วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หัวกระสุนจากฟากฟ้า MO Memoir : Monday 27 May 2556

เย็นวันวานคุณน้าบ้านติดกันเอาสิ่งของที่เก็บได้ตอนกวาดบ้านตอนเช้ามาให้ดู คือหัวกระสุนปืน ๒ หัวกับเศษกระเบื้องหลังคา
  
แกบอกว่าไปแจ้งความแล้ว ร้อยเวรบอกว่าบอกไม่ได้ว่าเป็นกระสุนขนาดใด เรียกตำรวจอีก ๒ คนมาช่วยดูก็บอกว่ายังบอกไม่ได้ว่าเป็นกระสุนขนาดใด
  
แต่พอผมเห็นหัวกระสุนที่แกเอามาให้ดูก็บอกได้ว่านัดหนึ่งนั้นน่าจะเป็น 9 มม. อีกนัดหนึ่งที่เล็กกว่านั้นน่าจะเป็นขนาด .32 (หรือ 7.65 มม) ผมก็ไปเอากระสุนที่มีอยู่มาเปรียบเทียบ ส่วนคุณน้าแกก็ไปเอาเวอร์เนีย์มาวัด ซึ่งก็สรุปได้ว่าเป็นไปตามที่คาด
 
รูปที่ ๑ (ซ้าย) หัวกระสุนขนาดคาลิเบอร์ 9 มม. ที่เก็บได้และเศษกระเบื้องหลังคา และหัวกระสุนขนาดคาลิเบอร์ .32 นิ้ว (หรือ 7.65 มม) ทั้งสองหัวเป็นชนิดตะกั่วล้วน แสดงว่าน่าจะยิงมาจากปืนพก ส่วนนัดกลางเป็นกระสุนขนาด9 มม. หัวตะกั่วล้วน (Lead Round Nose - LRN) ที่นำมาเปรียบเทียบ (ขวา) ในวงกลมเหลืองคือรอยที่ทะลุหลังคาลงมา

ที่แปลกใจคือการที่ตำรวจ ๓ นายที่โรงพักบอกว่าไม่สามารถระบุขนาดได้ ผมว่ามันแปลก เพราะกระสุนขนาด 9 มม. นี่ตำรวจก็ใช้กันเกลื่อน คนทั่วไปก็มีใช้กันเยอะ ถ้าตำรวจจะบอกว่าไม่เคยเห็นหัวกระสุนขนาด 9 มม. นี่ก็ไม่รู้ว่าจะว่ายังไงแล้ว (ผมว่ามันควรจะอยู่ในวิชาเรียนด้วยซ้ำ) หรือว่าเขารู้แต่ทำเป็นไม่รู้ อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่หัวกระสุนทั้งสองนัดนั้นมีรอยเกลียวลำกล้องชัดเจน
  
หัวกระสุน 9 มม. นั้นเขาเก็บได้เช้าวันวานตอนออกมาเดินกวาดโรงรถ ส่วนขนาด .32 นั้นเก็บได้ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ตรงกระเบื้องที่แตกนั้นเป็นตำแหน่งที่กระเบื้องซ้อนกันสองแผ่นด้วย ตำแหน่งรูกระเบื้องที่แตกและตำแหน่งที่หัวกระสุน 9 มม. ตกกระทบพื้นแสดงว่ากระสุนถูกยิงในมุมค่อนข้างเฉียง เป็นไปได้ว่าถูกยิงขึ้นฟ้ามาจากตำแหน่งที่ค่อนข้างไกล (เดาว่าอาจจะเกินกว่า ๑๐๐ เมตร เว้นแต่ว่าจะเป็นการยิงจากที่สูง) ผมเห็นความเสียหายแล้วเดาว่าถ้าลงศีรษะใครก็สามารถเจาะกระโหลกเข้าไปได้
  
