เมื่อเย็นวันพฤหัสบดีที่
๔ กันยายนที่ผ่านมา
มีงานปิดกีฬาน้องใหม่ของทางมหาวิทยาลัยที่สนามฟุตบอลของทางมหาวิทยาลัย
คณะต่าง ๆ
ก็ส่งทั้งกองเชียร์และเชียร์ลีดเดอร์มาร่วมงาน
พร้อมเตรียมการแสดงต่าง ๆ
เย็นวันนั้นผมก็ไปรับลูกสาวที่โรงเรียน
ก็ต้องเดินเลียบข้างสนามกีฬาดังกล่าวตลอดความยาว
ตั้งแต่ด้านทิศเหนือ
(ที่เป็นอาคารสนามกีฬาในร่ม)
ไปจนสุดท้านทิศใต้
(ที่เป็นอาคารจอดรถ)
พอจะข้ามถนนตรงสุดสนามด้านทิศใต้
ก็เห็นมีรุ่นพี่มานั่งงัดแงะอะไรบางอย่างอยู่ที่โคนพุ่มไม้
สักพักก็เห็นเขาหยิบอิฐตัวหนอนที่ทางมหาวิทยาลัยใช้กั้นเป็นขอบดินแนวพุ่มไม้นั้นขึ้นมา
แล้วก็วิ่งหายเข้าไปในสนามกีฬา
เมื่อวานตอนเย็นก็เดินผ่านมุมเดิมอีกครั้ง
สนามกีฬาไม่มีงานแล้ว
แต่ยังมีร่องรอยของการจัดงานหลงเหลืออยู่
พอเดินผ่านแถวพุ่มไม้ที่เห็นนิสิตรุ่นพี่หยิบอิฐตัวหนอนไปเมื่อวาน
ก็เห็นว่ามันยังคงแหว่งไปเหมือนเดิม
(รูปที่
๑)
ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหายไปไหน
ได้แต่เดาว่าคงถูกเอาไปวางทิ้งไว้ในสนามกีฬาที่ใช้จัดงานเมื่อวาน
และคงไม่มีใครเอาติดกลับบ้านไปในฐานะของที่ระลึกงานปิดกีฬาน้องใหม่
๒๕๕๗
เป็นเรื่องปรกติครับที่มักจะพบว่า
ไม่ว่าการจัดงานอะไรก็ตาม
จำนวนคนที่ต้องการมีส่วนร่วมในการเตรียมการจัดงาน
จำนวนคนที่เข้ามาร่วมงาน
มักจะมีมากกว่าจำนวนคนที่จัดการเก็บกวาดความเรียบร้อยหลังเลิกงาน
และเมื่อถึงเวลาจัดงานจริง
ความไม่พร้อมต่าง ๆ
ก็จะปรากฏให้เห็น
ทำให้ต้องมีการแก้ปัญหากันหน้างานเป็นประจำ
และนั่นเป็นสิ่งที่คนที่เคยมีประสบการณ์การทำงานจะบอกได้ว่าต้องเตรียมพร้อมไว้สำหรับเหตุการณ์อะไรบ้าง
และนี่ก็คือข้อดีของการได้ทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยที่นอกเหนือไปจากการเรียนในห้องเรียน
รูปที่ ๑ ในกรอบสีเหลืองคืออิฐตัวหนอนที่หายไป
รูปที่ ๒ ภาพถ่ายจากอาคารจอดรถชั้น ๕ ด้านทิศใต้ มองไปทางเหนือเฉียงไปทางตะวันออกเล็กน้อย
รูปที่ ๓ ถ่ายจากมุมเดียวกับรูปที่ ๒ รูปนี้ถ่ายไปทางเหนือค่อนไปทางตะวันตกเล็กน้อย กองเชียร์ของนิสิตจะอยู่ทางซีกตะวันตกของที่นั่งชม ซีกตะวันออกวันก็โล่ง ๆ อย่างที่เห็น
