แบบทดสอบนี้
ก่อนเริ่มสอนวิชาเคมี
(จะบรรยายหรือปฏิบัติการก็ตาม)
อาจารย์ท่านไหนอยากจะลองเอาไปทดสอบนิสิตที่สอนดูก็ได้นะครับ
เพราะอาจจะได้คำตอบที่คาดไม่ถึงก็ได้
ผมสอนวิชาเคมีวิเคราะห์
เคมีอินทรีย์ ทั้งบรรยายและปฏิบัติการ
ให้กับนิสิตวิศวกรรมเคมีปี
๒ แม้ว่านิสิตกลุ่มนี้จะได้ชื่อว่าเป็นพวกคะแนนสอบเอนทรานซ์สูงก็ตาม
แต่ระบบการสอบนั้นก็สอบภาคทฤษฎีเพียงอย่างเดียว
ทำให้การสอนภาคปฏิบัติในระดับโรงเรียนจะเรียกว่าแทบจะไม่เหลือก็ได้
หรือแม้แต่นิสิตที่เคยผ่านค่ายวิชาการต่าง
ๆ แต่ที่พบก็คือมักจะเรียนมาแบบทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
หรือทำตามที่บอกกล่าวต่อ
ๆ กันมา โดยไม่รู้ว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น
หรือคิดว่ามันต้องทำอย่างนั้นเสมอ
และยิ่งในส่วนทฤษฎีด้วยแล้ว
เพื่อให้การออกข้อสอบ
การตรวจข้อสอบ และ "การคำนวณ"
ทำได้ง่าย
จึงมีการกำหนดเนื้อหาการสอนให้เหมือนกันหมด
และที่แย่หน่อยคือในส่วนของ
"การคำนวณ"
ที่มีการสอนให้ใช้หน่วยที่ง่ายต่อการคำนวณ
(IUPAC)
แต่ไม่ใช่หน่วยที่ใช้งานกันทั่วไป
(ลองนึกภาพถ้าพยากรณ์อากาศบอกอุณหภูมิอากาศเป็นเคลวินแทนองศาเซลเซียส
คุณจะรู้สึกอย่างไรก็ได้ครับ)
หลายปีที่ผ่านมาพบว่าสาเหตุหนึ่งที่สอนหนังสือแล้วนิสิตเรียนไม่รู้เรื่องก็คือ
"คุยกันคนละภาษา"
คือนิสิตเรียนระดับมัธยมปลายมาด้วยการเรียกชื่อและหน่วยวัดในรูปแบบหนึ่ง
(เน้นที่
IUPAC
เป็นหลัก)
แต่ในมหาวิทยาลัยจะสอนกันด้วยการเรียกชื่อสามัญที่ใช้กันทั่วไปในวงการอุตสาหกรรม
(common
name เช่นอุตสาหกรรมเรียนโอเลฟินส์
ไม่มีใครเรียกอัลคีน)
และด้วยหน่วยวัดที่ใช้งานจริงเป็นหลัก
(Engineering
unit)
สัปดาห์ที่แล้วผมได้คุยกับอาจารย์จากต่างสถาบันที่นำนิสิตปี
๔ มาทำซีเนียร์โปรเจคในแลปวิจัยที่ผมมีนิสิตทำงานอยู่
ผมลองถามเขาเล่น ๆ
ว่าอาจารย์คิดว่านิสิตเขารู้วิธีทำแลปเคมีที่ถูกต้องไหม
และอาจารย์เคยดูนิสิตทำแลปเคมีไหม
(แบบว่าตามดูเลยนะครับว่าแต่ละขั้นตอนเขาทำงานอย่างไร)
ผมก็บอกกับเขาว่า
จากประสบการณ์ที่เคยเจอ
(เอาเป็นว่ากับนิสิตในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ก็แล้วกัน)
เกือบทั้งหมดไม่รู้วิธีการทำที่ถูกต้อง
ต่อให้มีรุ่นพี่ปริญญาโทช่วยดูแลก็ตาม
เพราะรุ่นพี่เหล่านั้นก็ไม่รู้วิธีการทำงานที่ถูกต้องเช่นกัน
(ลองดูเวลานิสิตเตรียมสารลายมาตรฐานดูก็ได้ครับ
ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ขั้นตอนการชั่งสารหรือการเลือกใช้อุปกรณ์วัดปริมาตร)
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ผมได้ทดลองทำแบบทดสอบเล่น
