เย็นวันวานคุณน้าบ้านติดกันเอาสิ่งของที่เก็บได้ตอนกวาดบ้านตอนเช้ามาให้ดู
คือหัวกระสุนปืน ๒
หัวกับเศษกระเบื้องหลังคา
แกบอกว่าไปแจ้งความแล้ว
ร้อยเวรบอกว่าบอกไม่ได้ว่าเป็นกระสุนขนาดใด
เรียกตำรวจอีก ๒
คนมาช่วยดูก็บอกว่ายังบอกไม่ได้ว่าเป็นกระสุนขนาดใด
แต่พอผมเห็นหัวกระสุนที่แกเอามาให้ดูก็บอกได้ว่านัดหนึ่งนั้นน่าจะเป็น
9
มม.
อีกนัดหนึ่งที่เล็กกว่านั้นน่าจะเป็นขนาด
.32
(หรือ
7.65
มม)
ผมก็ไปเอากระสุนที่มีอยู่มาเปรียบเทียบ
ส่วนคุณน้าแกก็ไปเอาเวอร์เนีย์มาวัด
ซึ่งก็สรุปได้ว่าเป็นไปตามที่คาด
รูปที่
๑ (ซ้าย)
หัวกระสุนขนาดคาลิเบอร์
9
มม.
ที่เก็บได้และเศษกระเบื้องหลังคา
และหัวกระสุนขนาดคาลิเบอร์
.32
นิ้ว
(หรือ
7.65
มม)
ทั้งสองหัวเป็นชนิดตะกั่วล้วน
แสดงว่าน่าจะยิงมาจากปืนพก
ส่วนนัดกลางเป็นกระสุนขนาด9
มม.
หัวตะกั่วล้วน
(Lead
Round Nose - LRN) ที่นำมาเปรียบเทียบ
(ขวา)
ในวงกลมเหลืองคือรอยที่ทะลุหลังคาลงมา
ที่แปลกใจคือการที่ตำรวจ
๓ นายที่โรงพักบอกว่าไม่สามารถระบุขนาดได้
ผมว่ามันแปลก เพราะกระสุนขนาด
9
มม.
นี่ตำรวจก็ใช้กันเกลื่อน
คนทั่วไปก็มีใช้กันเยอะ
ถ้าตำรวจจะบอกว่าไม่เคยเห็นหัวกระสุนขนาด
9
มม.
นี่ก็ไม่รู้ว่าจะว่ายังไงแล้ว
(ผมว่ามันควรจะอยู่ในวิชาเรียนด้วยซ้ำ)
หรือว่าเขารู้แต่ทำเป็นไม่รู้
อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่หัวกระสุนทั้งสองนัดนั้นมีรอยเกลียวลำกล้องชัดเจน
หัวกระสุน
9
มม.
นั้นเขาเก็บได้เช้าวันวานตอนออกมาเดินกวาดโรงรถ
ส่วนขนาด .32
นั้นเก็บได้ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน
ตรงกระเบื้องที่แตกนั้นเป็นตำแหน่งที่กระเบื้องซ้อนกันสองแผ่นด้วย
ตำแหน่งรูกระเบื้องที่แตกและตำแหน่งที่หัวกระสุน
9
มม.
ตกกระทบพื้นแสดงว่ากระสุนถูกยิงในมุมค่อนข้างเฉียง
เป็นไปได้ว่าถูกยิงขึ้นฟ้ามาจากตำแหน่งที่ค่อนข้างไกล
(เดาว่าอาจจะเกินกว่า
๑๐๐ เมตร เว้นแต่ว่าจะเป็นการยิงจากที่สูง)
ผมเห็นความเสียหายแล้วเดาว่าถ้าลงศีรษะใครก็สามารถเจาะกระโหลกเข้าไปได้
บ้านคุณน้าหลังนี้เขาเจออย่างนี้มา
๕ ครั้งแล้ว หนึ่งในนั้นเป็นตอนปีใหม่
ตอนนั้นผมก็นั่งคุยกับเขาอยู่ที่บ้านเขาในโรงรถ
พอเที่ยงคืนก็มีเสียงปืนดังมาจากแฟลตตำรวจของโรงพัก
(อยู่ใกล้
ๆ กัน ห่างไม่กี่สิบเมตร)
รัวเป็นชุด
ๆ ประมาณ ๖-๗
นัด
สักพักหนึ่งก็มีเสียงดังปังที่หลังคาโรงรถห่างจากโต๊ะที่ผมนั่งคุยกับเขาไม่กี่เมตร
ปรากฏว่ามีหัวกระสุน 9
มม.