บ้านคุณน้าหลังนี้เขาเจออย่างนี้มา ๕ ครั้งแล้ว หนึ่งในนั้นเป็นตอนปีใหม่ ตอนนั้นผมก็นั่งคุยกับเขาอยู่ที่บ้านเขาในโรงรถ พอเที่ยงคืนก็มีเสียงปืนดังมาจากแฟลตตำรวจของโรงพัก (อยู่ใกล้ ๆ กัน ห่างไม่กี่สิบเมตร) รัวเป็นชุด ๆ ประมาณ ๖-๗ นัด สักพักหนึ่งก็มีเสียงดังปังที่หลังคาโรงรถห่างจากโต๊ะที่ผมนั่งคุยกับเขาไม่กี่เมตร ปรากฏว่ามีหัวกระสุน 9 มม. ตกลงมาหนึ่งนัด ทะลุหลังคาตกลงมาบนกระโปรงหน้ารถที่จอดอยู่ ทำเอากระโปรงหน้ารถบุบเป็นรอยไป

พฤติกรรมยิงปืนขึ้นฟ้าเวลามีงานต่าง ๆ นี่รู้สึกว่าจะมีเป็นประจำในต่างจังหวัด จัดเป็นพฤติกรรมที่ทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น และทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตได้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็มีเด็กเสียชีวิตจากกระสุนปืนที่เกิดจากการยิงขึ้นท้องฟ้าหลายราย แถวบ้านผมแม้จะอยู่ในกรุงเทพ แต่อาจเป็นเพราะไม่ได้มีบ้านคนอยู่หนาแน่นติดกันเป็นบริเวณกว้าง จึงอาจทำให้คนยิงคิดว่าโอกาสที่จะไปตกลงบ้านคนหรือถูกคนอื่นเข้าคงจะน้อย แต่จะว่าไปแล้วคนคิดที่จะยิงปืนขึ้นฟ้าในเมือง แสดงว่าเขาไม่ได้สนใจว่าจะทำให้ใครเดือดร้อน

แถมตอนท้ายหน่อยเรื่องขนาดหัวกระสุน หัวกระสุนปืนนั้นจะบอกเป็นคาลิเบอร์ (calibre) ถ้าเป็นตัวเลขมีจุดทศนิยมข้างหน้าแสดงว่าหน่วยเป็นนิ้ว เช่น .380 ACP .32 ACP .45 ACP ถ้าเป็นตัวเลขที่มีตัวเลขนำหน้าจุดแสดงว่าหน่วยเป็นมิลลิเมตร เช่น 9 mm Luger 7.65 mm 11 mm ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวเลขขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหัวกระสุนที่แท้จริงเสมอไป เพราะเป็นเรื่องปรกติที่หัวกระสุนที่ยิงผ่านรูลำกล้องขนาดเดียวกันจะมีชื่อเรียกต่างกัน เช่นกระสุนขนาด .38 special .357 magnum .380 ACP และ 9 mm Luger ต่างใช้ลำกล้องที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากัน กระสุน .22LR .222 Remington .223 Remington 5.56 x 45 mm NATO ต่างใช้ลำกล้องที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากัน กระสุนขนาด .45 ไปจนถึง .458 ก็ใช้ลำกล้องขนาดเดียวกัน เหตุผลหนึ่งในการที่เขาเรียกกระสุนที่อยู่ในคาลิเบอร์เดียวกันด้วยตัวเลขที่แตกต่างกันนั้นก็เพื่อเป็นการระบุว่าเป็นกระสุนต่างชนิดกัน
  
โดยปรกติหัวกระสุนจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าลำกล้องเล็กน้อย เพื่อกันไม่ให้แก๊สที่เกิดจากการเผาไหม้ดินปืนนั้นรั่วไหลออกไปได้ จะได้มีแรงดันหัวกระสุนได้เต็มที่ ผิวของหัวกระสุนจึงต้องทำจากโลหะที่อ่อนกว่าลำกล้องปืน ส่วนใหญ่ก็เป็นตะกั่ว หรือไม่ก็หุ้มแกนตะกั่วไว้ด้วยเปลือก (jacket) ที่ทำจากโลหะทองแดงอีกที

ผมเล็งดูแนวจุดที่กระสุนตกกระทบพื้นและรูที่กระเบื้องมุงหลังคาแล้ว พบว่ามีความเป็นไปได้ว่ากระสุนดังกล่าวมาจากที่เดิมที่มันเคยมา

ไม่มีความคิดเห็น: