เนื้อหาในบันทึกนี้เป็นตอนต่อจากงานที่มอบหมายให้กลุ่ม
DeNOx
ทดสอบที่กล่าวไว้ในบันทึกปีที่
๖ ฉบับที่ ๖๗๕ วันอังคารที่
๑ ตุลาคม พ.ศ.
๒๕๕๖
เรื่อง "แนวทางหัวข้อการทำวิทยานิพนธ์นิสิตรหัส
๕๕ (ตอนที่
๑๓)"
เป็นบันทึกการแก้ปัญหาพีค
SO2
หายไปที่อุณหภูมิสูง
ที่ได้กระทำไปในช่วงวันอังคารที่
๑ -
พฤหัสบดีที่
๓ ตุลาคมที่ผ่านมา
สิ่งที่ผมสงสัยคือมันเกิดปัญหาแบบเดียวกับที่เคยกล่าวไว้ในบันทึกปีที่
๕ ฉบับที่ ๔๙๔ วันเสาร์ที่
๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ เรื่อง
"สรุปปัญหาระบบ
DeNOx
(ภาค
๓)"
หรือไม่
สิ่งแรกที่ได้ให้ทีม DeNOx ทำก็คือ
ทดลองลดปริมาณ TiO2
จาก
0.10
g เหลือ
0.07
g และเปลี่ยนท่อเชื่อมด้านขาออกของ
Mass
flow controller ของ
SO2
จากท่อสแตนเลสหัก
90º
มาเป็นท่อพลาสติกโค้งดังรูปที่
๑ ข้างล่าง
รูปที่
๑ สายท่อพลาสติกที่ใช้ในการเชื่อมต่อด้านขาออกของ
Mass
flow controller ของ
SO2
เข้าเส้นทางการไหลหลัก
จากนั้นให้วัดความเข้มข้น
SO2
ด้านขาออกที่อุณหภูมิ
200ºC
และ
450ºC
โดยที่อุณหภูมิ
200ºC
นั้นไม่ต้องรอจนกระทั่งระบบเข้าสู่สมดุล
(ที่อุณหภูมิต่ำ
TiO2
จะดูดซับ
SO2
ได้มากกว่าที่อุณหภูมิสูง)
เอาแต่เห็นพีคสูงมากพอก็ใช้ได้
แล้วก็ให้ปรับอุณหภูมิ
reactor
ไปเป็น
450ºC
จากนั้นวัดพีค
SO2
ใหม่
ถ้าเห็นพีค SO2
ที่
450ºC
มีขนาดเท่ากับหรือใหญ่กว่าพีค
SO2
ที่
200ºC
ก็แสดงว่าการลดขนาดเบด
(จาก
0.10
g หรือ
0.07
g) และการปรับแนวท่อ
(จากท่อหักฉากมาเป็นท่อโค้ง)
สามารถลดความต้านทานด้านขาออก
และทำให้ SO2
ไหลได้สม่ำเสมอตลอดทั้งช่วงอุณหภูมิทำการทดลอง
(200-450ºC)
จากผลการทดสอบที่แสดงในรูปที่
๒ ข้างล่างจะเห็นว่าได้พีค
SO2
กลับคืนมาเหมือนเดิมที่
450ºC
(ดูจากการที่พีค
SO2
ที่
450ºC
นั้นไม่ได้มีขนาดเล็กกว่าพีค
SO2
ที่
200ºC)
งานส่วนนี้กระทำไปในวันอังคารที่
๑ ตุลาคม ๒๕๕๖
รูปที่
๒ พีค SO2
ที่อุณหภูมิ
200ºC
และ
450ºC
ผ่านเบดที่บรรจุ
TiO2
0.07 g ที่เห็นว่าพีคที่
200ºC
นั้นต่ำกว่าพีคที่
450ºC
เป็นเพราะไม่ได้รอให้ระบบเข้าสู่สมดุลที่
200ºC
(ถ้ารอก็คงจะได้พีคสูงกว่านี้)
งานถัดมาที่กระทำในวันที่
๒ ตุลาคม ๒๕๕๖
เป็นการทดสอบว่าตัวปัญหาหลักอยู่ที่ระบบท่อหรืออยู่ที่เบด
โดยในการนี้ได้ให้ทำการต่อท่อเข้าเหมือนเดิม
(Old