ๆ ให้นิสิตทำก่อนเริ่มเรียน
โดยไม่ต้องเขียนชื่อหรือเลขประจำตัวลงบนกระดาษคำถามที่ส่งให้
(แบบทดสอบบางข้อผมนำไปใช้กันนิสิตปริญญาโท
และก็ได้ผลออกมาในทำนองเดียวกัน)
ตรงนี้อาจารย์ท่านใดจะลองเอาไปเล่นบ้างก็ได้นะครับ
ผมไม่ขอเฉลยคำตอบ
แต่จะอธิบายว่าทำไมถึงถามคำถามนั้น
ข้อ
๑
วาดรูปสูตรโครงสร้างโมเลกุลของ
โทลูอีน (Toluene)
พาราไซลีน
(p-Xylene)
และสไตรีน
(Styrene)
ข้อ
๒ วาดรูปสูตรโครงสร้างโมเลกุลของ
เอทิลีน (Ethylene)
อะเซทิลีน
(Acetylene)
และเอทิลเมทิลอีเทอร์
(Ethyl
methyl ether)
สองข้อนี้เป็นการทดสอบดูว่านิสิตมีความรู้เรื่องการเรียกชื่อสามัญมากน้อยเท่าใด
ตรงนี้เราต้องไม่ลืมนะครับว่าแม้ว่าโรงเรียน
(หรือมหาวิทยาลัยเอง)
จะสอนการเรียกชื่อด้วยระบบ
IUPAC
แต่ในวงการอุตสาหกรรมนั้นไม่มีใครใช้การเรียกชื่อแบบดังกล่าว
และนี่ก็เป็นหน้าที่ของอาจารย์ที่ต้องฝึกนิสิตให้รู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเขาคุยกันด้วยภาษาอะไร
ไม่ใช่สอนให้นิสิตหลงอยู่แต่ในโลกตำราหรือห้องวิจัย
ข้อ
๓
วาดรูปต้นสับปะรดที่มีผลสับปะรดติดอยู่
โจทย์ข้อนี้อย่าว่าแต่นิสิตเลย
แม้แต่ตัวอาจารย์เอง
(โดยเฉพาะอาจารย์จบใหม่)
ตอบถูกไหมครับ
ข้อนี้ผมถามเล่น ๆ
เพื่อที่จะตรวจดูว่า
นิสิตที่จะสอนนั้นเติบโตมาในสภาพแวดล้อมอย่างไร
(จำนวนไม่น้อยนะครับที่เคยเจอ
ที่แม้ว่าจะได้เดินทางไปหลายที่
แต่ก็เป็นการเที่ยวที่เน้นแต่สิ่งก่อสร้างเป็นหลัก
หรือไปเพื่อให้ได้ชื่อว่าไป
โดยไม่เคยเห็นว่าสองข้างทางระหว่างการเดินทางนั้นได้เดินทางผ่านอะไรบ้าง
ลองดูตัวอย่างคำตอบที่ผมเคยทดสอบได้ที่
Memoir
สองฉบับนี้ครับ
ปีที่
๑๐ ฉบับที่ ๑๔๒๔ วันพฤหัสบดีที่
๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ เรื่อง
"วาดรูปต้นสับปะรดที่มีผลสับปะรดติดอยู่"
และ
ปีที่
๑๐ ฉบับที่ ๑๔๙๗ วันพุธที่
๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ เรื่อง
"วาดรูปต้นสับปะรดที่มีผลสับปะรดติดอยู่ (๒)"
ข้อ
๔ ปริมาตร
100
cc เท่ากับกี่ลิตร
ข้อ
๕ ค่า sp.gr
ของน้ำบริสุทธิ์และของอากาศที่อุณหภูมิห้องและความดันปรกติมีค่าประมาณเท่าไร
ระหว่างการคุมสอบวิชาการคำนวณพื้นฐานทางวิศวกรรมเคมี
(ที่ออกข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ)
นิสิตรายหนึ่งถามผมว่าหน่วย
"cubic
centimetre" คืออะไร
ตอนแรกที่ได้ยินคำถามนี้ก็นึกว่าเป็นกรณีพิเศษ
แต่พอผ่านไปได้อีกสักพักหนึ่ง
ปรากฏว่ามีคนถามหลายรายเหมือนกัน
แต่ไม่ใช่ในห้องที่ผมคุมสอบห้องเดียว
อีกห้องสอบหนึ่งที่สอบด้วยข้อสอบเดียวกันก็มีปัญหาเหมือนกัน
และในข้อสอบเดียวกันนั้นก็มีคำถามว่า
"sp.gr.
