันไม่เกิดขึ้นพวกเขาก็ไม่มีสิทธิจะว่าอะไรอยู่แล้ว
ก่อนจบการสนทนาผมถามเขากลับไปว่า
"ตอนนี้รู้หรือยังว่าเพื่อนคนไหนพึ่งได้"
เขาตอบกลับมาว่า
"รู้แล้ว"
ผมก็ตอบกลับไปว่า
"คุณได้ไปเยอะแล้วนี่
แล้วจะเอาอะไรอีกล่ะ"
แล้วผมก็บอกต่อว่า
"สมัยที่ผมเรียนหนังสือน่ะ
เพื่อนคนหนึ่งมันกล่าวเลยว่า
"ถ้าไม่เคยเจออะไรเหี้ย
ๆ มาด้วยกัน มันไม่รู้หรอกว่าใครคนไหนพึ่งได้"
โทษทีนะที่ต้องใช้คำอย่างนี้
เพราะมันตรงความหมายตามคำพูดมากที่สุด
ผมเห็นมาหลายรายแล้ว
แม้ว่าจะเรียนโรงเรียนเดียวกันมาหลายปี
เที่ยวเล่นมาด้วยกันก็มาก
แต่มารู้น้ำใจกันตอนที่ทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยนี่แหละ
เพิ่งจะเจอหน้ากันในมหาวิทยาลัยได้แค่ปีสองปี
ก็รู้แล้วว่าเป็นคนที่พึ่งพากันได้ในยามเดือดร้อนมากกว่าเพื่อนสมัยโรงเรียนที่คบกันมานานเสียอีก"
บทความนั้นปิดท้ายด้วยข้อความที่ว่า
"ยังจำได้ไหมตอนที่พวกคุณเข้ามาเรียนแลปกันในสัปดาห์แรก
ๆ ผมเอากล้องมาถ่ายรูปพวกคุณแต่ละกลุ่มเอาไว้
และก็บอกด้วยว่า "พอเรียนจบปี
๔ เมื่อไรค่อยมาดูรูปเหล่านี้นะ
จะได้เห็นว่าภาควิชาได้ทำอะไรกับพวกคุณเอาไว้"
ใครที่ยังไม่เคยดูหรือเคยดูแล้วแต่ก็ลืมไปแล้วก็ไปดูได้ใน
facebook
ของผม
ในอัลบัมแลปเคมีอินทรีย์
๕๒
ดูแล้วก็ลองเปรียบเทียบหน้าตาตัวเองในปัจจุบันนี้กับตอนเข้าภาควิชามาใหม่
ๆ ซิ แล้วจะเห็นว่าตอนที่พวกคุณถามผมเล่น
ๆ ว่าทำไมไม่ไปสอนวิชาปี ๔
บ้าง แล้วผมตอบกลับไปว่า
"ไม่อยากไปสอนคนแก่หน้าตาทรุดโทรม"
น่ะมันจริงไหม
:-)"
วันนี้
ผมส่งคืนรูปพวกคุณที่ถ่ายเอาไว้ตอนเรียนแลปเคมีปี
๒ ให้แล้วนะ
สิ่งที่ผมเคยกล่าวเอาไว้นั้นมันถูกต้องมากน้อยแค่ไหน
ก็ขอให้พิจารณากันเองเองก็แล้วกัน
ขอให้ชีวิตในภายภาคหน้าของพวกคุณทุกคน
จงประสบแต่ความสุขกายสุขใจ
รศ.ดร.ธราธร
มงคลศรี
ภาควิชาวิศวกรรมเคมี
คณะวิศวกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันพฤหัสบดีที่
๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘
ตรงกับวันขึ้น
๑๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง
ราศีตุลย์
วันพฤหัสบดีที่
๑๕ เมษายน ๒๕๓๖ Euro
Disney Land, Paris