ตกลงมาหนึ่งนัด
ทะลุหลังคาตกลงมาบนกระโปรงหน้ารถที่จอดอยู่
ทำเอากระโปรงหน้ารถบุบเป็นรอยไป
พฤติกรรมยิงปืนขึ้นฟ้าเวลามีงานต่าง
ๆ นี่รู้สึกว่าจะมีเป็นประจำในต่างจังหวัด
จัดเป็นพฤติกรรมที่ทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
และทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตได้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็มีเด็กเสียชีวิตจากกระสุนปืนที่เกิดจากการยิงขึ้นท้องฟ้าหลายราย
แถวบ้านผมแม้จะอยู่ในกรุงเทพ
แต่อาจเป็นเพราะไม่ได้มีบ้านคนอยู่หนาแน่นติดกันเป็นบริเวณกว้าง
จึงอาจทำให้คนยิงคิดว่าโอกาสที่จะไปตกลงบ้านคนหรือถูกคนอื่นเข้าคงจะน้อย
แต่จะว่าไปแล้วคนคิดที่จะยิงปืนขึ้นฟ้าในเมือง
แสดงว่าเขาไม่ได้สนใจว่าจะทำให้ใครเดือดร้อน
แถมตอนท้ายหน่อยเรื่องขนาดหัวกระสุน
หัวกระสุนปืนนั้นจะบอกเป็นคาลิเบอร์
(calibre)
ถ้าเป็นตัวเลขมีจุดทศนิยมข้างหน้าแสดงว่าหน่วยเป็นนิ้ว
เช่น .380
ACP .32 ACP .45 ACP
ถ้าเป็นตัวเลขที่มีตัวเลขนำหน้าจุดแสดงว่าหน่วยเป็นมิลลิเมตร
เช่น 9
mm Luger 7.65 mm 11 mm
ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวเลขขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหัวกระสุนที่แท้จริงเสมอไป
เพราะเป็นเรื่องปรกติที่หัวกระสุนที่ยิงผ่านรูลำกล้องขนาดเดียวกันจะมีชื่อเรียกต่างกัน
เช่นกระสุนขนาด .38
special .357 magnum .380 ACP และ
9
mm Luger ต่างใช้ลำกล้องที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากัน
กระสุน .22LR
.222 Remington .223 Remington 5.56 x 45 mm NATO
ต่างใช้ลำกล้องที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากัน
กระสุนขนาด .45
ไปจนถึง
.458
ก็ใช้ลำกล้องขนาดเดียวกัน
เหตุผลหนึ่งในการที่เขาเรียกกระสุนที่อยู่ในคาลิเบอร์เดียวกันด้วยตัวเลขที่แตกต่างกันนั้นก็เพื่อเป็นการระบุว่าเป็นกระสุนต่างชนิดกัน
โดยปรกติหัวกระสุนจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าลำกล้องเล็กน้อย
เพื่อกันไม่ให้แก๊สที่เกิดจากการเผาไหม้ดินปืนนั้นรั่วไหลออกไปได้
จะได้มีแรงดันหัวกระสุนได้เต็มที่
ผิวของหัวกระสุนจึงต้องทำจากโลหะที่อ่อนกว่าลำกล้องปืน
ส่วนใหญ่ก็เป็นตะกั่ว
หรือไม่ก็หุ้มแกนตะกั่วไว้ด้วยเปลือก
(jacket)
ที่ทำจากโลหะทองแดงอีกที
ผมเล็งดูแนวจุดที่กระสุนตกกระทบพื้นและรูที่กระเบื้องมุงหลังคาแล้ว
พบว่ามีความเป็นไปได้ว่ากระสุนดังกล่าวมาจากที่เดิมที่มันเคยมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น