คือหน่วยของอะไรเช่นกัน
เรื่องนี้เคยเล่าไว้แล้วใน
Memoir
ปีที่
๖ ฉบับที่ ๗๖๗ วันอาทิตย์ที่
๑๐ มีนาคม ๒๕๕๗ เรื่อง "Cubic centimetre กับ Specific gravity"
ข้อ
๖ สารละลาย
NaOH
0.1 M เข้มข้นเท่ากับกี่
mol/l
ข้อ
๗ สารละลาย
H2SO4
0.1 N เข้มข้นเท่ากับกี่
mol/l
บนคีย์บอร์ดนั้น
แป้นตัว N
และ
M
มันอยู่ติดกัน
คำถามนี้เคยมีคนถามบนเว็บบอร์ดชื่อดัง
และก็มีคน
(ที่มักจะมาตอบคำถามเกี่ยวกับเคมีให้กับคนอื่น
ๆ ที่มาตั้งคำถามในบอร์ดนั้น)
มาอธิบายว่า
น่าจะเกิดจากการพิมพ์ผิด
คือโจทย์ที่ถูกต้องนั้นน่าจะถามหน่วยเป็น
M
ไม่ใช่
N
หน่วย
normality
หรือที่ย่อว่า
N
นั้นยังมีการใช้งานอยู่ครับ
และมันก็ไม่เท่ากับหน่วย
M
เสมอไปด้วย
แต่ดูเหมือนเราจะไม่มีการสอนกันในระดับโรงเรียนและปี
๑ ในมหาวิทยาลัยให้รู้จักหน่วยนี้
ตรงนี้คนที่ทำงานอยู่
ถ้าเป็นคนรุ่นเก่าที่รู้จักหน่วย
N
เวลาที่มอบหมายงานให้คนรุ่นใหม่ก็อย่าคิดว่าเขาจะรู้จักหน่วย
N
เสมอไปนะครับ
เขาจะเข้าใจว่าเอกสารที่คุณส่งให้เขานั้นมันพิมพ์ผิด
แล้วเขาจะปรับแก้ว่าที่ถูกต้องคือหน่วย
M
ถ้าเป็นการเตรียมสารละลาย
NaOH
ก็ยังพบว่า
แต่ถ้าเป็นการเตรียมสารละลาย
H2SO4
ก็คนละเรื่องเลย
เรื่องนี้เคยเล่าไว้ใน
Memoir
ปีที่
๑ ฉบับที่ ๒ วันพุธที่ ๙ กรกฎาคม
๒๕๕๑ เรื่อง "ความเข้มข้นของสารละลาย M N หรือ F"
ข้อ
๘ หยดสารละลายเข้มข้น
NaOH
0.1 M จากบิวเรตลงในสารละลาย
H2SO4
ที่อยู่ในบีกเกอร์
ให้วาดรูปกราฟแสดงลักษณะการเปลี่ยนแปลงค่า
pH
(แกนตั้ง)
ของสารละลายในบีกเกอร์
ตามปริมาตรสารละลาย NaOH
(แกนนอน)
ที่หยดลงไป
เราเรียนและก็สอนกันนะครับว่ากรดกำมะถัน
H2SO4
แตกตัวให้โปรตอนได้สองครั้ง
ดังนั้นถ้าเอาสารละลายกรดกำมะถันใส่บีกเกอร์
จากนั้นหยดสารละลาย NaOH
ลงในปีกเกอร์
แล้วว่าค่าการเปลี่ยนแปลงพีเอชของสารละลายในบีกเกอร์
เราจะได้กราฟรูปร่างหน้าตาอย่างไร
ลองคิดดูเอาเองเล่น ๆ ก่อนนะครับ
แล้วลองไปดูตัวอย่างคำตอบที่ผมได้มาได้ที่
Memoir
ปีที่
๗ ฉบับที่ ๙๕๐ วันอังคารที่
๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เรื่อง
"กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4)"
ปีที่
๘ ฉบับที่ ๑๐๙๓ วันพฤหัสบดีที่
๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ เรื่อง
"กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4) ตอนที่ ๒"
ข้อ
๙
"เราสามารถหาค่าความเข้มข้นของสารละลายกรดที่ไม่ทราบชนิดด้วยการวัดค่า
pH
ของสารละลายและทำการคำนวณค่า
antilog
ค่า
pH
ที่วัดได้"
เป็นคำกล่าวที่ถูกหรือผิด
ให้เหตุผลสั้น ๆ ประกอบ
ข้อนี้ก็ไม่มีอะไรมาก
เป็นเพียงแค่การวัดความเข้าใจพื้นฐาน
แต่เอาเข้าจริง ๆ