รูปที่ ๔ ถ่ายจากจุดเดิม แต่มองไปทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย ตั้งแต่ผมเข้ามาใช้ชีวิต (ทั้งเรียนและทำงาน) อยู่ที่นี่ ที่ตั้งตลาดเห็นนี้ก็เป็นแห่งที่สามแล้ว ที่ตั้งตลาดที่แรกคือบริเวณที่เป็นจตุรัสจามจุรีในปัจจุบัน ที่ตั้งแห่งที่สองย้ายมายังถนนพญาไทฝั่งตรงข้าม (ข้าง ๆ คณะนิติศาสตร์) ที่ตอนนี้เป็นที่โล่ง ๆ ใช้เป็นที่จอดรถอยู่ ส่วนตรงลานจอดรถบัสรับส่งในมหาวิทยาลัยที่เห็นมีรถบัสสีชมพูจอดอยู่สองคัน ตรงนั้นเคยเป็นสถานีบริการน้ำมันของทางมหาวิทยาลัย (ปตท.) ขายน้ำมันในราคาถูกกว่าข้างนอกลิตรละ ๑๐ สตางค์ แต่ก็ปิดบริการไปเมื่อมีการนำพื้นที่ดังกล่าวมาใช้สร้างอาคารนี้ จากมุมมองนี้ยังสามารถมองเห็นเสาของสะพานพระราม ๘ ได้ (ตรงลูกศรสีแดงชี้) แต่คิดว่าคงอีกไม่นานก็คงจะถูกบดบังด้วยอาคารสูงที่จะขึ้นมาทดแทนอาคารพาณิชย์สองชั้นแบบเดิม ๆ
รูป
๒-๔
ก็ไม่มีอะไรหรอกครับนอกจากเป็นบรรยากาศจากลานจอดรถชั้น
๕ มองออกไปทางด้านทิศเหนือ
เอามาไว้ที่นี่เผื่อว่ามีคนที่เคยมาใช้ชีวิตช่วงหนึ่ง
ณ สถาบันนี้จะแวะมาเจอ
จะได้รู้ว่าสภาพปัจจุบันนั้น
(คือ
ณ วันที่เขียนนี้)
เป็นอย่างไรมาก
แตกต่างไปจากภาพความทรงจำในอดีตของเขามากน้อยเพียงใด
เพราะเมื่อไม่ถึง ๑๐
ปีที่แล้วอาคารจอดรถนี้ยังไม่มี
ที่ตรงนี้ยังเป็นเพียงแค่สนามเทนนิสและที่โล่งที่ใช้เป็นที่จอดรถได้
ตลาดสามย่านก็ย้ายมายังที่ตั้งปัจจุบันภายหลังจากนั้น
ขณะนี้ตึกแถวสองชั้นเก่า
ๆ เริ่มหายไปเรื่อย ๆ
คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะหมดไป
กลายเป็นอาคารสูงแบบใหม่และร้านค้าในรูปแบบใหม่เข้ามาทดแทน
การจัดพื้นที่ทางเท้าและพื้นผิวการจราจรก็คงจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย
จากเดิมที่ทำกันแบบอยู่ตรงหน้าร้านใครก็ขยายออกมายึดพื้นผิวจราจรไปอีก
๑ ช่องทาง
ทำกันอย่างนี้ทั้งสองฝั่งจนบางซอยนั้นถนนกว้างขนาด
๓ หรือ ๔
ช่องทางเหลือช่องกว้างเพียงแค่รถเล็กวิ่งผ่านได้แค่คันเดียว
บทความนี้ผมว่าถ้าได้ย้อนกลับมาอ่านใหม่ในอีก
๑๐-๒๐
ปีข้างหน้า
เราก็คงจะอ่านมันด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
ด้วยเหตุนี้ผมก็เลยนำเรื่องนี้มาไว้ในชุด
"ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น