line) โดยยังคงใช้เบดที่บรรจุ
TiO2
เอาไว้
0.07
g จากการทดสอบพบว่าพีค
SO2
ที่
450ºC
นั้นหายไป
(Old
line ในรูปที่
๓ ข้างล่าง)
แต่เมื่อทำการเปลี่ยนเป็นท่อพลาสติก
ก็ได้พีค SO2
กลับคืนมา
แสดงว่าระบบท่อเดิมด้านขาออกของ
Mass
flow controller ของ
SO2
นั้นได้รับผลกระทบมากจากความต้านทานการไหลที่เพิ่มขึ้นเมื่อเบดมีอุณหภูมิสูงขึ้น
รูปที่
๓ พีค SO2
ที่อุณหภูมิ
200ºC
และ
450ºC
ผ่านเบดที่บรรจุ
TiO2
0.07 g การทดสอบนี้เป็นการทดสอบว่าปัญหาอยู่ที่ตัวเบดหรืออยู่ที่ข้อต่อ
3
ทาง
โดยในการนี้ได้ทดลองต่อท่อกลับคืนเดิม
(Old
line) พบว่าที่
200ºC
พีคยังปรากฏเหมือนเดิม
แต่ที่ 450ºC
นั้นพีค
SO2
หายไป
แต่พอเปลี่ยนมาเป็นท่อพลาสติก
(New
line) พบว่าที่
450ºC
ก็ได้พีค
SO2
กลับมาเหมือนเดิม
แสดงว่าความต้านทานการไหลของข้อต่อสามทางทางด้านขาออกของ
Mass
flow controller ของ
SO2
นั้น
ส่งผลต่อการไหลของ SO2
ที่อุณหภูมิสูงอย่างมาก
งานสุดท้ายที่ทำการทดสอบในเช้าวันนี้คือทดลองใช้ท่อพลาสติก
(New
line) แต่ใช้ปริมาณ
TiO2
เป็น
0.10
g (ปริมาณที่ใช้ในการทดลองต่าง
ๆ ก่อนหน้านี้)
การทดสอบนี้กระทำเพื่อตรวจสอบว่าความต้านทานการไหลระหว่างตัวท่อกับที่เบดนั้น
ที่ไหนมีบทบาทสำคัญในการรบกวนการไหลของ
SO2
จาก
Mass
flow controller การทดสอบนี้กระทำที่อุณหภูมิเดียวคือ
450ºC
ผลการทดสอบที่แสดงในรูปที่
๔ ข้างล่างชี้ให้เห็นว่าตัวปัญหาหลักคือตัวท่อ
ไม่ใช่ตัวเบด เพราะไม่ว่าจะใช้
TiO2
0.07 g หรือ
0.10
g ก็ให้พีคที่เหมือนกัน
รูปที่
๔ พีค SO2
ที่อุณหภูมิ
200ºC
และ
450ºC
ผ่านเบดที่บรรจุ
TiO2
0.10 g การทดสอบนี้เป็นการทดสอบว่าปัญหาอยู่ที่ตัวเบดหรืออยู่ที่ข้อต่อ
3
ทาง
โดยในการนี้ได้ใช้ท่อพลาสติก
(New
line) แต่ใช้ปริมาณ
TiO2
0.01 g พบว่าที่
450ºC
ก็ได้พีค
SO2
ที่มีขนาดใกล้เคียงกับพีค
SO2
ที่ได้เมื่อใช้
TiO2
0.07 g แสดงว่าที่อุณหภูมิสูง
ความดันลดคร่อมเบดไม่ได้ส่งผลต่อการไหลของ
SO2
มากเหมือนผลของของข้อต่อสามทางทางด้านขาออกของ
Mass
flow controller ของ
SO2
ต่อจากนี้หวังว่าคงไม่มีปัญหาภาค
๕ ตามมาอีกนะ
ว่าแต่ว่าพวกคุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมผมจึงคิดว่าปัญหามันน่าจะอยู่ตรงท่อตำแหน่งนั้นตั้งแต่แรก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น