พอลองถามนิสิตบัณฑิตศึกษา
ก็มีคนตอบไม่ได้เยอะเหมือนกัน
ข้อ
๑๐ ในการใช้ปิเปตนั้น
เราจำเป็นต้องไล่ของเหลวที่ค้างอยู่ที่ปลายปิเปตออกให้หมดหรือไม่
ข้อนี้ดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่ผมเคยถามนิสิตปี ๒
ที่ผ่านการเรียนวิชาปฏิบัติการเคมีตอนปี
๑ มาแล้ว ปรากฏว่าได้คำตอบมาสองคำตอบทั้ง
ๆ ที่เรียนวิชาเดียวกัน
ใช้ห้องเรียนเดียวกัน
อุปกรณ์ตัวเดียวกัน
แต่เรียนกันคนละตอนเรียนและคนสอนคนละคนกัน
สอนการใช้อุปกรณ์ตัวเดียวกันไม่เหมือนกัน
ผมก็ถามเขากลับไปว่า
อาจารย์คนที่สอนว่าต้อง
"ไล่"
ออกให้หมดนี่
อายุน้อยกว่า
(คือเป็นอาจารย์ที่เพิ่งจบมาทำงานใหม่
ๆ)
อาจารย์คนที่สอนว่า
"ไม่ต้องไล่"
ใช่ไหม
(อนึ่ง
ผมเองไม่รู้จักแม้แต่ชื่ออาจารย์ผู้สอนด้วยซ้ำ)
นิสิตก็ตอบว่าใช่
ลองเดาได้ไหมครับว่า
คำถามของผมที่ผมถามนิสิต
กับวิธีการสอนการใช้ปิเปตนั้น
มันสัมพันธ์กับอายุอาจารย์ผู้สอนอย่างไร
และคำถามเรื่องการใช้ปิเปตนี้ผมต้องถามนิสิตในชั่วโมงแรกที่เจอกันทุกปี
เพราะมันก็ยังได้สองคำตอบแบบเดิมทุกปี
ส่วนรูปในหน้าถัดไป
เป็นเพียงแค่การทดสอบว่าเขามีความรู้ในการเรียกชื่อภาษาอังกฤษของเครื่องมือมากน้อยเพียงใด
เพราะในปัจจุบันดูเหมือนว่า
ข้อสอบในหลาย ๆ
เรื่องที่นิสิตทำไม่ได้หรือทำผิดนั้น
มาจากการแปลโจทย์ภาษาอังกฤษผิด
ที่โจทย์เป็นภาษาอังกฤษเดาว่าคงเป็นเพราะลอกจากหนังสือต่างประเทศมาตรง
ๆ และอาจารย์ไม่รู้ว่าจะแปลไทยว่าอย่างไร
กลัวว่าจะเขียนภาษาไทยไม่รู้เรื่อง
โดยส่วนตัว
เห็นว่าปัญหาหนึ่งที่เกิดในการสอนวิชาปฏิบัติการเคมีในปัจจุบันก็คือ
เราไม่ยอมรับความจริงที่ว่านิสิตที่เข้ามาเรียนนั้นไม่มีความรู้ที่ถูกต้องในการใช้อุปกรณ์พื้นฐาน
และไม่มีประสบการณ์ในการลงมือทำ
ทั้งนี้เป็นเพราะรูปแบบการรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นเน้นแต่เพียงภาคทฤษฎี
ทำให้การเรียนภาคปฏิบัติในระดับโรงเรียนมัธยมนั้นไม่ได้รับความสำคัญใด
ๆ
การสอนในระดับมหาวิทยาลัยที่เน้นไปที่การทำการลองต่าง
ๆ เพื่อให้ได้ผลออกมานั้นต้องทำอย่างไร
จึงมักจะเกิดปัญหาว่าผลที่ได้ออกมานั้นไม่ถูกต้อง
เพราะผู้ทำไม่มีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือมาก่อน
ยิ่งเป็นการทดลองที่ไม่ได้มีการระบุตัวเครื่องมือให้ใช้ด้วย
(เช่นบอกแต่ว่าให้ตวงสารมาปริมาตรเท่านี้มิลลิลิตร
แต่ไม่กำหนดอุปกรณ์ที่ให้ใช้ตวง
ให้เลือกเอาเอง)
เผลอ
ๆ นิสิตจะทำงานต่อไม่ได้เลย
เพราะไม่รู้ว่าควรต้องใช้อุปกรณ์ใดในการวัดปริมาตร
อันนี้เป็นสิ่งที่เคยพบกับตัวเอง
แม้ว่าจะเป็นนิสิตที่ผ่านการติวเข้มค่ายวิชาการสมัยเรียนมัธยมปลายมาด้วยซ้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น